.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ขณะนี้กองเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรือสหรัฐฯ จำนวน 21 ลำ พร้อมเรือรบอื่นๆ อีกหลายลำกำลังปฏิบัติการอยู่ในย่านแปซิฟิกตะวันตก ในภารกิจปกป้องพิทักษ์สินติภาพที่ผูกพันกับผลประโยชน์ของสหรัฐฯ กับพันธมิตรในย่านนี้ อันเป็นประโยคที่สหรัฐฯ มักจะหมายถึงเส้นทางเดินเรือสำคัญของโลก ตลอดจนพิทักษ์รักษาสันติภาพในภูมิภาค
กองทัพเรือประกาศเรื่องนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยในวันศุกร์ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามเวลาในสหรัฐฯ โดยไม่ได้ระบุว่า กองเรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำแล่นเข้าสู่ทะเลแห่งความขัดแย้งตั้งแต่วันใด
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตี (Carrier Strike Group) กองแรกนำโดย เรือบรรทุกเครื่องบินจอร์จ วอชิงตัน (George Washington CSG) CVN 73 เรือลาดตระเวนคาวเพ็นส์ (USS Cowpens) CG-63 ชั้นติคอนเดโรกา (Ticonderoga) ติดอาวุธนำวิถี กับเรือพิฆาตแม็คแคมป์เบล (USS McCampbell) DDG 85 ซึ่งเป็นเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์ค (Arleigh Burke-class) 1 ในจำนวนกว่า 60 ลำ ของสหรัฐฯ
กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีกองที่ 2 นำโดย เรือบรรทุกเครื่องบินจอห์น ซี สเต็นนิส (USS John C Stennis) CVN-74 กับเรือลาดตระเวนโมไบล์เบย์ (USS Mobile Bay) CG 53 “ทั้งหมดกำลังปฏิบัติการในแปซิฟิกตะวันตก และเป็นกองกำลังพร้อมรบที่ปกป้อง และป้องกันผลประโยชน์ทางทะเลของสหรัฐฯ กับพันธมิตร และหุ้นส่วนต่างๆ” กองทัพเรือสหรัฐฯ ระบุในคำแถลงฉบับหนึ่ง
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า กองทัพเรือที่ 7 ที่เป็นส่วนหนึ่งของเรือแปซิฟิกสหรัฐฯ มีเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ชั้นต่างๆ ประจำการนับสิบลำ และเป็นนโยบายของสหรัฐฯ ที่จะไม่เปิดเผยเกี่ยวกับเส้นทาง หรือการเคลื่อนไหวของ “มฤตยูใต้ผืนน้ำ” เหล่านั้น
กองทัพเรือที่ 7 ยังมีเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์คติดจรวดร่อนโทมาฮอว์กอีกกว่า 10 ลำ ทั้งที่ปฏิบัติการโดยอิสระ และในสังกัดกองเรือบรรทุกเครื่องบิน รวมทั้งปฏิบัติการเป็นกองเรือพิเศษเพื่อภารกิจจำเพาะอีกด้วย
การปรากฏตัวของกองเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐฯ ในทะเลจีนใต้ ยังมีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่ความสัมพันธ์จีน-ญี่ปุ่นยังคงตึงเครียดเกี่ยวกับเกาะพิพาทที่อยู่ใกล้กับเกาะกวม ที่ตั้งฐานทัพส่วนหน้าของกองทัพเรือที่ 7 และยังมีขึ้นในสัปดาห์เดียวกับที่จีนได้จัดทำพิธีนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการเรือบรรทุกเครื่องบินเหลียวหนิง ซึ่งเป็นลำแรกของประเทศอีกด้วย
นอกจากนั้น ก็ยังเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ฟิลิปปินส์ได้ประกาศจัดตั้งกองกำลังพิทักษ์เกาะพิพาทกับจีนในหมู่เกาะสแปร็ตลีย์
เรือบรรทุกเครื่องบินทั้งสองลำล้วนคุ้นเคยกับทะเลจีนใต้เป็นอย่างดี และต่างเคยไปแวะเยี่ยมเยือนนครด่าหนังของเวียดนาม
สำหรับเรือจอห์น ซี สเต็นนิส CSG ภารกิจล่าสุด ประจำการอยู่กองทัพเรือที่ 5 ในมหาสมุทรแอตแลนติก แต่ถูกสับเปลี่ยนให้กลับสู่มหาสมุทรแปซิฟิกอีกครั้งหนึ่งเมื่อเดือนที่แล้ว เป็นการกลับไปปฏิบัติหน้าที่ในแปซิฟิก ก่อนกำหนดเดิมถึง 4 เดือน
“กองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีทั้งสองกอง เป็นส่วนหนึ่งของการปรากฏตัวอย่างเข้มแข็งในแปซิฟิกของกองเรือสหรัฐฯ เพื่อช่วยในการธำรงสันติภาพ และเสถียรภาพในภูมิภาคในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของกองทัพเรือที่ 7” คำแถลงฉบับเดียวกันระบุ
สหรัฐฯ ประกาศทุ่มกองกำลังถึง 60% ของทั้งหมดเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียตามนโยบายใหม่ที่จะเริ่มในปี 2556 นี้ ซึ่งเชื่อกันว่าในที่สุดแล้ว อาจจะมีกองเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าประจำการในย่านนี้ถึง 4 กอง ครอบคลุมถึงช่องแคบมะละกา และมหาสมุทรอินเดียตะวันออก รวมเป็นเรือรบนับร้อยลำ เช่นเดียวกันกับเครื่องบินรบยุคที่ 5 คือ F-22 กับ F-35 ด้วย
ไม่เพียงแต่เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือลาดตระเวน เรือพิฆาต เรือฟริเกต และเรือคอร์แว็ตเท่านั้นที่กลับสู่เอเชียครั้งนี้ ยังรวมทั้งเรือโจมตีชายฝั่ง (Littoral Combat Ship) ติดอาวุธนำวิถี อันเป็นเรือรบแบบใหม่ล่าสุดที่ประจำการในปัจจุบัน
นายโรเบิร์ต เกตส์ (Robert Gates) อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ประกาศเมื่อปีที่แล้วว่า สหรัฐฯ ยังจะกลับคืนสู่เอเชียพร้อมเรือพิฆาตรุ่นใหม่ที่ก้าวล้ำหน้ามากที่สุดในโลกปัจจุบัน นั่นคือ เรือพิฆาตซูมวอลท์ (Zumwalt-class Destroyer) ซึ่งจะทยอยนำเข้าประจำการแทนเรือพิฆาตชั้นอาร์ลีห์เบิร์ค.
.
2
3
4
5
6
7