.
บรัสเซลส์ 18 เม.ย.2556 (เอเอฟพี) - สหภาพยุโรปมีแผนจะประกาศเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์กับพม่าแบบหมดจดในวันจันทร์หน้า (22 เม.ย.) โดยยกเลิกการคว่ำบาตรด้านเศรษฐกิจ การค้า และต่อปัจเจกชนทุกอย่าง ในการเริ่มความสัมพันธ์ใหม่กับประเทศซึ่งครั้งหนึ่งเป็นที่น่ารังเกียจ แหล่งข่าวทางการทูตเปิดเผยกับเอเอฟพี
หนึ่งปีหลังจากยกเลิกแซงก์ชันต่อพม่าครั้งแรกเพื่อเป็นรางวัลสำหรับการปฏิรูปครั้งประวัติศาสตร์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอียูที่ประชุมกันในกรุงลักเซมเบิร์ก จะประกาศการสิ้นสุดของมาตรการจำกัดต่างๆ ทั้งหมด เพียงแต่จะยังคงห้ามการซื้อขายอาวุธกับประเทศนี้ แหล่งข่าวกล่าว
วันจันทร์นี้ "กำลังจะมีข่าวสารอันเป็นบวกอย่างมากสำหรับพม่า ด้วยความหวังสำหรับความสัมพันธ์ใหม่" นักการทูตผู้หนึ่งกล่าวภายใต้เงื่อนไขที่จะไม่มีการเปิดเผยชื่อ
วันที่ 23 เม.ย. ปีที่แล้ว บรรดารัฐมนตรีต่างประเทศได้ตกลงใจยุติการใช้มาตรการต่างๆ ที่มีต่อปัจเจกชนชาวพม่าเกือบ 500 คน กับบริษัทต่างๆ อีกกว่า 800 แห่ง เพื่อส่งเสริมการปฏิรูป ซึ่งในวันเดียวกันนั้น ก็ได้เห็นนางอองซานซูจีผู้นำฝ่ายค้าน ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่รัฐสภา
ในบรรดามาตรการแซงก์ชันยังรวมถึงการห้ามเดินทางเข้ายุโรป กับการอายัดทรัพย์สินของบุคคลเป้าหมาย ในขณะทางด้านเศรษฐกิจนั้น อียูได้ห้ามการเข้าลงทุน และห้ามนำเข้าสินค้ามีค่าหลายรายการเช่น ไม้ซุง ธาตุโลหะ และอัญมณี ด้วย
ระหว่างไปเยือนกรุงบรัสเซลส์เดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีเต็งเส่ง ผู้นำพม่า ได้เรียกร้องให้อียูยกเลิกการคว่ำบาตร โดยระบุว่า “เราเป็นหนึ่งในบรรดาประเทศยากจนที่สุดของโลก”
ผู้นำพม่าได้รับคำมั่นเกี่ยวกับการช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจจากอียู ขณะที่อีกฝ่ายเรียกร้องให้มีการปกป้องคุ้มครองชนชาติส่วนน้อย
นับตั้งแต่อดีตนายกรัฐมนตรีได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีในเดือน มี.ค.2554 ได้มีการปล่อยนักโทษการเมืองนับพันๆ คนจากที่คุมขังต่างๆ และนำไปสู่การจัดการเลือกตั้ง
ตั้งแต่นั้นมา ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาจากอียูได้เพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็นประมาณ 150 ล้านยูโรสำหรับปี 2555-2556 โดยอียูได้ให้คำมั่นที่จะหาทางทำสัญญาการลงทุนทวิภาคีกับพม่า
อียูยังเสนอที่จะฟื้นฟูการให้สิทธิพิเศษด้านภาษีศุลกากรแก่พม่าอีกด้วย.
