“สนธิ”ชี้ คำตัดสินศาลเขมรให้ 5 คนไทยผิด ส่งผล “มาร์ค”และพวกเข้าข่ายทำผิดต่อความมั่นคงของราชอาณาจักรตามมตรา ม.119-120 โทษประหารชีวิต-จำคุกตลอดชีวิต จวก “เทพเทือก”ยอมรับอธิปไตยต่างชาติในพื้นที่อยู่ระหว่างการพิสูจน์ แทนที่จะประท้วงกลับไปขอบคุณศาลเขมร ซัด “ศิริโชค”โดย ม.120 เต็มๆ ฐานสมคบคิดยกดินแดนให้เขมร คอยตอบโต้ ให้ข้อมูลเข้าข้างเขมรตลอด
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ช่วงที่ 1
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ทางเอเอสทีวี คืนวันศุกร์ที่ 21 ม.ค. ถึงกรณีที่ศาลกัมพูชามีคำพิพากษาจำคุกคนไทย 5 คนๆ ละ 9 เดือน และปรับเงินคนละ 1 หมื่นบาท ในข้อหาเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จากกรณีที่คนไทยโดนทหารกัมพูชาจับกุมที่ชายแดนจังหวัดสระแก้วว่า คำพิพากษาดังกล่าวจะทำให้บทความของ นางยินดี วัชรพงศ์ ต่อสุวรรณ อดีตผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เป็นจริงขึ้นมาทันที นั่นคือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ นายศิริโชค โสภา คนใกล้ชิดนายกฯ และอีกหลายๆ คนที่เกี่ยวข้อง มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 119 ผู้ใดกระทำการใดๆ เพื่อราชอาณาจักรหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรตกไปอยู่ใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ หรือเพื่อให้เอกราชของรัฐเสื่อมเสียไป ต้องระวางโทษประการชีวิต หรือจำคุกตลอดชีวิต
นายสนธิ กล่าวต่อว่า พื้นที่ที่คนไทยถูกจับกุม ถ้าไม่ยมอรับว่าเป็นพื้นที่ของไทย อย่างน้อยๆ ก็เป็นพื้นที่ที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นของใคร ดังนั้นถ้ามีการจับกุมในบริเวณนั้น ตามเอ็มโอยู. 2543 บอกว่าต้องมีการเจรจากัน แต่รัฐบาลไทยให้กัมพูชาใช้อำนาจอธิปไตยในพื้นที่ที่ยังตกลงกันไม่ได้ซึ่ง เข้าข่ายกระทำผิดมาตรา 119 และมาตรา 120 ที่ระบุว่า ผู้ใดคบคิดกับบุคคลซึ่งการกระทำการเพื่อประโยชน์รัฐต่างประเทศ ด้วยความประสงค์ที่จะก่อให้เกิดการดำเนินการรบต่อรัฐ หรือในทางอื่นที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10 - 20 ปี และยังผิดมาตรา 128 และ 129 ด้วย
นายสนธิ ย้ำว่า เขตแดนบริเวณที่คนไทยถูกจับกุมนั้นยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์และไม่แน่ชัด จึงขาดองค์ประกอบการรุกล้ำเขตแดน ความผิดฐานหลบหนีเข้าเมืองจึงเกิดขึ้นไม่ได้ รัฐบาลต้องโต้แย้งประเด็นนี้ แต่นายอภิสิทธิ์และอีกหลายคนที่เกี่ยวข้องบอกให้คนไทยสารภาพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ยังกรายขอบคุณศาลเขมร ซึ่งการที่เรายอมรับอำนาจศาลกัมพูชาในการพิจารณาคดีคนไทยทั้ง 7 คน เท่ากับว่ายอมรับว่าเขตแดนตรงนั้นเป็นของกัมพูชา ทั้งที่บริเวณดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพิสูจน์
นายสนธิกล่าวว่า กรณีที่เราเสียปราสาทพระวิหารนั้น เพราะเรานิ่ง เฉย เท่ากับการยอมรับ แต่กรณีนี้ยิ่งกว่าคดีเขาพระวิหารอีก เพราะเรายอมรับยเต็มๆ ทั้งนี้เมื่อวันที่ 16 ม.ค.นายอภิสิทธิ์พูดในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ว่า เอกสารสิทธิ์ที่ชาวบ้านนำมาให้ดูนั้น แสดงให้เห็นว่าพื้นที่อยู่ในเขตไทยทั้งสิ้น แต่นายสุเทพ พล.อ.ประวิตรกลับบอกว่า เราไปล้ำเขตแดนเขา และยอมให้ขึ้นศาล โดยที่เราไม่ประท้วง
นายสนธิ กล่าวอีกว่า การที่นายสุเทพขอบคุณในความเมตตาของศาลกัมพูชานั้น ถือว่าไม่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ การไปยอมรับอำนาจศาลกัมพูชาในพื้นทึ่ที่ยังไม่มีการพิสูจน์ เท่ากับว่าเป็นการสมรู้ร่วมคิด ยกพื้นดินให้กับเขมร นอกจากไม่ประท้วงแล้ว ยังไปยอมรับเขาอีก ส่วนกรณีที่นายวีระ สมความคิด ถูกตั้งข้อหาจารกรรม ทั้งที่เป็นประชาชนธรรมดา จะจารกรรมข้อมูลไปทำอะไร เรื่องนี้รัฐบาลไทยต้องประท้วง แต่คนในรัฐบาลบางคนไม่ชอบนายวีระ ก็เลยหาเรื่อง ซึ่งไม่เป็นธรรมกับนายวีระ
