.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย พล.อ.เซอร์เก ชอยกู (Sergei Shoigu) ได้เริ่มเยือนพม่าอย่างเป็นทางการในสุดสัปดาห์นี้ ก่อนจะเดินทางต่อไปเยือนเวียดนาม ซึ่งจะเข้าเยี่ยมคำนับหารือข้อราชการกับผู้นำระดับสูงของเจ้าภาพ รวมทั้งไปเยือนอ่าวกามแรง (Cam Ranh - คัมรานห์) ที่จะเป็นฐานสำหรับเรือดำน้ำ ที่เวียดนามซื้อจากรัสเซียในอนาคตอันใกล้นี้
พล.อ.ชอยกู มีกำหนดเดินทางถึงกรุงฮานอย ในวันจันทร์ 4 มี.ค.นี้ หลังการเยือนพม่า
การเยือน 2 ประเทศในย่านเอเชียแปซิฟิก “จะมุ่งเน้นไปในประเด็นความมั่นคงปลอดภัยและสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางด้านเทคนิค และการกลาโหมระหว่างกระทรวงกลาโหมรัสเซียกับกระทรวงกลาโหมพม่า และกระทรวงกลาโหมเวียดนาม” สำนักข่าวโนวอสติของรัสเซียรายงาน
ระหว่างอยู่ในพม่า พล.อ.ชอยกู จะเข้าเยี่ยมคำนับ และหารือกับนายเนียนทุน (Nyan Tun) รองประธานาธิบดีพม่า และพบหารือกับ พล.อ.มินอองหล่าย (Min Aung Hlaing) รมว.กลาโหม โนวอสติรายงานอ้างคำแถลงฉบับหนึ่งของกระทรวงกลาโหมที่ออกในกรุงมอสโกเมื่อวันศุกร์
รัสเซียมิใช่คนแปลกหน้าในพม่า แต่มีความสัมพันธ์อันใกล้ชิดกับระบอบทหารของประเทศนี้มายาวนาน และยังเป็นแหล่งสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์หลักของพม่ามาทุกยุคสมัย ถึงแม้ว่าระยะหลัง จะมีการพัฒนาความสัมพันธ์กับจีนอย่างแนบแน่นก็ตาม
ปัจจุบัน กองทัพอากาศพม่าใช้เครื่องบินรบแบบ MiG-29 เป็นกำลังหลัก และอยู่ระหว่างการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตีทันสมัยจากรัสเซียหลายสิบลำ บุคลากรทางทหารพม่าหลายร้อยคนเรียนสำเร็จ หรือไปฝึกอบรมวิชาเฉพาะในรัสเซีย
บริษัทน้ำมันจากรัสเซียจำนวนหนึ่งมีสัมปทานสำรวจขุดเจาะหาน้ำมัน และก๊าซในพม่า ทั้งแหล่งในทะเล และแหล่งบนบก บริษัทเหมืองแร่จากรัสเซียอีกจำนวนหนึ่งก็กำลังดำเนินกิจการอยู่ในประเทศนี้
รัสเซียยังมีความสัมพันธ์ความร่วมมือด้านกลาโหมอันแนบแน่นกับอินเดียซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใหญ่โตของพม่าทางทิศตะวันตก และกำลังจะส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบินวิกรมทิตย์ (Vikromditya) ให้กองทัพเรืออินเดียในปีนี้ ในขณะที่ความสัมพันธ์ร่วมมือระหว่างอินเดียกับพม่าก็กำลังพัฒนาไปอย่างรอบด้าน รวมทั้งด้านกลาโหมด้วย
ในช่วง 2 วันที่อยู่เยือนเวียดนาม รมว.กลาโหมรัสเซีย จะเข้าเยี่ยมคำนับประธานาธิบดีเจืองเติ๋นชาง (Truong Tan Sang) และพบหารือกับ พล.อ.ฝุ่งกวางแทง (Phung Quang Thanh) รมว.กลาโหม เกี่ยวกับความสัมพันธ์ และความร่วมมือระหว่างสองฝ่ายตลอดจนสถานการณ์เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยในภูมิภาคด้วยสำนักข่าวของทางการรัสเซียกล่าว
.
