xs
xsm
sm
md
lg

350 ปี คาทอลิกเวียดนามหวังประสานความเข้าใจรัฐ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



เอเอฟพี - พระคาดินัลและชาวเวียดนามที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกนับหมื่นเดินทางจากทั่วประเทศมาร่วมฉลอง "ปีศักดิ์สิทธิ์" เมื่อวันอังคาร (24 พ.ย.) ที่ผ่านมา ด้วยความหวังที่ต้องการให้รัฐบาลคอมมิวนิสต์เวียดนามหายคลางแคลงใจในความสัมพันธ์กับบรรดาเหล่าคริสชนในประเทศ

ผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจากทั่วประเทศเวียดนามและพระคาดินัลที่เดินทางมาจากฝรั่งเศส สหรัฐ และกรุงโรม ได้รวมตัวกันที่โบสถ์เสอเคียน (So Kien) ในหมู่บ้านฝูลี่ (Phu Ly) ห่างจากกรุงฮานอยไปทางใต้ประมาณ 60 กม. เพื่อร่วมฉลองวันสถาปนานี้

โดยปี 2552 ถือเป็น "ปีศักดิ์สิทธิ์" ในวาระครบรอบ 350 ปี การก่อตั้งสังฆมณฑลแห่งแรกในเวียดนาม (ขอบเขตการปกครองของสังฆราช) และยังเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของโบสถ์นิกายโรมันคาทอลิกของเวียดนามด้วย ซึ่งทางโบสถ์หวังว่างานเฉลิมฉลองดังกล่าวนี้จะเป็นพลังขับเคลื่อนในการประนีประนอมความขัดแย้งที่มีกับรัฐบาล และอาจนำไปสู่การเสด็จเยือนของสมเด็จพระสันตะปาปา รวมถึงความก้าวหน้าในการสร้างความสัมพันธ์ทางการทูตและการบูรณะทรัพย์สินที่ถูกยึดไป
<FONT color=#3366ff>ผู้เลื่อมใสในคริสตศาสนาเดินแถวร่วมขบวนเพื่อฉลองปีศักดิ์สิทธิ์ </font>
นอกจากนั้นโบสถ์ยังต้องการอิสรภาพที่มากขึ้นสำหรับการทำงานในด้านมนุษยธรรมและการให้การศึกษาต่อผู้คนในประเทศนี้

"ในวาระของปีศักดิ์สิทธิ์ เราหวังใจว่าความคิดเห็นและความเข้าใจอันดีระหว่างรัฐบาลและโบสถ์ และเรายังหวังใจสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่าง 2 ฝ่ายด้วย" คุณพ่อเหวียนจองติ่งห์ (Nguyen Trong Tinh) จากโบสถ์จ.นามดิ่งห์ กล่าว

ความหวังที่รัฐบาลเวียดนามและโบสถ์จะประนีประนอมต่อกันเพิ่มสูงขึ้น เมื่อนายเหวียนเติ๋นยวุ๋ง นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เดินทางไปเยือนนครรัฐวาติกันในปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งการพบปะกันระหว่าง 2 ฝ่ายที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเป็นไปตามแนวทางที่ดีและเพิ่มระดับความสัมพันธ์ยิ่งขึ้นเมื่อมีความเป็นไปได้ที่ประธานาธิบดีเหวียนมิงเจี๊ยต (Nguyan Minh Triet) จะเดินทางไปเยือนนครรัฐวาติกัน ในเดือนธ.ค. นี้ เช่นกัน

"ผมไม่รู้สึกแปลกใจ ถ้าหากพระองค์จะเสด็จมาที่เวียดนาม ซึ่งจะเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง" ทูตต่างชาติที่ไม่เปิดเผยชื่อนายหนึ่ง กล่าว โดยอ้างถึงความเป็นไปได้ที่สมเด็จพระสันตะปาปาอาจจะเสด็จเยือนเวียดนามในปี 2553
<FONT color=#3366ff>ชาวเวียดนามผู้นับถือคริสต์นิการโรมันคาทอลิกจากทั่วประเทศมารวมตัวกันในงานพิธีที่ยิ่งใหญ่ </font>
โดยรัฐบาลเวียดนามและโบสถ์ได้มีปัญหาความขัดแย้งมาอย่างยาวนานในประเด็นเรื่องทรัพย์สินของทางโบสถ์ ซึ่งทรัพย์สินหลายอย่างของโบสถ์ต้องเสียไปในช่วงเวลาหลังจากที่เวียดนามสิ้นสุดการตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสในปี 2497 และเรื่อยมาจนถึงการรวมประเทศ หลังยุติสงครามเวียดนามในปี 2518

ในเดือนธ.ค. 2551 คริสตศาสนิกชนคาทอลิกได้เริ่มทำการประท้วงขึ้นหลายครั้งโดยมีศูนย์กลางการประท้วงที่ตึกสถานทูตวาติกันเดิมในกรุงฮานอย และกระจายไปทั่วทุกแห่งในประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ทางการคืนทรัพย์สินของโบสถ์ ซึ่งการประท้วงเรียกร้องบางครั้งนำไปสู่การปะทะกับตำรวจด้วย

รัฐบาลเวียดนามได้ยอมรับว่าครอบครองทรัพย์สินบางอย่างของโบสถ์แต่ไม่ใช่สถานที่สำคัญทั้งหมด ซึ่งประเด็นเรื่องการยึดครองทรัพย์สินนี้ยังคงไม่ได้รับการแก้ไขและยังเป็นประเด็นอ่อนไหวในเวียดนาม

"เราต้องการเพียงแค่สามารถที่จะทำตามความศรัทธาและไม่ขัดแย้งกับรัฐ ศาสนาเป็นเรื่องธรรมดาทั่วๆ ไป และคาทอลิกก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่กลับไม่มีเสรีภาพอย่างแท้จริงในเวียดนาม รัฐบาลยังคงเคลือบแคลงสงสัยเราอยู่" คุณพ่อโวดึ๊กตว่าน (Vo Duc Toan) จากโบสถ์เมืองดาลัท ภาคกลางของเวียดนาม กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น