.
เอเอฟพี - เจ้าหน้าที่ทหารจำนวนมาก ถูกระดมเข้าประจำการในรัฐทางภาคตะวันตกของพม่า ที่อยู่ภายใต้การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังเกิดเหตุความรุนแรงขัดแย้งทางศาสนาหลายระลอก ขณะที่สหประชาชาติเริ่มอพยพเจ้าหน้าที่ออกจากพื้นที่ความขัดแย้ง
เหตุความขัดแย้งทางศาสนาที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่ ทางภาคตะวันตกของประเทศ กลายเป็นบททดสอบสำหรับประธานาธิบดีเต็งเส่ง อดีตนายพลที่ได้รับการยอมรับจากการดำเนินการปฏิรูปประเทศอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่สิ้นสุดการปกครองระบอบเผด็จการทหารยาวนานหลายทศวรรษเมื่อปีก่อน
ในเมืองซิตตะเว เมืองเอกของรัฐยะไข่ที่ประชาชนในรัฐส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ และมีชาวมุสลิมอาศัยอยู่อีกจำนวนมาก รวมทั้งชาวมุสลิมโรฮิงญา ที่สหประชาชาติระบุสถานะให้เป็นผู้ไร้รัฐ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า บ้านเรือนหลายหลังถูกเพลิงเผาทำลายจนดำเป็นตอตะโก ขณะที่กองกำลังทหารจัดกำลังรักษาความปลอดภัยอยู่ภายนอกศาสนสถาน และมัสยิด ส่วนรถบรรทุกของกองทัพจอดประจำการเตรียมพร้อมอยู่ที่สนามบินเมืองซิตตะเว
สถานการณ์การโจมตีแก้แค้นกันไปมาระหว่างชาวพุทธ และมุสลิม เกิดขึ้นหลังจากเหตุฆ่าข่มขืนหญิงชาวยะไข่ก่อนหน้านี้ สร้างความแค้นเคืองให้แก่ชาวพุทธส่งผลให้กลุ่มม็อบชาวพุทธเข้าทำร้ายชาวมุสลิม 10 คน จนถึงแก่ชีวิต เมื่อช่วงต้นเดือน และในเหตุปะทะกันตั้งแต่วันศุกร์ มีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 7 คน และบ้านเรือนกว่า 500 หลัง ถูกทำลายเสียหาย
รัฐบาลพม่าพิจารณาให้ชาวโรฮิงญาเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่พลเมืองจำนวนหนึ่งมองว่า ชาวโรฮิงญาเหล่านี้เป็นผู้อพยพผิดกฎหมาย และเป็นศัตรู
ด้านบังกลาเทศได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตามแนวพรมแดน และในค่ายผู้ลี้ภัยที่มีชาวโรฮิงญาหลายหมื่นคนอาศัยอยู่
สหประชาชาติเริ่มอพยพยเจ้าหน้าที่ประมาณ 44 คน พร้อมครอบครัวออกจากศูนย์ในเมืองหม่องตอว์ รัฐยะไข่ ตามการระบุของผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติในนครย่างกุ้ง และว่า การอพยพเป็นมาตรการชั่วคราว เนื่องจากความไม่มั่นคง และความวุ่นวาย
ประธานาธิบดีเต็งเส่งได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในรัฐยะไข่ เพื่อควบคุมสถานการณ์ความไม่สงบ หลังบ้านเรือนชาวพุทธหลายร้อยหลังถูกวางเพลิง และมีผู้เสียชีวิตในเหตุความรุนแรงตั้งแต่วันศุกร์แล้ว 7 คน นอกจากนั้น ประธานาธิบดียังได้กล่าวเตือนว่า เหตุรุนแรงที่มีชนวนจากความเกลียดชัง และการต้องการแก้แค้นด้วยประเด็นเชื้อชาติ และศาสนาในรัฐยะไข่ อาจลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ และความไม่สงบที่เกิดขึ้นนี้ กระทบต่อเสถียรภาพของชาติ การพัฒนา และการปฏิรูปประชาธิปไตยของรัฐบาล
ในวันอาทิตย์ (10 มิ.ย.) ที่ผ่านมา อังกฤษได้เรียกร้องให้พม่าเปิดการเจรจากับกลุ่มชุมชนต่างๆ เพื่อยุติความรุนแรง และคุ้มครองผู้คนในพื้นที่ รวมทั้งเตือนให้พลเมืองของตนเองหลีกเลี่ยงการเดินทางไปรัฐยะไข่
ชาวมุสลิมในพม่าจากอินเดีย จีน และบังกลาเทศ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4 ของประชากรราว 60 ล้านคนของพม่า ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนับถือศาสนาพุทธ ที่เป็นศาสนาประจำชาติ และสหประชาชาติระบุว่า ชาวโรฮิงญาเกือบ 800,000 คน อาศัยอยู่ในพม่า ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐยะไข่ ส่วนอีก 1 ล้านคน หรือมากกว่านั้นคาดว่าอาศัยอยู่ในประเทศอื่นๆ.
ภาพ : REUTERS/Staff
