ซินหัว - เวียดนามตั้งเป้าดึงเม็ดเงินการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่มีคุณภาพสูงให้มากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบริบทที่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอย เจ้าหน้าที่อาวุโสของเวียดนามกล่าววันนี้ (5 ก.ค.)
นายโด๋ เญิต ฮว่าง ผู้อำนวยการกรมการลงทุนต่างประเทศ กระทรวงการวางแผนและการลงทุนของเวียดนาม กล่าวกับสื่อท้องถิ่นว่า จำนวนการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศจะถูกลดปริมาณลงในระยะสั้น เพื่อปรับปรุงด้านคุณภาพ เนื่องจากการเพิ่มทั้งคุณภาพ และปริมาณในเวลาเดียวกัน ในสถานการณ์โลกเช่นนี้นับเป็นเรื่องยาก
ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2555 เม็ดเงินที่ได้จากการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศลดลงอย่างมาก สร้างความวิตกว่าเป้าหมายของกระทรวงการวางแผนและการลงทุนที่จะระดมทุนให้ได้ราว 15,000-17,000 ล้านดอลลาร์ ในปี 2555 อาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดไว้
กระทรวงการวางแผนและการลงทุนระบุว่า ในช่วงระยะเวลา 6 เดือน ทุนจดทะเบียนการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศมีจำนวนอยู่ที่ 6,400 ล้านดอลลาร์ เทียบกับ 8,830 ล้านดอลลาร์ ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และ 10,500 ล้านดอลลาร์ในปี 2553 แต่จนถึงขณะนี้ เม็ดเงินที่นำมาดำเนินการจริงอยู่ที่ 5,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกระทรวงการวางแผนและการลงทุนคาดการณ์เม็ดเงินลงทุนอาจจะมีจำนวน 10,000 ล้านดอลลาร์ ตลอดปี 2555
นอกจากนั้น โครงสร้างการลงทุนได้เปลี่ยนแปลงไป โดยการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ขยายตัวจากร้อยละ 64 ในครึ่งแรกของปี 2554 เป็นร้อยละ 65.3 ระหว่างช่วงเวลาเดียวกันในปี 2555 ขณะที่การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ ในภาคบริการลดลงจากร้อยละ 35 เหลือร้อยละ 34 และภาคการเกษตรเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 0.4 เป็นร้อยละ 0.9
ในช่วงเวลา 6 เดือนแรกของปี 2555 ญี่ปุ่นยังคงเป็นนักลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้วยทุนจดทะเบียนรวมทั้งหมดที่ 4,160 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 65 ของการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศทั้งหมดของเวียดนามในช่วงเวลานี้ โดยโครงการการลงทุนของญี่ปุ่นที่ใหญ่ที่สุด เป็นการลงทุนในด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ จ.บิ่งเซวือง มูลค่า 1,200 ล้านดอลลาร์ ซึ่งกระทรวงการวางแผนและการลงทุนระบุว่า การลงทุนดังกล่าว สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม.