เอเอฟพี - สื่อทางการพม่ารายงานวันนี้ (16 มิ.ย.) ว่า มีประชาชนเสียชีวิตแล้ว 50 คน และได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก จากเหตุรุนแรงทางศาสนาในรัฐยะไข่ ภาคตะวันตกของพม่า
หนังสือพิมพ์นิวไลท์ ออฟ เมียนมาร์รายงานว่า มีประชาชนเสียชีวิต 50 คน ได้รับบาดเจ็บอีก 54 คน ระหว่างวันที่ 28 พ.ค. ถึง 14 มิ.ย. ในรัฐยะไข่ ที่เกิดเหตุความรุนแรงหลายระลอกระหว่างชาวพุทธท้องถิ่น และชาวมุสลิมโรฮิงญา
รายงานไม่ได้ระบุว่า ยอดล่าสุดนี้รวมชาวมุสลิม 10 คนที่ถูกตีจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. จากกลุ่มม็อบชาวพุทธที่แก้แค้นเหตุฆ่าข่มขืนหญิงท้องถิ่นที่เป็นชนวนเหตุความรุนแรงในเวลาต่อมาด้วยหรือไม่
ทางการพม่าประกาศภาวะฉุกเฉินในรัฐยะไข่ตั้งแต่วันเสาร์ (9) ซึ่งหนังสือพิมพ์รายงานว่า กองกำลังรักษาความปลอดภัยถูกระดมกำลังเข้ารักษาความสงบ และความมั่นคงในพื้นที่ หลังเกิดเหตุจลาจล ที่กลายเป็นปัญหาต่อรัฐบาลพม่า
“วานนี้ (14) มีเหตุไม่สงบ 2 ครั้งในรัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถจัดการกับสถานการณ์ทั้ง 2 กรณีได้อย่างเรียบร้อยสอดคล้องกับกฎหมาย” รายงานระบุ
เจ้าหน้าที่รัฐซิตตะเวเปิดเผยว่า ประชาชนราว 31,900 คน จากทั้งสองฝ่ายต้องอาศัยอยู่ในค่ายพักแรม 37 แห่งทั่้วรัฐ ขณะที่บ้านเรือนหลายพันหลังของประชาชนทั้งสองฝ่ายถูกวางเพลิงเสียหาย
นับเป็นเวลายาวนานหลายทศวรรษของการเลือกปฏิบัติ ที่ทำให้ชาวมุสลิมโรฮิงญาไร้สัญชาติ และสหประชาชาติระบุว่า ชาวโรฮิงญาเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ข่มเหงมากที่สุดในโลก และรายงานระบุว่า มีชาวโรฮิงญาราว 800,000 คน อาศัยอยู่ในพม่า ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐยะไข่ รัฐบาลพม่ากำหนดให้ชาวโรฮิงญาเป็นชาวต่างชาติ ขณะที่ชาวพม่ามองว่า ชาวโรฮิงญาเป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ และมองว่าชาวโรฮิงญาเหล่านี้เป็นศัตรู.