.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - เวียดนามตกลงให้รัสเซียก่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงขึ้นที่อ่าวกามแรงได้ แต่ย้ำว่า ที่นั่นจะไม่ใช่ฐานทัพของรัสเซีย หรือของประเทศใด และเวียดนามสามารถอนุญาตให้เรือของทุกชาติเข้าไปใช้บริการได้ สื่อของสองประเทศรายงานเรื่องนี้ในวันศุกร์ 27 ก.ค.2555 วันสุดท้ายการเยือนรัสเซีย ของประธานาธิบดีเวียดนาม นายเจืองเติ๋นชาง (Truong Tan Sang)
กามแรง (Cam Ranh หรือ “คัมราน” ที่ชาวไทยรู้จัก) เป็นฐานทัพเก่าของสหรัฐฯ และรัฐบาลเวียดนามใต้ในอดีต ได้ชื่อเป็นท่าเรือน้ำลึกดีที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกออกเฉียงใต้ มีแหล่งที่ตั้งทางภูมิทิศาสตร์ และการทหารที่เหมาะสม ซึ่งในช่วงหลังสงครามเวียดนาม อดีตสหภาพโซเวียตเคยใช้ฐานทัพแห่งนี้เป็นแหล่งดักฟังสอดแนมความเคลื่อนไหวของจีน และสหรัฐฯ
หากเป็นความจริง ก็นับนับเป็นความคืบหน้าล่าสุดในประเด็นสำคัญนี้ หลังจากสองฝ่ายหารือกันมาเป็นเวลาหลายปีเกี่ยวกับฐานซ่อมบำรุงดังกล่าว สถานีวิทยุมอสโกรายงานเรื่องนี้ในเว็บไซต์ โดยอ้างการสัมภาษณ์ ปธน.เวียดนาม
ในขณะเดียวกัน สำนักข่าวโนวอสติของรัสเซียรายงานอ้างการสัมภาษณ์ พล.ร.ท.วิกเตอร์ ชีร์คอฟ (Victor Chirkov) รองผู้บัญชาการกองทัพเรือรัสเซีย โดยกล่าวว่า รัสเซียกำลังอยู่ระหว่างเจรจากับคิวบา และซีเชลส์ เพื่อจัดตั้งศูนย์ซ่อมและส่งกำลังบำรุงสำรับกองทัพเรือคล้ายกันนี้
รายของสื่อทั้งสองประเทศในช่วงที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า รัสเซียได้พยายามเจรจาเรื่องนี้กับเวียดนามมาอย่างน้อยที่สุดก็ตั้งแต่ปี 2551 เมื่อเวียดนามเจรจาซื้อเรือดำน้ำโจมตีชั้นคิโล (Kilo-class) รุ่นใหม่จากรัสเซียจำนวน 6 ลำ รวมมูลค่ากับระบบอาวุธที่ติดตั้งทั้งหมดราว 2,000 ล้านดอลลาร์ และเวียดนามซื้อด้วยเงื่อนพิเศษ คือ จ่ายเป็นเงินสดเพียง 30% ส่วนที่เหลือจ่ายเป็นบาร์เตอร์เทรดด้วยพืชผลทางการเกษตร
ในแพกเกจดังกล่าว ยังรวมถึงการจัดสร้างอู่จอด และศูนย์ซ่อมบำรุงเรือดำน้ำสำหรับเวียดนามด้วย ซึ่งเป็นที่มาของการพ่วงศูนย์ซ่อมบำรุง และสนับสนุนของกองทัพเรือเข้าไปด้วย
ตามความเห็นของนักวิเคราะห์ข่าวกลาโหมแห่งเว็บไซต์ Lenta.Ru เวียดนามมีความต้องการศูนย์ซ่อมบำรุงเรือรบดังกล่าวเช่นกัน เนื่องจากในปัจจุบัน กองทัพเรือเวียดนามใช้เรือรบที่ผลิตในยุคสหภาพโซเวียตเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีเรือรบรุ่นใหม่ๆ ที่ผลิตในรัสเซียยุคปัจจุบันอีกหลายลำ รวมทั้งเรือฟรีเกตรูปทรง “สเตลธ์” ชั้นเกพาร์ด 3.9 จำนวน 2 ลำด้วย ซึ่งเมื่อต้นปีนี้ เวียดนามได้สั่งซื้อเพิ่มอีก 2 ลำรวมทั้งหมดเป็น 4 ลำ
ถ้าหากแผนการนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปีที่รัสเซียจะมีฐานซ่อมบำรุง และสนับสนุนกองทัพเรือในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกครั้งหนึ่ง และจะเป็นเพียงแห่งที่ 2 ในเอเชียแปซิฟิก ถัดจากวลาดิวอสตอกในภาคตะวันออกไกล
เพิ่งจะมีการเปิดเผยในเดือน มิ.ย.ปีนี้ว่า รัสเซียกำลังฟื้นฟูจัดตั้งกองเรือแปซิฟิกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่งในระยะ 2 ปีข้างหน้า โดยประกอบด้วย เรือพิฆาตติดอาวุธนำวิถีอย่างน้อย 6 ลำ เพื่อพิทักษ์ปกป้องผลประโยชน์ในย่านนี้ รัสเซียได้หารือเรื่องนี้กับสหรัฐฯ มาหลายครั้ง สำนักข่าว Lenta.Ru รายงานเรื่องนี้
.
