ASTVผู้จัดการออนไลน์ - กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทเวียดนาม กับสมาคมอาหารเวียดนามได้ร่วมกันกำหนดยุทธศาสตร์ข้าวของประเทศครั้งใหญ่แบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ โดยรัฐบาลเสนอสิทธิประโยชน์แก่ชาวนาอย่างเต็มที่ เพื่อให้หันมาปลูกข้าวคุณภาพดีกับข้าวหอม ขณะเดียวกัน ก็ลดการปลูกข้าวคุณภาพต่ำให้เหลือเป็นส่วนน้อย แม้ว่าจะให้ผลผลิตสูงกว่าก็ตาม
ชาวนาที่เข้าร่วมโครงการมาตรการส่งเสริมต่างๆ เหล่านี้ จะได้รับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐในหลายประการ รวมทั้งการประกันข้าวในผืนนาให้ 100% อันเป็นส่วนหนึ่งในแผนการสร้าง “แบรนด์” ให้แก่ข้าวเวียดนามในตลาดโลก และเพิ่ม “ห่วงโซ่คุณค่า” เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับผู้ส่งออกข้าวรายอื่นๆ
หนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนหยายฝอง (Sài Gòn Giải Phóng) หรือ “ไซ่ง่อนปลดปล่อย” รายงานเรื่องนี้อ้างการเปิดเผยของนายบุ่ยบ๊าบ๋อง (Bùi Bá Bổng) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งระบุด้วยว่า เพื่อเป้าหมายดังกล่าว มีความจำเป็นที่จะต้องคัดพันธุ์ และเจาะลงพันธุ์ข้าวสำหรับปลูกเพื่อส่งออก
ปัจจุบัน ในเวียดนามมีพันธุ์ข้าวกว่า 200 ชนิด ที่กระทรวงเกษตรฯ ให้การรับรอง แต่การวิจัยและพัฒนาด้านนี้ยังจะต้องดำเนินต่อไป เพื่อให้ได้ข้าวพันธุ์สุดยอดที่ให้ทั้งคุณภาพ และปริมาณ นายซเวืองวันจี๋น (Dương Văn Chín) รองผู้อำนวยการสถาบันวิจัยข้าวกื๋อลอง [Cửu Long (Mekong) Rice Research Institute] ที่ร่วมในการยกร่างแผนยุทธศาสตร์ข้าว และการทำนากล่าว
กระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้กำหนดพันธุ์ข้าวที่จะปลูกในฤดูกาลต่างๆ ตามความเหมาะสม เนื่องจากข้าวให้ผลผลิตแตกต่างกันไปตามสภาพภูมิอากาศในฤดูกาลที่ต่างกัน และการผลิตข้าวยังจะต้องสอดคล้องกับความต้องการของตลาดโลกในแต่ละช่วงอีกด้วย
นายเหวียนจี๊หง็อก (Nguyễn Trí Ngọc) อธิบดีกรมกสิกรรม กระทรงเกษตรฯ กล่าวว่า การปลูกข้าวคุณภาพต่ำโดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุ์ IR50404 ที่ปลูกกันแพร่หลายในขณะนี้ จะต้องลดลงให้เหลือเนื้อที่ต่ำกว่า 20% ของทั้งหมด ถึงแม้จะให้ผลผลิตต่อไร่สูง แต่ก็ขายได้ราคาไม่ดี และรสชาติไม่อร่อย
ปัจจุบัน ข้าวพันธุ์ IR50404 คิดเป็นประมาณ 27.6% ของที่นาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน จ.โด่งท้าป (Đồng Tháp) ปลูกข้าวพันธุ์นี้มากที่สุด 52% ของที่นาทั้งจังหวัด
กระดูกสันหลัง by Reuters
2
3
4
5
6
กระทรวงเกษตรฯ ได้จัดแบ่งพื้นที่ปลูกข้าวออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่คือ กลุ่มแรก - ข้าวเมล็ดสั้น รวมทั้งพันธุ์ IR50404 กับ OM576 จะต้องลดเนื้อที่ลงให้เหลือต่ำกว่า 20% และเพิ่มเนื้อที่สำหรับข้าวกลุ่มที่ 2 ซึ่งเป็นข้าวเมล็ดยาวคุณภาพสูง ให้เป็น 60-70% ที่เหลืออีก 10-20% เป็นข้าวหอม และจะค่อยๆ ขยายพื้นที่ข้าวกลุ่มที่ 3 นี้ในปีต่อๆ ไป เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าว
ปัจจุบัน การเก็บเกี่ยวข้าวฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูร้อนในที่ราบปากแม่น้ำโขงซึ่งเป็นอู่ข้าวใหญ่ของประเทศแล้วเสร็จเกือบจะสมบูรณ์ คาดว่าจะได้ผลผลิตรวม 11.5 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1 ล้านตันจากฤดูเดียวกันปีที่แล้ว คิดเป็นผลผลิตเฉลี่ย 6.67 ตันต่อเฮกตาร์ (6.25 ไร่) เพิ่มขึ้น 2 ตันต่อเฮกตาร์
แต่ถ้าหากคิดรวมกันทั้งภาคใต้ ผลผลิตเฉลี่ยจะสูงถึง 6.83 ตันต่อเฮกตาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.โด่งท้าป กับนครเกิ่นเทอ (Cần Thơ) ซึ่งรายงานตัวเลข 7.35-7.4 ตันต่อเฮกตาร์ ตามลำดับ ไซ่ง่อนหยายฝองกล่าว
อย่างไรก็ตาม การปลูกข้าวคุณภาพต่ำ แม้จะให้ผลผลิตต่อไร่สูงกว่า แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าเช่นกัน ชาวนา จ.โด่งท้าป รายงานว่าต้นทุน (ค่าปุ๋ย-ยาต่อต้านแมลงศัตรูข้าว) ที่สูงขึ้นทำให้ชาวนามีกำไรเหลือเพียงประมาณ 20% เท่านั้น แม้ว่ารัฐบาลจะตั้งตัวกำไรให้ 30-40% ก็ตาม
ตามตัวเลขของกระทรวงเกษตรฯ ทั่วเวียดนามมีพื้นที่เพาะปลูกรวมกัน 33 ล้านเฮกตาร์ ในนั้นเป็นนาข้าวเพียง 5.3 ล้านเฮกตาร์ และในนั้น 3.9 ล้านเฮกตาร์อยู่ในเขตกื๋อลอง หรือที่ราบปากแม่น้ำโขง ข้าวส่งออกกว่า 90% ไปจากที่นี่
เวียดนามส่งออกข้าวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงหลายปีมานี้ จาก 3.5 ล้านตันในปี 2543 เป็น 6.75 ล้านตันในปี 2553 และเกือบ 7 ล้านตันในปี 2554 เป้าหมายปีนี้ อยู่ระหว่าง 6.5-7 ล้านตัน
สมาคมอาหารเวียดนามจะปรับเป้าส่งออกข้าวทุกๆ ไตรมาส โดยพิจารณาจากปริมาณข้าวที่ผลิตได้ประจำฤดู กับความต้องการของตลาดโลกในแต่ละช่วง.