นายสนธิ กล่าวว่า ปัญหาในขณะนี้ เป็นปัญหาจริยธรรมของนายอภิสิทธิ์ ที่ไม่มีสำนึกว่าอะไรควรอะไรไม่ควร นายอภสิทธิ์บอกว่าเอ็มโอยู 2543 มีประโยชน์ต่อประเทศไทย แต่ตอนนี้ไม่มีเลย แต่รับาลนี้ม่ยอมยกเลิก เพราะผูกพันกับการตัดสินใจในอดีตที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ สมัยนายชวน หลีกภัยเป็นนายกฯ ได้ลงนามกับกัมพูชาเอาไว้ ถ้ายกเลิกก็จะทำให้ตัวเองเสียหน้า ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยทำให้ประเทศชาติเสียหายมาแล้ว 4-5 เรื่องใหญ่ ตั้งแต่ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ทำให้เราเสียปราสาทพระวิหาร ต่อมานายสุเทพ ก็ทำให้เราเสียที่ดิน สปก.ให้เศรษฐี ครั้งที่ 3 ทำให้เราเสียดินแดนเพราะเอ็มโอยู 43 ครั้งที่ 4 เสียทรัพย์สินจากการเปิดบีไอบีเอฟทำให้ฟองสบู่แตกและไอเอ็มเอฟเข้ามา บัคับให้เราออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ เปิดช่องให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรเข้ามาขาย ปตท. และยังจัดตั้ง ปรส.ให้ฝรั่งมาซื้อหนี้ในราคา 10% แล้วไปเรียกคืนจากคนไทยเต็ม 100%
สาเหตุที่ 2 ที่ไม่ยอมยกเลิกเอ็มโอยู 43 เพราะนักการเมืองได้ประโยชน์ จาการเสียดินแดนให้กัมพูชาทำให้นายฮุนเซนพอใจ แล้วให้ประโยน์ตอบแทนคนเหล่านี้ เพราะปัจจุบันนี้นักธุรกิจของพรรคมืองเข้าไปลงทุนในกัมพูชาจำนวนมาก ทหารที่อยู่ชายแดนก็ทำมาค้าขายกับนายฮุนเซน เกาะกงเป็นที่พำนักของคนเสื้อแดง นายวัฒนา กำนันเป๊าะ คนพวกนี้ได้ประโยชน์ และมีเส้นสายในวงการเมืองไทยทั้งสิ้น คนพวกนี้สนับสนุนเอ็มโอยู่ 43 ให้ยนายฮุนเซนมีความสุข เพื่อจะได้อนุญาตให้นักการเมืองที่มีอำนาจในปัจจุบันเข้าไปหาประโยชน์ได้
ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ชอบบอกว่าเขาไม่ได้ประโยชน์อะไร ก็ใข่ แต่คนรอบข้างเขามีผลประโยชน์ และจริงๆ นายอภสิทธิ์ ก็ได้ประโยชน์ จากการได้สนองอัตตาที่อยากจะเป็นนายกฯ ต่อ และเชื่อว่าเรื่องนี้นายชวน หลีกภัย ผู้ใหญ่ของพรรคไม่รู้เรื่อง แต่น่าจะมีกระบวนการใหญ่ที่จะยกดินแดนให้เขมร ตั้งแต่ปี 2522-2523 ที่มีการตั้งค่ายอพยพให้คนกัมพูชาหนีภัยสงครามมา และมีการขยับหลักเขต เมื่อสงครามเลิก คนพวกนี้ก็ไม่ยอมออกไป เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็ไม่ได้สนใจผลักดันออกไป ดังนั้นเอ็มโอยู 2543 จึงน่าจะมีเงื่อนงำ เพราะเริ่มทำมาตั้งแต่สมัยที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในปี 2540 แล้วมาเรียบร้อยในรัฐบาลชวน หลีกภัย ในปี 2543
นายสนธิ กล่าวต่อว่า การที่นายศิริโชค โสภา พยายามหาข้อมูลออกมายืนยันว่าคนไทยทั้ง 7 คนถูกจับในพื้นที่ของกัมพูชานั้น ถือว่ามีความผิดมาตรา 120 ข้อหาสมคบคิดกับต่างชาติ เพราะนายศิริโชค พยายามเอาข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศมาอธิบายซึ่งตรงกันข้ามกับข้อมูลของชาวบ้านในพื้นที่ที่มีพ่อแม่ทำกินอยู่ที่นั่น โดยเฉพาะกรณีบ่อน้ำของยูเอ็น และบ้านหนองจาน ซึ่งมีภาพถ่ายทหารไทยเข้าไปลากศพทหารเวียดนามมาเก็บ และภาพทหารไทยเกี่ยวข้าวช่วยชาวบ้าน ยืนยันชัดเจนว่า อยู่ในพื้นที่ไทย ทั้งนี้ การพูดของนายศิริโชค ถือว่าพูดแทนนายอภิสิทธิ์ เพราะต้องการปกป้องนายอภิสิทธิ์ให้แปดเปื้อน ซึ่งนายศิริโชคพลาด นายศิริโชคก็รับไปคนเดียว ซึ่งนายศิริโชคก็พูดเข้าข้างเขมรตลอด เท่ากับว่าสมรู้ร่วมคืดในการยกดินแดนให้เขมร โดยมีอีกคนที่เข้าข่ายทำผิดมาตรา 120 คือผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้วที่พยายามเข้าข้างเขมรมาตลอดเช่นกัน