xs
xsm
sm
md
lg

เรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ 2 ลำเข้าทะเลจีนใต้ “รักษาสันติภาพ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#000033>เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้นนิมิตซ์ (Nimitz Class) จอห์น ซี สเตนนิส (USS John C Stennis) CVN 74 ขณะแล่นผ่านช่องแคบฮอร์มุช วันที่ 12 พ.ย.2554 ช่วงที่อิหร่านประกาศจะยิงเรือสหรัฐฯ ที่กลับเข้าไปในอ่าวเปอร์เซีย์อีก แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสร็จภารกิจในตะวันออกกลางเรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้ถูกส่งไปประจำการกองทัพเรือที่ 5 มหาสมุทรแอตแลนติค และถูกเรียกคืนถิ่นเก่าแปซิฟิกตะวันตกก่อนกำหนดถึง 4 เดือน CVN 74 นำกองเรือโจมตีเข้ามาอย่างเงียบเชียบขณะนี้อยู่ในทะเลจีนใต้แล้ว. -- REUTERS/US Navy Photo/Mass Communication Specialist 3rd Class Kenneth Abbate.</b>
.

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ขณะนี้กองเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 21 ลำ พร้อมเรือรบอื่นๆ อีกหลายลำกำลังปฏิบัติการอยู่ในย่านแปซิฟิกตะวันตก ในภารกิจปกป้องพิทักษ์สินติภาพที่ผูกพันกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรในย่านนี้ อันเป็นประโยคที่สหรัฐฯ มักจะหมายถึงเส้นทางเดินเรือสำคัญของโลก ตลอดจนพิทักษ์รักษาสันติภาพในภูมิภาค

กองทัพเรือประกาศเรื่องนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในวันศุกร์ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในสหรัฐฯ โดยไม่ได้ระบุว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำแล่นเข้าสู่ทะเลแห่งความขัดแย้งตั้งแต่วันใด

กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี (Carrier Strike Group) กองแรกนำโดย เรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน (George Washington CSG) CVN 73 เรือลาดตระเวนคาวเพ็นส์ (USS Cowpens) CG-63 ชั้นติคอนเดโรกา (Ticonderoga) ติดอาวุธนำวิถี กับเรือพิฆาตแม็คแคมป์เบล (USS McCampbell) DDG 85 ซึ่งเป็นเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์ค (Arleigh Burke-class) 1 ในจำนวนกว่า 60 ลำ ของสหรัฐฯ

กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีกองที่ 2 นำโดย เรือบรรทุกเครื่องบินจอห์น ซี สเต็นนิส (USS John C Stennis) CVN-74 กับเรือลาดตระเวนโมไบล์เบย์ (USS Mobile Bay) CG 53 “ทั้งหมดกำลังปฏิบัติการในแปซิฟิกตะวันตก และเป็นกองกำลังพร้อมรบที่ปกป้อง และป้องกันผลประโยชน์ทางทะเลของสหรัฐฯ กับพันธมิตร และหุ้นส่วนต่างๆ” กองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง

เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า กองทัพเรือที่ 7 ที่เป็นส่วนหนึ่งของเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นต่างๆ ประจำการนับสิบลำ และเป็นนโยบายของสหรัฐฯ ที่จะไม่เปิดเผยเกี่ยวกับเส้นทาง หรือการเคลื่อนไหวของ “มฤตยูใต้ผืนน้ำ” เหล่านั้น

กองทัพเรือที่ 7 ยังมีเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์คติดจรวดร่อนโทมาฮอว์กอีกกว่า 10 ลำ ทั้งที่ปฏิบัติการโดยอิสระ และในสังกัดกองเรือบรรทุกเครื่องบิน รวมทั้งปฏิบัติการเป็นกองเรือพิเศษเพื่อภารกิจจำเพาะอีกด้วย

การปรากฏตัวของกองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้ ยังมีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นยังคงตึงเครียดเกี่ยวกับเกาะพิพาทที่อยู่ใกล้กับเกาะกวม ที่ตั้งฐานทัพส่วนหน้าของกองทัพเรือที่ 7 และยังมีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่จีนได้จัดทำพิธีนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง ซึ่งเป็นลำแรกของประเทศอีกด้วย

นอกจากนั้น ก็ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฟิลิปปินส์ได้ประกาศจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์เกาะพิพาทกับจีนในหมู่เกาะสแปร็ตลีย์

เรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำล้วนคุ้นเคยกับทะเลจีนใต้เป็นอย่างดี และต่างเคยไปแวะเยี่ยมเยือนนครด่าหนังของเวียดนาม

สำหรับเรือจอห์น ซี สเต็นนิส CSG ภารกิจล่าสุด ประจำการอยู่กองทัพเรือที่ 5 ในมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ถูกสับเปลี่ยนให้กลับสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอีกครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นการกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในแปซิฟิก ก่อนกำหนดเดิมถึง 4 เดือน

“กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีทั้งสองกอง เป็นส่วนหนึ่งของการปรากฏตัวอย่างเข้มแข็งในแปซิฟิกของกองเรือสหรัฐฯ เพื่อช่วยในการธำรงสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาคในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือที่ 7” คำแถลงฉบับเดียวกันระบุ

สหรัฐฯ ประกาศทุ่มกองกำลังถึง 60% ของทั้งหมดเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตามนโยบายใหม่ที่จะเริ่มในปี 2556 นี้ ซึ่งเชื่อกันว่าในที่สุดแล้ว อาจจะมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าประจำการในย่านนี้ถึง 4 กอง ครอบคลุมถึงช่องแคบมะละกา และมหาสมุทรอินเดียตะวันออก รวมเป็นเรือรบนับร้อยลำ เช่นเดียวกันกับเครื่องบินรบยุคที่ 5 คือ F-22 กับ F-35 ด้วย

