.
ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กระทรวงการต่างประเทศกัมพูชา ออกคำแถลงอีกฉบับหนึ่งในวันอังคาร 1 ก.พ.นี้ ยืนยันไม่ถอนธงชาติออกจากวัดแก้วสิกขาคีรีสวาระ โดยอ้างสารพัดทั้งความตกลงทั้งสนธิสัญญาสยามฝรั่งเศสเมื่อกว่า 100 ปีก่อน และยังอ้างอีกว่าบันทึกช่วยความจำที่ลงนามร่วมกับรัฐบาล นายชวน หลีกภัย ในปี 2543 นั้น ยอมรับว่า บริเวณวัดเป็นของกัมพูชา
คำแถลงซึ่งออกเป็นฉบับที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องนี้ ยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีการร้องขออย่างเป็นทางการใดๆ จากประเทศไทย เพื่อให้ถอนธงชาติดังกล่าว แถมยังอ้างอีกว่าในไทยเองก็ยอมรับกันทั่วไปว่า วัดแก้วสิกขาฯ สร้างโดยชาวเขมรเมื่อปี 2541
“บันทึกช่วยความจำปี 2543 [มาตรา 1 (C)] ได้อ้างถึงความตกลงปี 1904 และ สนธิสัญญาปี 1907 เช่นเดียวกันกับแผนที่แบ่งเขตแดนอันเป็นผลงานของคณะกรรมาธิการปักปันเขตแดนระหว่างอินโดจีนกับสยาม ที่ตั้งขึ้นภายใต้ ภายใต้ความตกลงกับสนธิสัญญาดังกล่าว” คำแถลงระบุ
คำแถลงของกัมพูชาหมายถึงแผนที่มาตราส่วน 1/200,000 ที่ใช้อ้างอิงในศาลระหว่างประเทศและทำให้ปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา ขณะที่ฝ่ายไทยยึดถือแผนที่มาตราส่วน 1/50,000 ซึ่งระบุเส้นเขตแดนแตกต่างกัน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทย ให้สัมภาษณ์วันพฤหัสบดีสัปดาห์แล้ว ก่อนเดินทางไปร่วมประชุม World Economic Forum ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เรียกร้องให้กัมพูชาถอนธงชาติออกไป หลังจากที่ได้ตกลงทุบแผ่นป้ายหิน 2 แผ่นไปก่อนหน้านั้น
แต่เพียงข้ามวันกระทรวงการต่างประเทศในกรุงพนมเปญก็ออกแถลงปัดปฏิเสธ โดยกล่าวอ้างคล้ายกันนี้
“ปัญหาก็คือ เพราะเหตุใดประเทศไทยจึงเรียกร้องในตอนนี้ ให้กัมพูชาปลดธงชาติ (จากวัด) จนถึงบัดนี้กัมพูชายังไม่เคยได้รับการเรียกร้องอย่างเป็นทางการใดๆ จากไทย” คำแถลงระบุ
คำแถลงยังระบุอีกว่า นายกรัฐมนตรีกำลังข่มขู่จะประกาศสงครามกับกัมพูชา ซึ่งกัมพูชามีสิทธิ์ที่จะปกป้องอธิปไตยและบูรณะภาพเหนือดินแดนของตน
อย่างไรก็ตาม เมื่อฝ่ายกัมพูชาไม่ถอนธงออกไป นายกรัฐมนตรีไทย กล่าวในวันอังคาร 1 ก.พ.นี้ ว่า จะให้นำธงชาติไทยขึ้นไปปักบนเขาพระวิหารเช่นกัน ขณะที่ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า จะเจรจากับฝ่ายทหารกัมพูชาเพื่อดำเนินการดังกล่าว.