xs
xsm
sm
md
lg

"วาติกัน" จิ๋วแต่แจ๋ว...นครแห่งคริสต์ศาสนา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : แมวลาย
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ศูนย์กลางของนครรัฐวาติกัน
หากจะยกตัวอย่างถึงคำว่า "จิ๋วแต่แจ๋ว" เชื่อว่า "วาติกัน" จะเป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดที่สุด

เพราะ "นครรัฐวาติกัน" เป็นประเทศที่เล็กที่สุดในโลก มีพื้นที่เพียง 0.44 ตารางกิโลเมตร ตั้งอยู่ภายในกรุงโรม ของประเทศอิตาลี แต่ในพื้นที่เล็กๆ ไม่ถึงหนึ่งตารางกิโลเมตรนี้กลับเต็มไปด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมที่สวยงามมีคุณค่ามากมาย ทำให้นักท่องเที่ยวต้องใช้เวลาชื่นชมเป็นวันๆ ภายในนครเล็กๆ แต่ล้ำค่าแห่งนี้
มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งนครรัฐวาติกัน ภายในกรุงโรม
นครวาติกันถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นที่ประทับของสมเด็จพระสันตะปาปา ประมุขสูงสุดของศาสนาคริสต์ นิกายโรมันคาทอลิก และเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดในนครรัฐวาติกัน ทั้งทางด้านนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ปัจจุบันคือ "สมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16" ซึ่งทรงได้รับเลือกตั้งและทรงเข้าพิธีรับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2548 นี่เอง

ตามปกตินครรัฐวาติกันก็เป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวหลายล้านคนอยู่แล้ว และยิ่งเมื่อมีภาพยนตร์เรื่อง Angels & Demons หรือเทวากับซาตาน ที่มีเนื้อหาแทบทั้งเรื่องเกี่ยวข้องกับวาติกันออกฉายไป ก็ยิ่งทำให้ใครหลายๆ คนอยากไปสัมผัสนครวาติกันด้วยตนเอง
จตุรัสเซนต์ปีเตอร์เมื่อมองจากด้านบนมหาวิหาร
อาณาเขตของนครรัฐวาติกันนั้น ประกอบไปด้วยวังวาติกัน ซึ่งหมายรวมถึงมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ พิพิธภัณฑ์วาติกัน หอสมุดวาติกัน และที่ประทับของพระสันตะปาปา นอกจากนั้นก็ยังมีวังกัสเตลกันดอลโฟ (Castelgandolfo) ซึ่งเป็นที่ประทับร้อน ตั้งอยู่นอกชานกรุงโรมไปทางทิศใต้ มหาวิทยาลัย Gregorian และโบสถ์ 13 แห่งในกรุงโรม

เมื่อเข้าไปในเขตของนครรัฐวาติกัน เราจะได้เห็นทหารในเครื่องแบบที่แปลกตา เป็นชุดลายทางสีส้มสลับน้ำเงิน แขนเสื้อและขากางเกงจะพองเล็กน้อยคล้ายกับชุดตัวตลก สวมหมวกเบเร่ต์สีดำ ถือหอกซึ่งเป็นอาวุธประจำตัว ยืนประจำการรักษาความปลอดภัยในนครรัฐวาติกัน และมักจะเป็นนายแบบให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปคู่ด้วยเป็นประจำ
ภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
แต่สิ่งที่โดดเด่นที่สุดภายในนครรัฐวาติกันก็คงจะเป็น "มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์" (Basilica of Saint Peter) มหาวิหารแห่งนี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในนครรัฐวาติกัน มหาวิหารแห่งนี้สร้างทับวิหารหลังเดิม ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์ สาวกท่านสำคัญของพระเยซู และยังเป็นพระสันตะปาปาองค์แรกของโรม จึงเป็นประเพณีต่อมาที่พระศพของพระสันตะปาปาองค์ต่อๆมาก็จะฝังไว้ที่นี่ด้วยเช่นกัน

ก่อนจะเข้าไปภายในมหาวิหาร นักท่องเที่ยวก็จะได้ชื่นชมความงดงามของ "จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์" ลานกว้างด้านหน้ามหาวิหาร ที่ตรงกลางลานจะมีเสาโอเบลิสก์ของอียิปต์ เสาสูงที่ยอดด้านบนสุดเป็นรูปทรงปิรามิดตั้งตระหง่านอยู่ รอบลานจัตุรัสมีแนวเสาระเบียงของมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ที่ยาวโค้ง มีน้ำพุสองด้านซ้ายขวา เป็นมุมถ่ายรูปสวยๆของนักท่องเที่ยวอีกมุมหนึ่ง
ความงดงามที่นักท่องเที่ยวหลายล้านคนเดินทางมาชม
และเมื่อได้เข้าไปด้านในมหาวิหาร ก็จะได้พบกับความอลังการของตัววิหารและการตกแต่งภายใน อันเป็นผลงานการออกแบบและสร้างสรรค์ของมีเกลันเจโล หรือไมเคิลแองเจโล จิตรกร ประติมากร และสถาปนิกชั้นเอกของอิตาลี ผู้มีส่วนสำคัญในการสร้างมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งนี้ โดยเฉพาะส่วนที่เป็นยอดโดมของมหาวิหารอันงดงามเป็นเอกลักษณ์สามารถเห็นได้แต่ไกลในตัวเมืองโรม