ไม่เพียงแต่เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือลาดตระเวน เรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือคอร์แว็ตเท่านั้นที่กลับสู่เอเชียครั้งนี้ ยังรวมทั้งเรือโจมตีชายฝั่ง (Littoral Combat Ship) ติดอาวุธนำวิถี อันเป็นเรือรบแบบใหม่ล่าสุดที่ประจำการในปัจจุบัน

นายโรเบิร์ต เกตส์ (Robert Gates) อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า สหรัฐฯ ยังจะกลับคืนสู่เอเชียพร้อมเรือพิฆาตรุ่นใหม่ที่ก้าวล้ำหน้ามากที่สุดในโลกปัจจุบัน นั่นคือ เรือพิฆาตซูมวอลท์ (Zumwalt-class Destroyer) ซึ่งจะทยอยนำเข้าประจำการแทนเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์ค.
.
<bR><FONT color=#000033>ไปไหนมาไหนไปกันเป็นขบวน -- กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่นำโดยเรือจอห์น ซี สเตนนิส (USS John C Stennis) CVN 74 แล่นเข้าสู่แปซิฟิกตะวันตกในภาพวันที่ 16 ส.ค.2554 หรือเมื่อปีที่แล้ว จ่าฝูงลำนี้ถูกเรียกให้กลับคืนถิ่นเก่าอีกครั้งหนึ่งในปีนี้ ก่อนกำหนดถึง 4 เดือน ขณะนี้อยู่ในทะเลจีนใต้แล้วในภารกิจ ช่วยรักษาสันติภาพ จะไปที่ไหนก็ไปกันเป็นขบวนใหญ่ ยังมี มฤตยูใต้ผิวน้ำ ที่ไม่เปิดเผยตัวตนอีกต่างหาก. -- US Navy Photo/Mass Communication Specialist 2nd Class Walter M Wayman.</b>
2
<bR><FONT color=#000033>เครื่องบินรบ F-22 แร็พเตอร์ ทำโซนิคบูมขณะบินผ่านเรือบรรทุกเครื่องบินจอห์น ซี สเตนนิส ในอ่าวอะแลสกาวันที่ 22 ม.ย.2552 ระหว่างการฝึก สักวันหนึ่งจะได้เห็น แร็พเตอร์ บนเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ในย่านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สหรัฐฯ กลับสู่ภูมิภาคนี้อย่างเป็นขบวนใหญ่โตมาก. -- DoD Photo/Mass Communication Specialist 3rd Class Josue L Escobosa, US Navy/Released. </b>
3
<bR><FONT color=#000033>เครื่องบินรบ F/A-18E ซูเปอร์ฮอร์เนต แท็กซี่เข้าสู่ระบบดีดตัว พร้อมจะขึ้นบินจากดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบินจอห์น ซี สเตนนิส ในทะเลตอนใต้รัฐแคลิฟอร์เนีย ในภาพวันที่ 7 พ.ค.2551 เรือบรรทุกเครื่องบินลำนี้นำกองเรือโจมตีเข้าทะเลจีนใต้อย่างเงียบๆ พร้อมกับอีกกองหนึ่งที่นำโดยเรือบรรทุกเครื่องบิน USS George Washington เพื่อรักษาสันติภาพและผลประโยชน์ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรกับบรรดาหุ้นส่วน. --  DoD Photo/Petty Officer 3rd Class Jonathen Davis, US Navy  (Released).</b>
4
 <bR><FONT color=#000033>เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์จอร์จ วอชังตัน (USS George Washington) ขนาด 97,000 ตัน แห่งกองทัพเรือที่ 7 ไปถึงเมืองท่าปูซาน (Busan) เกาหลี วันที่ 27 มิ.ย.2555 เพื่อร่วมฝึกซ้อม CVN 73 นำกองเรือโจมตีเคลื่อนเข้าสู่แปซิฟิกตะวันตกเงียบๆ ขณะนี้อยู่ในทะเลจีนใต้แล้ว. --    REUTERS/Jo Jung-ho/Yonhap. </b>
5
 <bR><FONT color=#000033>ลูกเรือมองดู F/A-18E ซูเปอร์ฮอร์เนต แล่นลงจอดบนดาดฟ้าเรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชังตัน (USS George Washington) วันที่ 24 มิ.ย.2555 ขณะร่วมฝึกซ้อมในทะเลเกาหลี เรือจอร์จ วอชิงตัน นำกองเรือโจมตีเข้าทะเลจีนใต้อย่างเงียบๆ และกำลังปฏิบัติการอยู่ในน่านน้ำแห่งความขัดแย้งแห่งนี้แล้ว. -- REUTERS/Lee Jae-Won.  </b>
6
<bR><FONT color=#000033>เรือลาดตระเวนคาวเพนส์ (USS Cowpens) ซึ่งเป็นเรือติดอาวุธนำวิถีชั้นติคอนเดโรกา (Ticonderoga Class) ทดลองยิงยานไร้คนบังคับหรือ โดรน ด้วยจรวดมาตรฐาน SM-2 ในมหาสมุทรแปซิฟิกวันที่ 20 ก.ย.2555 สัปดาห์ก่อนนี่เอง เรือลาดตระเวน (Cruiser) นับเป็นเรือรบขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาเรือรบแบบต่างๆ ขณะนี้เรือคาวเพนส์กำลังปฏิบัติการอยู่ในทะเลจีนใต้ ในสังกัดกองเรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน . -- REUTERS/Paul Kelly/US Navy Photo/Handout.  </b>
7
กำลังโหลดความคิดเห็น