.
รัสเซียมีโครงการผลิต และสำรวจพลังงานในเขตไหล่ทวีปของเวียดนามหลายโครงการ ทั้งที่อดีตสหภาพโซเวียตดำเนินการมาตั้งแต่ครั้งสงครามเย็น และโครงการร่วมมือในยุคใหม่
อย่างไรก็ตาม การกลับคืนสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของรัสเซียครั้งนี้ ต่างไปจากในช่วงสงครามเย็นเมื่อ 2-4 ทศวรรษก่อน คู่เชิญหน้าไม่ใช่สหรัฐฯ ต่อไป หากเป็นจีนที่กำลังแผ่อิทธิพลลงสู่ทะเลจีนใต้อย่างรวดเร็ว และไม่เคยปรากฏมาก่อน
จีนยังกล่าวอ้างเป็นเจ้าของนานน้ำสากลแห่งนี้เกือบทั้งหมด และการประกาศเป็นเจ้าของแหล่งก๊าซ และน้ำมันในทะเลจีนใต้ รวมทั้งแหล่งที่บริษัทของรัสเซียกับเวียดนามกำลังร่วมกันสำรวจอีกด้วย
ปีนี้ยังเป็นปีแรกที่รัสเซียส่งเรือพิฆาตเข้าร่วมการฝึก RIMPAC (Rim of the Pacific) ที่สหรัฐฯ จัดขึ้นในช่วงเดือน มิ.ย.ไปจนถึงต้นเดือน ส.ค.นี้ ในทะเลรอบๆ เกาะฮาวาย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นการฝึกซ้อมทางเรือครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยเชื้อเชิญกว่า 20 ประเทศเข้าร่วม รวมทั้งเกือบทั้งหมดในเอเชีย และโอเชียเนีย ยกเว้นจีน ในขณะที่ไทย เวียดนาม กับอีกหลายประเทศส่งคณะเข้าร่วมสังเกตการณ์ หรือร่วมฝึกซ้อมในบางเนื้อหา
สัปดาห์ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา CNOOC บริษัทสำรวจและผลิตน้ำมันนอกชายฝังของรัฐบาลจีน ได้ประกาศเชื้อเชิญบริษัทน้ำมันต่างชาติเข้าร่วมประกวดราคา เพื่อสำรวจพลังงานในแหล่งทะเลจีนใต้ ซึ่งในนั้น ส่วนใหญ่เป็นแหล่งที่อยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ 200 ไมล์ทะเล และเขตไหล่ทวีปของเวียดนาม ซึ่งบริษัทน้ำมันเวียดนามเอง และบริษัทต่างชาติหลายแห่ง รวมทั้งจากรัสเซีย สหรัฐฯ และอินเดียร่วมกันสำรวจอยู่แล้ว
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ ปธน.เวียดนามได้พบหารือกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ที่พระราชวังเครมลิน ในวันที่ 27 ก.ค.นี้ สองฝ่ายได้ออกคำแถลงร่วม (Joint Communiqué) ฉบับหนึ่ง ตอกย้ำการพัฒนาความเป็นพันธมิตรยุทธศาสตร์ตามความตกลงที่เซ็นกันในปี 2544 ซึ่งในนั้นได้ย้ำถึงความมั่นคงปลอดภัยที่ “ไม่สามารถจะแยกออกจากกันได้” ระหว่างรัสเซียกับเวียดนาม
แถลงการณ์ร่วมข้อหนึ่งได้แสดงจุดยืนคัดค้านแผนการใดก็ตาม ในการหาข้ออ้างการโจมตีประเทศทีมีเอกราชชาติใดชาติหนึ่งโดยลำพังฝ่ายเดียวโดยมิชอบด้วยกฎหมายระหว่างประเทศ อันเป็นท่าทีของรัสเซียในสหประชาชาติ ต่อความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะเข้าแทรกแซงโจมตีซีเรียโดยตรง
.
