xs
xsm
sm
md
lg

“สนธิ”ซัดขายชาติสำเร็จ "เทือก"กราบเท้าฮุนเซน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "สนธิ" อนาถ! "สุเทพ" ขายชาติแล้วยังกราบเท้า "ฮุนเซ็น" สุดทน แช่งคนขายแผ่นดินต้องถูกประหารชีวิต ระบุมาตรา 119 ชี้ชัดคนรัฐบาลไม่ทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย สอนมวย “วอลเปเปอร์” อย่าริร่วมขบวนการ-ออกหน้าแทนมาร์ค ประกาศนัดชุมนุม 25 ม.ค. บ่าย 2 โมง สะพานมัฆวานฯ “ไม่ให้เสียชาติเกิดที่เกิดมาเป็นคนไทย”
 
วานนี้ (21 ม.ค.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ตอนหนึ่งโดยยกบทความของ อ.ยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณอดีตผู้พิพากษา หัวหน้าคณะในศาลฎีกาอดีตผู้พิพากษาอาวุโสศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง และศาลภาษีอากรกลาง มาแสดงได้แก่ ในมาตรา 119 ที่ระบุว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประหารชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต

มาตรา 120 ระบุว่า ผู้ใดคบคิดกับบุคคล ซึ่งกระทำการเพื่อ ประโยชน์ ของรัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือ จำคุกตั้งแต่สิบปีถึงยี่สิบปี

มาตรา 128 ระบุว่า ผู้ใดตระเตรียมการ หรือพยายามกระทำความผิด ใด ๆ ในหมวดนี้ ต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้สำหรับความผิดนั้น และ มาตรา 129 ระบุว่า ผู้ใดเป็นผู้สนับสนุนในการกระทำความผิดใด ๆ ใน หมวดนี้ ต้องระวางโทษเช่นเดียวกับตัวการในความผิดนั้น รวมถึงมาตรา 157 ว่าด้วยการละเว้นหน้าที่ฯ

การกระทำความผิดของผู้มีอำนาจบริหารรัฐและผู้นำกัมพูชาจะไม่เป็นความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักร จะต้องมีการปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและMOU2543 ( ถ้าเห็นว่า MOU2543 ชอบด้วยกฎหมาย ) แต่เมื่อรัฐไทยและกัมพูชาได้ร่วมกันละเมิดต่อMOU2543 โดยไม่ระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีด้วยการปรึกษาหารือและเจรจากันแล้ว ไทยจะต้องประกาศยกเลิกMOU2543โดยพลัน และใช้วิธีทางการฑูตเรียกให้กัมพูชาปฏิบัติหลักกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งในเรื่องการนำปราสาทเขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก และการจับกุมกักขังคนไทยทั้ง 7 คนโดยไม่มีอำนาจการจับกุมและไม่มีเขตอำนาจศาล และขอให้ส่งคนไทย 7 คนกลับประเทศไทยโดยเร็วก่อนทุกอย่างจะสายเกินแก้ ( เพราะกัมพูชาไม่ได้ปฏิบัติตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศและMOU2543 มาตั้งแต่ต้น )

ความผิดอาญาเป็นเรื่องเฉพาะตัวของผู้มีหน้าที่ต้องกระทำตามกฎหมาย คดีอาญามีอายุความยาวนาน การสูญเสียอำนาจอธิปไตยและเอกราชของราชอาณาจักรไทย ไม่ใช่เป็นนโยบายของรัฐ และรัฐบาลจะมีนโยบายดังกล่าวไม่ได้ไม่ว่าในกรณีใด MOU2543 เป็นอันตรายต่อผู้มีอำนาจบริหารงานของรัฐอย่างยิ่ง เพราะสามารถนำไปพิสูจน์การกระทำความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายนอกราชอาณาจักรได้

นายสนธิ กล่าวว่า คนที่จะถูกดำเนินคดีตามมาตรา 119มาตรา 120และมาตราอื่น ๆก็คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาค 2 นายศิริโชค โสภา ส.ส.ปชป.จ.สงขลา ส.ส.ปชป.บางคน ที่ยุยงให้รับทั้ง 7 คนไทยรับสารภาพ รวมทั้งนายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่ออกมาพูดต่างๆนานา ว่าพื้นที่หรือดินแดนที่ 7 คนไทยเข้าไปนั้นเป็นพื้นที่ของเขมร โดยไม่ปกป้องแผ่นดินไทย

“ผู้นำรัฐไทยทั้งฝ่ายการเมืองและข้าราชการที่มีอำนาจทั้งฝ่ายความมั่นคงและต่างประเทศประกาศยอมรับไม่ก้าวก่ายอำนาจศาลของกัมพูชา อันเป็นการที่ไทยยอมสยบให้อำนาจอธิปไตยทางศาลกัมพูชาให้มีอำนาจเหนือพลเมืองรัฐไทยและเหนือดินแดนที่มีการจับกุม คนไทยโดยที่ยังไม่รู้ว่าดินแดนตรงนั้นเป็นของไทยหรือกัมพูชา โดยอ้างว่าคนไทยทั้ง 7 รุกล้ำเขตแดนกัมพูชา”

