ASTVผู้จัดการออนไลน์-- หลังจัดเตรียมอุปกรณ์มานานแรมเดือนและซ้อมจริงมา 1 รอบ เช้าวันอาทิตย์ 3 เม.ย.นี้ทหารหน่วยรบพิเศษกว่า 50 นาย ได้ลงบึงฮว่านเกี๋ยม ไม่ใช่การสู้รบ หากเป็นการลากอวนไล่ล่า "ปู่เต่า" หรือ เต่าศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ตามแผนของคณะกรรมการชุดหนึ่ง เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญทำการรักษา
ก่อนหน้านี้มีคนไม่มากนักที่มีโอกาสได้เห็นตัวเป็นๆ ของเต่าแห่งตำนาน และ หลายคนไม่เชื่อว่ามีอยู่จริงเสียด้วยซ้ำ
เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานของกรุงฮานอยได้เตรียมการอย่างดีเพื่อนำ เต่าศักดิ์สิทธิ์ในตำนานไปอยู่ในอาณาเขตที่จัดให้ใหม่คือ บริเวณรอบๆ "เจดีย์เต่า" ในบึงแห่งเดียวกัน ซึ่งมีการจัดระบบฟอกน้ำให้บริสุทธิ์ และต้องใช้เวลาตลอดทั้งวันในการล้อมจับ
นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีสามารถนำเอาเต่าศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาให้สาธารณชนได้เห็นทั้งตัว ภาพ "เต่า" โบราณขนาดมหึมาเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ กับสื่อโทรทัศน์ในวันเดียวกัน และแน่นอนว่าภาพเหล่านี้กำลังจะออกผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆ ในเช้าวันรุ่งขึ้น
เรียกกันจนติดปากว่า "เต่า" แต่แท้จริงคือ ตะพาบน้ำยักษ์พันธุ์หนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์เชื่อกันว่า มีเหลืออยู่เพียง 4 ตัวสุดท้ายในโลก อีก 3 ตัวอยู่ที่สวนสัตว์ในประเทศจีน แต่นักวิทยาศาสตร์กับผู้เชี่ยวชาญเวียดนามโต้แย้งว่า เต่าในบึงฮว่านเกี๊ยมกับเต่าที่พบในจีนเป็นคนพันธุ์กัน
เต่าศักดิ์สิทธิ์มีความผูกพันอย่างใกล้ชิดกับการต่อสู้เพื่อเอกราชของอาณาจักรเวียดนามโบราณ ซึ่งตำนานเล่าว่าเต่าศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้ เป็นผู้รักษาดาบศักดิ์สิทธิ์และคืนให้แก่พระจักรพรรดิเลเลย (Lê Lợi) แห่งไดเหวียด ทำให้พระองค์สามารถเอาชนะกองทัพจีนและเวียดนามพ้นจากการเป็นประเทศราชของราชวงศ์หมิง
ที่สถิตของเต่าศักดิ์สิทธิ์จึงมีชื่อหนึ่งว่า "สระคืนดาบ" หรือ "โห่ฮว่านเกี๊ยม" (Hồ Hoàn Kiếm) ซึ่งมีความหมายในภาษาอังกฤษว่า "Lake of the Restored Sword"
อย่างไรก็ตามชาวเวียดนามเองนิยมเรียกบึงน้ำแห่งนี้เป็น "โห่เกือม" (Hồ Gươm) ซึ่งมีความหมายตรงไปตรงมาว่า "สระกระบี่"
จากที่ไม่เคยโผล่ขึ้นเหนือน้ำให้ใครได้เห็นมานานนับร้อยปี ปู่เต่าได้ลอยตัวขึ้นมาให้เห็น 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว และบ่อยครั้งยิ่งขึ้นในต้นปีนี้ การปรากฏตัวบ่อยถี่ยิบ พร้อมรอยแผลตามลำตัว ได้ทำให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของเต่าศักดิ์สิทธิ์
ลำตัว ส่วนไหล่และขาของปู่เต่าเต็มไปด้วยแผลพุพอง ที่เชื่อกันว่าเกิดจากโดนเบ็ดเกี่ยว หรือถูกเต่าหูแดงจากต่างถิ่นกัดแทะ หรือเกิดจากการติดเชื้อเนื่องจากคุณภาพน้ำในบึงที่เสื่อมลง หรือ ทั้งสามสาเหตุ
2
ในวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา ปู่เต่าได้โผล่ส่วนหัวจนถึงช่วงเกือบกลางลำตัวขึ้นนอนอาบแดดบนตลิ่ง และ ก่อนหน้านี้ไม่นาน ได้ว่ายไปยังบริเวณน้ำตื้นใกล้ฝั่งเป็นเวลาสั้นๆ ให้ชาวฮานอยกับนักท่องเที่ยวจำนวนหนึ่งได้สัมผัสลำตัวเป็นครั้งแรก
ศาสตราจารย์ห่าดี่งดึ๊ก (Hà Đình Đức) ผู้อุทิศตนศึกษาปู่เต่ามาค่อนชีวิต เชื่อว่าเต่าศักดิ์สิทธิ์จะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม หรือ ข้าวสารราว 2 กระสอบ และ สุขภาพโดยรวมก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก
อายุเท่าไรแล้ว? มีคำถามกันมาตลอดเกี่ยวกับอายุของเต่าศักดิ์สิทธิ์ บางคนบอกว่าอยู่มาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 15 ในช่วงปีที่เวียดนามเอาชนะศึกใหญ่จากทางเหนือ บ้างก็บอกว่าน่าจะ 300 ปีมาแล้ว ซึ่งมีการบันทึกการพบเห็นเป็นครั้งแรก
ไม่มีผู้ใดทราบอย่างแน่นอนเกี่ยวกับอายุ หรือ แม้กระทั่งเพศของตะพาบยักษ์ แต่ชาวฮานอยก็พร้อมใจกันเรียกว่า "ปู่เต่า" หรือ "กุหรั่ว" (Cụ Rùa) หรือ เรียกเต็มยศว่า "ปู่เต่าแห่งสระกระบี่" หรือ cụ Rùa Hồ Gươm แต่อีกไม่นานก็จะรู้กันว่า เป็นปู่หรือเป็นย่ากันแน่
ความพยายามจับปู่เต่าในวันที่ 8 มี.ค.ล้มเหลว เจ้าหน้าที่ใช้อวนล้อมจับเอาไว้ได้ แต่ประมาณ 1 ชั่วโมงต่อมา เต่าศักด์สิทธิ์ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ สามารถแหวกอวนออกเป็นไปได้ ทิ้งเป็นรูโหว่นาดใหญ่ไว้เป็นหลักฐาน เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเป็นเพราะอวนลากที่ใช้เก่าไปหน่อยและวัสดุคุณภาพไม่ดี แต่ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าเป็นเพราะเต่าคู่บ้านคู่เมืองไม่อยากจะให้ใครจับ
ปฏิบัติการไล่ล่าปู่เต่าในวันอาทิตย์นี้ได้รับความสนจากชาวฮานอยนับพันๆ เนื่องจากเป็นวันหยุด นักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากที่ผ่านไปพบก็หยุดดูเหตุการณ์ ที่ใช้เวลานานหลายชั่วโมง ก่อนจะรวบปู่เต่าเข้ากรงเหล็ก และเคลื่อนย้ายไปยังที่อยู่แห่งใหม่ได้สำเร็จเมื่อเวลา 17 น.เศษ.
ปฏิบัติการล่าตำนาน ภาพโดย REUTERS
3
4
5
6
7
8
9