.
อีกข้อหนึ่งในแถลงการณ์ร่วม ได้ระบุถึงการแก้ไขปัญหา และกรณีพิพาทในทะเลจีนใต้ ซึ่งสองฝ่ายย้ำว่า จะต้องใช้สันติวิธีเท่านั้น ต้องไม่ใช้อาวุธ และไม่มีการข่มขู่จะใช้อาวุธต่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด รวมทั้งจะต้องแก้ไขกรณีพิพาทในน่านน้ำแห่งนี้โดยเคารพกฎหมายทางทะเลของสหประชาชาติ ซึ่งเป็นท่าทีสนับสนุน “ร่างกฎข้อปฏิบัติ 6 ข้อ” ของกลุ่มอาเซียนที่ได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ อีกทางหนึ่ง และอาเซียนจะต้องนำไปเจรจากับจีน
รัสเซียกับเวียดนามประกาศท่าทีนี้ครั้งแรกระหว่างการแถลงข่าวร่วมของ นายฝั่มวันบี่ง รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนาม กับ นายเซอร์เก ราฟลอฟ รมว.ต่างประเทศรัสเซีย ในสัปดาห์ต้นเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่รัสเซีย หนึ่ง 5 สมาชิกถาวรแห่งสหประชาชาติ แสดงท่าทีต่อปัญหาในทะเลจีนใต้อย่างชัดเจน คือ คัดค้านการกล่าวอ้างสิทธิของฝ่ายจีนซึ่งขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ
ความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียกับจีน มีลักษณะขึ้นๆ ลงๆ ตลอดช่วงหลายปีมานี้ ในเดือน ก.พ.ปีนี้ รัสเซียประกาศหยุดการเจรจาซื้อขายเคื่องบินรบ Su-35 มูลค่าราว 4,000 ล้านดอลลาร์กับจีน และรัสเซียยังปฏิเสธที่จะขายระบบป้องกันชายฝั่งที่ก้าวหน้าแบบ S-400 ให้จีน
ในเดือน เม.ย.ปีนี้ สองฝ่ายได้ร่วมกันจัดฝึกซ้อมทางเรือขึ้นเป็นเวลา 6 วัน ในอ่าวชิงเตา มณฑลซานตง รัสเซียส่งเรือชนิดต่างๆ เข้าร่วมจำนวน 6 ลำ โดยเน้นการช่วยเหลือกู้ภัยทางเรือ และการกำกับการสัญจรทางทะเลระหว่างสองประเทศ
อย่างไรก็ตาม สัปดาห์ต้นเดือนนี้ เรือตรวจการณ์รัสเซียได้ยิงเรือประมงจีน 2 ลำ ที่ล่วงล้ำน่านน้ำรัสเซียทางตอนใต้ของเมืองวลาดิวอสตอก สำนักข่าวโวอสติรายงานว่า เรือประมงทั้งสองลำ พยายามหลบหนีเมื่อแจ้งให้หยุดแม้จะยิงเตือนแล้วก็ตาม
การยิงของฝ่ายรัสเซีย ทำให้เรือประมงจีน 1 ลำเสียหายยับเยิน แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ อีก 1 ลำหลบหนีไปได้ และทางการท้องถิ่นของรัสเซียได้ดำเนินคดีต่อลูกเรือจีนกว่า 10 คน ขณะที่สื่อของทางการจีนได้ออกประณาม “การใช้ความรุนแรง” ดังกล่าว
คำแถลงร่วมรัสเซีย-เวียดนามที่ออกในวันศุกร์ 27 ก.ค.นี้ ยังตอกย้ำคำมั่นสัญญาที่รัสเซียจะช่วยเหลือเวียดนามพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์แห่งแรกต่อไป ตลอดจนโครงการร่วมมือการใช้พลังงานปรมาณูเพื่อสันติอื่นๆ ระหว่างสองฝ่ายอีกด้วย.