ดังนั้นการที่ยอมให้ 7 คนไทยไปขึ้นศาลโดยที่ไม่โต้แย้ง และระบุว่า คนทั้ง 7 คนซึ่งอยู่ในพื้นที่ไทยและพื้นที่ที่ยังไม่มีการพิสูจน์หลักเขต กลับไปปล่อยให้ศาลกัมพูชามีอำนาจเหนืออธิปไตยไทย ภาษาชาวบ้าน คือ โง่ โคตรโง่ ภาษากฎหมายก็คือไปยอมรับเต็ม ๆ โดยเฉพาะนายสุเทพ ที่ไปกราบขอบคุณนายฮุนเซน รวมทั้งศาลเขมร ไม่รู้ว่าเป็นพ่อกันหรืออย่างไร ซึ่งตนอยากจะเห็นคนที่ขายแผ่นดินถูกประหารชีวิตมากที่สุด

“ชัดเจนว่า คำพูดของคนในรัฐบาล ที่นายกฯรับเองว่า คนไทยรุกพื้นที่กัมพูชา แทนที่รัฐบาลจะประท้วง กลับดาหน้าว่าพื้นที่นั้นเป็นของกัมพูชา และภานยหลังตัวเองยังมาทะลึ่งว่า เป็นพื้นที่ของประเทศไทย ดังนั้นเห็นได้ชัดว่า คนของรัฐบาลสมรู้ร่วมคิด โดยศาลเขมรก็พิพากษา เราไม่ประท้วงแต่กลับไปกราบเท่าเขา ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษนายสุเทพ เป็นคนเขมรแอบมาเป็นคนใต้หรือไม่ และสงสัยว่านายศิริโชค มีเชื่อสายเขมรหรือไม่ เพราะพยายามจะนำหลักฐานมาอ้างว่า ที่ดินของคนไทยเป็นพื้นที่ของเขมร”

ขณะเดียกวันตนกำลังจะยุนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ให้ต่อสู้ต่อไป เพราะที่ถูกกัมพูชากล่าวหาว่า “จารกรรม” จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะเขา 2 ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ เขาจะไปจารกรรมให้ใคร คนในรัฐบาลไทยและทหารบางคนไม่ชอบนายวีระ จึงไปยัดข้อหาให้เขา

นายสนธิ กล่าวต่อว่า พรรคประชาธิปัตย์กำกลังจะกลายเป็นพรรค ที่ทำให้ประเทศไทยกำลังจะเสียแผ่นดินอีกครั้งหลังจากเสียเรื่องที่ดิน สปก.4-01 เสียเรื่องบีไอบีเอฟ เสียเรื่องปรส. ฯลฯ เป็นฝีมือที่พรรคประชาธิปัตย์ทำทั้งสิ้น รวมทั้งคนที่ตายที่ราชประสงค์ก็มาจากพรรคประชาธิปัตย์

ขณะที่กรณีที่รัฐบาลไม่ยอมยกเลิกเอ็มโอยู 43 ก็เนื่องจากได้รับประโยชน์จากนายฮุนเซน และคนที่ใกล้ชิดก็จะได้ผลประโยชน์ของธุรกิจชายแดน และผลประโยชน์น้ำมันทางทะเล ทั้งนี้เอ็มโอยู43 ข้อ 5 ระบุชัดว่า ในระหว่างสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนไม่แล้วเสร็จ “ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม”การเจรจาแบบนี้ราษฎรไทยไม่มีวันได้ที่ดินทำกินคืน (เพราะฝ่ายกัมพูชาจะไม่มีวันยอมให้เจรจาสำเร็จเพราะได้เปรียบมากกว่า) ยกเว้นเสียแต่จะยกเลิก เอ็มโอยู 2543

ทั้งนี้มีคำถามว่าคนไทยใจชั่ว ใจขายชาติที่ร่างเอ็มโอยูปร 43 มันจะร่างทำไมเมื่อรู้ว่าเขมรจะรุกเข้ามา มีความจงใจที่ห้ามเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม คือเป็นขบวนการที่มีมานานพอสมควร ในช่วงที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรมว.ต่างประเทศ ในปี 2540 และนำไปให้นายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีช่วงนั้นลงนาม

นายสนธิ กล่าวโดยนำภาพเหตุการณ์เดือน พฤศจิกายน 2547 (ก่อนมีเอ็มโอยู 2543) ทหารไทยโดยกองกำลังบูรพา เข้ารบทหารเวียดนามที่บุกมาโจมตีที่บ้านหนองจาน ต.โนนหมากนุ่น ทหารเวียดนามตายเป็นจำนวนมาก และทหารไทยลากศพทหารเวียดนามในตอนเช้า ภาพเหตุการณ์นี้ ชาวบ้านหวาดกลัวทหารเวียดนามไม่กล้าลงไปเกี่ยวข้าว ทหารไทยลงไปช่วยเกี่ยวข้าวให้ชาวนา โดยระบุว่า ภาพดังกล่าวจะตบหน้านายศิริโชค โสภ าที่มัวปกป้องนายอภิสิทธิ์ ภาพที่เห็นบอกได้ไหมว่านายศิริโชคกำลังร่วมขบวนการขายชาติ

ท้ายสุดนายสนธิ ยังเรียกร้องให้คนไทยทุกคนที่มีจิตใจรักชาติไปรว่มชุมนุมที่สะพาน มัฆวานรังสรรค์ ในวันอังคารที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2554 ตั้งแต่ 14.00 น. โดนระบุว่า “ไม่ให้เสียชาติเกิดที่เกิดมาเป็นคนไทย”
กำลังโหลดความคิดเห็น