เอเอฟพี - ประชาชนมากกว่า 80 คน ถูกสังหารในเหตุรุนแรงหลายระลอกตลอดเดือนมิ.ย.ในพื้นที่ภาคตะวันตกของพม่า เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล เปิดเผยวันนี้ (21 มิ.ย.)
เจ้าหน้าที่ระบุว่า ประชาชนทั้งหมด 71 คน เสียชีวิตในเหตุปะทะกันมากกว่าสัปดาห์ และรวมกับชาวมุสลิม 10 คน ที่ถูกสังหารในวันที่ 3 มิ.ย. โดยกลุ่มม็อบชาวพุทธที่ต้องการแก้แค้นจากคดีฆ่าข่มขืนหญิงท้องถิ่น ที่เป็นจุดเริ่มต้นของความไม่สงบ
ทางการประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐยะไข่ ที่มีทั้งจลาจล การลอบวางเพลิง และการโจมตีแก้แค้นกันไปมาระหว่างชาวพุทธยะไข่ และมุสลิมโรฮิงญา ซึ่งสร้างความวิตกให้แก่นานาชาติ
รัฐและประชาชนชาวพม่าต่างมองว่า ชาวโรฮิงญาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายมาจากบังกลาเทศ และอ้างว่าคนเหล่านี้เป็นชาวเบงกาลี
รายงานระบุว่า พบร่างผู้เสียชีวิตชาวยะไข่ 8 คน ในหมู่บ้านยาสีดอง ห่างจากเมืองซิตตะเว ราว 65 กม.
“คนเหล่านี้ถูกสังหารระหว่างการปะทะกับพวกเบงกาลี” เจ้าหน้าที่นายหนึ่ง ระบุ
สหประชาชาติระบุว่า ชาวโรฮิงญาเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ข่มเหงมากที่สุดในโลก และรายงานระบุว่า มีชาวโรฮิงญาราว 800,000 คน อาศัยอยู่ในพม่า ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐยะไข่
ด้านบังกลาเทศ ประเทศเพื่อนบ้านของพม่า ที่มีชาวโรฮิงญาอาศัยอยู่ราว 300,000 คน ได้ผลักดันเรือชาวโรฮิงญาจากพม่าที่พยายามหลบหนีข้ามฝั่งนับตั้งแต่เกิดเหตุความไม่สงบกลับประเทศ
แกนนำมุสลิมโรฮิงญากล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตที่แท้จริงในหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลอาจสูงกว่าที่ทางการระบุ.