ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ชาวเขมรจำนวนมากแสดงความไม่พอใจต่อผู้นำ และบรรดาแม่ทัพนายกองประจำการที่ชายแดนปราสาทพระวิหาร ที่ปล่อยให้ทหารไทยนำโดย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กับทหารไทยกลุ่มหนึ่งอาวุธครบมือขึ้นไปยังวัดแก้วสิขาคีรีสวาระ (Wat Keo Sekha Kiri Svarak) และร่วมทุบแผ่นป้านหิน “ที่นี่! กัมพูชา” ซึ่งนำขึ้นติดตั้งในวันอังคาร
เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันพุธ โดยฝ่ายทหารของไทยได้ยื่น “คำขาด” ต่อบรรดาแม่ทัพนายกองของกัมพูชา หากไม่ทุบป้ายก็จะต้องเผชิญหน้ากับทหารและประชาชนไทย หนังสือพิมพ์ “บางกอกโพสต์” รายงานอ้างคำพูดของแม่ทัพภาค 2 ที่เคยได้รับเหรียญกล้าหาญจากการศึกที่ช่องโอบก ชายแดน จ.อุบลราชธานี ในยุคที่ทหารเวียดนามนับแสนยึดครองกัมพูชา
ปฏิกิริยาของชาวเขมรมีขึ้นหลังจากได้เห็นภาพ พล.ท.ธวัชชัย เข้าร่วมทุบทำลายแผ่นป้ายแผ่นที่ 2 ที่ฝ่ายกัมพูชานำขึ้นติดตั้งแทนแผ่นแรกที่ทุบทำลายไปก่อนหน้านี้ ป้ายหินดังกล่าวมีเนื้อหาประณาม “การรุกราน” ของไทย และนำมาสู่ความตึงเครียดรอบใหม่ ในความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ
ชาวกัมพูชาไอ้อ่านเรื่องราวเหล่านี้ผ่าน “บางกอกโพสต์” หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษรายวันของไทย และ “พนมเปญโพสต์” ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์รายวันภาษาอังกฤษหนึ่งในสองฉบับในกรุงพนมเปญ
“ช่างน่าอัปยศอดสูที่ฮุนเซน เข้มแข็งก็เฉพาะกับประชาชนเขมรผู้บริสุทธิ์ และไม่มีอาวุธใดๆ เท่านั้น..” ผู้อ่านของเว็บไซต์แห่งหนึ่งระบายความอึดอัด หลังจากได้เห็นรูปภาพและอ่านข่าวผ่านเว็บไซต์ Ki-Media
“เราชาวเขมรรู้สึกต่ำต้อยที่ถูกไทยสั่งให้ทุบแผ่นป้าย รู้สึกเศร้าที่เห็นทหารกัมพูชาต้องทำลายและเก็บกวาดซากหักพัง ผมไม่รู้ว้าเราจะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีฮุนเซนอีกหรือไม่” อีกคนหนึ่งเขียนระบาย
ผูู้อ่านชาวเขมรอีกจำนวนหนึ่งพุ่งเป้าโจมตีไปที่นายฮอร์นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่ถูกระบุว่า เป็นผู้สั่งให้ติดตั้งแผ่นป้ายหินทั้งสองแผ่น แต่แล้วก็ยอมก้มหัวให้แรงกดดันจากฝ่ายไทย
ชาวกัมพูชาอีกจำนวนหนึ่งออกกล่าวประณามผู้นำทหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาการกองทัพที่รับผิดชอบชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร กับ พล.ท.สเรย์ เดิ๊ก ผู้บัญชาการพื้นที่ หลายคนกล่าวว่า แม่ทัพนายกองเหล่านี้เก่งแต่คุยโม้โอ้อวด
บางคนบอกว่า นายพล 4 ดาวของกัมพูชา ยอมให้ “นายพล 2 ดาว” ของไทยลบเหลี่ยม หลายคนใช้ถ้อยคำประณามอย่างรุนแรง และมีคนหนึ่งที่กล่าวว่า การทุบทำลายป้ายทั้งสองครั้ง นับเป็นชัยชนะเบื้องต้นของ “พวกสยามเสื้อเหลือง” ที่ชุมนุมกดดันรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ให้ยกเลิก “MOU43” ในขณะนี้
จากการสำรวจโดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ ไม่มีสื่อสำนักใดในกรุงพนมเปญ ที่นำเสนอภาพและข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกในเช้าวันพฤหัสบดี 27 ม.ค.นี้ รวมทั้งสำนักข่าวของทางการ มีเพียงเว็บไซต์ของชาวเขมรในต่างแดนจำนวนหนึ่ง คัดลอกภาพและข่าวจากหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของไทย ออกเผยแพร่ รวมทั้งแปลเป็นภาษาเขมรด้วย
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ในบ่ายวันพุธว่า ปัญหาได้จบลงแล้ว โดยอ้างรายงานของฝ่ายทหารว่า ฝ่ายกัมพูชาได้ยอมทุบแผ่นป้ายหินแผ่นที่ 2 แล้วหลังจากไทยได้ประท้วง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากัมพูชาพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ และเป็นก้าวในทางบวก
แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องสำคัญของผู้ประท้วง คือ การยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และการให้ไทยถอนตัวออกจากคณะกรรมการมรดกโลก
ในช่วง 2 สัปดาห์มานี้ กัมพูชาได้เสริมทหารจำนวนมากเข้าชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร และ กองทัพภาคที่ 2 ของไทยได้เคลื่อนย้ายทหารกับอาวุธเข้าชายแดนเช่นกัน แม้จะเป็นการฝึกซ้อมประจำปีตามกำหนด แต่ได้ทำให้เกิดความตึงเครียดขึ้นมาอีกรอบ
ความตึงเครียดพุ่งสูงขึ้นหลังฝ่ายกัมพูชา นำป้ายหินขึ้นติดตั้งในบริเวณวัด ไม่นานหลังจากไทยยอมถอนทหารออก
ตามรายงานของ “วาสนา นาน่วม” ผู้สื่อบางกอกโพสต์ เจ้าของหนังสือ “ลับ ลวง พราง” ที่ขายดี หลังได้รับคำสั่งให้ “ทำทุกอย่าง” เพื่อให้กัมพูชานำป้ายหินแผ่นที่ 2 ออกไป แม่ทัพภาคที่ 2 ของไทยเดินทางขึ้นเขาไปยังวัดแก้วฯ พร้อมทหารติดอาวุธครบมือจำนวน 20 นาย และยังเตรียมกำลังทหารอีก 4 กองร้อย ไว้ที่เชิงเขา เตรียมพร้อมรับคำสั่งปฏิบัติการทุกเมื่อ
แม่ทัพของไทยถามฝ่ายกัมพูชาว่า เหตุใดจึงติดแผ่นหินดังกล่าว ขณะที่สองฝ่ายได้ตกลงกันจะไม่กระทำการใดๆ เพื่ออ้างดินแดน และได้รับคำตอบว่ากระทรวงการต่างประเทศสั่งให้ติดตั้ง พล.ท.ธวัชชัย จึงขอให้นำออกไปเพื่อลดความไม่พอใจของทหารไทย กับประชาชนไทย และฝ่ายนั้นยินยอม
“ผมไม่ทราบทำไมพวกเขาจึงยอม เวลาประมาณ 02.15 น.กัมพูชาได้สั่งให้ทหารทำลายแผ่นป้ายหินอันใหม่ ผมเฝ้าดูพวกเขาทุบ ผมเข้าทุบด้วย ผมอยากมีส่วนร่วมด้วย” พล.ท.ธวัชชัยกล่าว ในรายงานของบางกอกโพสต์
“ผมพูดกับเขาดีๆ และยกเหตุผลให้เห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากแผ่นป้ายยังอยู่”
“เราเป็นเพื่อนบ้านกันและควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ไม่มีใครต้องการให้เกิดสงคราม และพวกเขาก็เห็นด้วย” แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว
พล.ท.ธวัชชัยยังให้รายละเอียดอีกหลายอย่างในปฏิบัติการดังกล่าว ตั้งแต่ได้ติดต่อกับฝ่ายกัมพูชาว่าจะขึ้นเขาไปที่นั่น และเมื่อไปถึง ทั้ง พล.อ.เจีย ดารา และ พล.ท.สเรย์ เดิ๊ก ผบ.กองพลที่ 3 ในพื้นที่ได้รออยู่ที่นั่นแล้ว