2
“สองฝ่ายจะแลกเปลี่ยนทัศนะเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัย และหารือเกี่ยวกับความร่วมมือทางเทคนิคในการพัฒนาความร่วมมือทวิภาคีด้านกลาโหม” คำแถลงของกระทรวงกลาโหมรัสเซียระบุ
รัสเซียกำลังจะส่งมอบเรือดำน้ำ 2 ลำแรกในกองทัพเรือเวียดนามในปีนี้ เป็นเรือดำน้ำโจมตีเร็วชั้นคิโล (Kilo-Class) รุ่นใหม่ทันสมัยที่สุด จากทั้งหมด 6 ลำ ที่ซื้อจากรัสเซียในปลายปี 2552 และจะใช้อ่าวกามแรงซึ่งเป็นที่ตั้งท่าเรือน้ำลึกดีที่สุดในเวียดนามเป็นฐาน
พล.อ.ชอยกู กำลังจะนำคณะไปเยือนฐานทัพอ่าวกามแรง ซึ่งเวียดนามตกลงให้เรือรบรัสเซียสามารถเข้าไปใช้บริการการซ่อมบำรุง และจอดพักได้ ฝ่ายรัสเซียได้แสดงความปรารถนาจะเข้าทำการฟื้นฟูบูรณะฐานทัพเก่ายุคสหภาพโซเวียตขึ้นมาใช้ประโยชน์ในขณะที่มีพันธกรณีจะต้องก่อสร้างอู่จอดเรือดำน้ำให้แก่เวียดนาม
กองทัพสหรัฐฯ ฟื้นฟูบูรณะอ่าวกามแรงให้เป็นฐานทัพเรือ และฐานทัพอากาศในภาคกลางเวียดนามในปี 2510 ในการต่อต้านการรุกคืบลงใต้ของฝ่ายคอมมิวนิสต์เวียดนามเหนือ
แต่หลังจากถอนตัวออกจากเวียดนามในปี 2516 ภายใต้แผนการให้เวียดนามใต้ยืนอยู่บนขาของตนเอง ฐานทัพแห่งนี้ถูกใช้เป็นเพียงแหล่งเก็บของ และเครื่องบินใบพัดรุ่นเก่าๆ ก่อนจะจะถูกฝ่ายเวียดนามเหนือเข้ายึดครองในต้นเดือน เม.ย.2518 หรือเพียงไม่นานก่อนกรุงไซ่ง่อนแตก
หลังเวียดนามเหนือยึดครองเวียดนามใต้ และรวมประเทศเวียดนามได้ 4 ปี ในปี 2522 อดีตสหภาพโซเวียตได้เซ็นสัญญาเช่าฐานทัพอ่าวกามแรง เป็นเวลา 25 ปี กลายเป็นฐานทัพนอกประเทศแห่งที่ 3 ของจักรวรรดิโซเวียต ถัดจากเมืองท่าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนในซีเรียกับในคิวบา และเป็นแห่งที่ 2 ในย่านแปซิฟิกถัดจากวลาดิวอสต็อก
.
3
4
5
.
ในยุคหนึ่ง กามแรงเป็นที่จอดเรือรบกับเรือดำน้ำโซเวียตหลายลำ โดยใช้ที่นั่นเป็นแหล่งสอดแนม และดักฟังความเคลื่อนไหวของจีนคอมมิวนิสต์ และเผชิญหน้ากับฐานทัพเรือของสหรัฐฯ ที่อ่าวซูบิก (Subic Bay) ฟิลิปปินส์ในช่วงปีแห่งสงครามเย็น
อย่างไรก็ตาม หลังจากโซเวียตล่มสลายในช่วงปี 2531-2532 รัสเซียในยุคใหม่ได้ถอนเรือรบกับเครื่องบินออกจากกามแรง แต่ยังมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำการที่นั่นต่อมา และเมื่อสัญญาเช่าใกล้จะสิ้นสุดลง เวียดนามได้เรียกร้องค่าเช่าปีละ 200 ล้านดอลลาร์ในการต่อสัญญา แต่ฝ่ายรัสเซียไม่ตกลง และถอนทุกอย่างออกไปในเดือน พ.ค.2545
ช่วงปีหลังๆ นี้รัสเซียได้พยายามจะกลับคืนไปใช้อ่าวกามแรงอีกครั้งหนึ่ง เช่นเดียวกับสหรัฐฯ ที่ปรารถนาจะกลับคืนถิ่นเดิม และเรียกร้องให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์เปิดอ่าวกามแรงให้เป็นท่าเรือสากล ซึ่งเรือของชาติต่างๆ เข้าไปใช้บริการได้
นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ได้ประกาศในเดือน ต.ค.2553 เกี่ยวกับการเปิดอ่าวกามแรงให้กองเรือรบของต่างชาติเข้าไปใช้ได้ เมื่อการฟื้นฟูบูรณะแล้วเสร็จในปี 2557 โดยว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาจากรัสเซียเป็นผู้ดำเนินการ
เวียดนามยังไม่เคยอนุญาตให้เรือรบของชาติใดแล่นเข้าอ่าวกามแรง แต่ก็เป็นนโยบายที่ไม่ได้ประกาศ และเป็นที่ทราบกันดีว่า หลายปีมานี้ เรือของกองทัพเรือที่ 7 ในกองเรือแปซิฟิกของสหรัฐฯ หลายลำได้แวะเข้าไปใช้บริการซ่อมบำรุงในอ่าวกามแรงเสมอมา
นายเลียน พาเน็ตตา รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ที่เพิ่งกลายเป็นอดีตสัปดาห์ที่แล้ว ไปเยือนอ่าวกามแกง ในเดือน มิ.ย.2555 กลายเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนแรกที่ไปเยือนที่นั่น นับตั้งแต่สหรัฐฯ ถอนตัวออกจากเวียดนาม และในวันนี้ถนนทุกสายมุ่งสู่อ่าวยุทธศาสตร์แห่งทะเลจีนใต้.