นอกจากนั้น ภายในวิหารก็ยังมีผลงานชิ้นเอกของเขา นั่นก็คือ "ปีเอต้า" (Pieta) ประติมากรรมหินอ่อนขนาดสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว รูปพระแม่มาเรียประทับนั่งบนแท่นหิน บนตักมีพระศพของพระเยซูที่ถูกนำลงจากไม้กางเขนพาดอยู่บนตัก เป็นประติมากรรมที่มิเกลันเจโลสร้างขึ้นตามสัญญาว่าจ้างจากสำนักวาติกันเพื่อให้มาประดิษฐานที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ รูปแกะสลักชิ้นนี้ใช้เวลาสร้างถึง 7 ปี ในขณะที่มีเกลันเจโลอายุเพียง 25 ปีเท่านั้น แต่ผู้ที่ได้ชมต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่านี่คือเป็นรูปสลักหินอ่อนที่มีความงดงามและสมจริงอย่างน่ามหัศจรรย์
รูปแกะสลักหินอ่อนปีเอต้า ฝีมือของไมเคิลแองเจโล
เข้าไปภายในมหาวิหารก็มีสิ่งที่น่าสนใจอย่าง ซุ้ม St. Peter's Baldachin งานทองสำริดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผลงานของ แบร์นินี ประติมากรและสถาปนิกคนดังแห่งอิตาลีอีกคนหนึ่ง ซุ้มสำริดนี้ตั้งโดดเด่นอยู่ในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ตั้งอยู่เหนือจุดที่เป็นที่ฝังพระศพของนักบุญปีเตอร์

เมื่อมาที่วาติกันแล้วต้องไม่พลาดชม "พิพิธภัณฑ์วาติกัน" เพื่อชมงานศิลปะจากทั่วโลกที่สะสมโดยวัดโรมันคาทอลิกมาเป็นเวลาหลายร้อยปี จัดแสดงตามช่วงเวลาตามยุคของคริสต์ศาสนา ตั้งแต่สมัย Greek & Roman จนมาถึง Early Christian การมาชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ต้องเผื่อเวลาไว้มากๆ เพราะนอกจากพิพิธภัณฑ์จะกว้างใหญ่หลายห้องแล้ว งานศิลปะแต่ละชิ้นก็ล้วนแต่เป็นผลงานชั้นครูทั้งสิ้น โดยห้องแสดงศิลปะที่โดดเด่นก็เช่น “ห้องราฟาเอล” ชมภาพ The School of Athens ผลงานของราฟาเอล ที่มีภาพใบหน้าของผู้วาดเองปะปนอยู่ในกลุ่มนักปราชญ์กรีกในภาพด้วย ภาพนี้ถูกแสดงอยู่ที่ Room of Segnatura ซึ่งเป็นห้องหนึ่งในห้องราฟาเอล
ชุดของทหารองค์รักษ์สวิส
และส่วนหนึ่งที่น่าสนใจของพิพิธภัณฑ์วาติกันก็คือ "โบสถ์ซิสติน" (Sistine Chapel) ที่มีความสำคัญตรงที่เป็นสถานที่ทำพิธีทางศาสนาของพระสันตะปาปา โดยเฉพาะการเลือกตั้งพระสันตะปาปาองค์ใหม่ก็จะทำพิธีเลือกตั้งกันที่นี่นั่นเอง

ภายในโบสถ์ซิสตินนั้นมีผลงานศิลปะล้ำค่าคือภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ใช้เทคนิคแบบภาพเฟรสโก้ หรือการวาดภาพลงบนปูนเปียก โดยมีภาพวาดทั้งบนเพดานและบนผนังของโบสถ์ โดยมีเกลันเจโลได้ฝากฝีมือขั้นเทพไว้ในโบสถ์แห่งนี้โดยเป็นภาพจิตรกรรมบนเพดาน เป็นภาพฉากเก้าฉากจากพระธรรมปฐมกาลของศาสนาคริสต์ ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการสร้างโลกของพระเจ้า ใน 9 ภาพนี้ ภาพที่เป็นที่รู้จักกันดีที่สุดคือภาพกำเนิดอาดัม (Creation of Adam) ใครที่อยากจะชมให้ได้รายละเอียดก็ต้องแหงนหน้ากันนานหน่อย
คนเข้าคิวรอชมความงดงามภายในมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์
อีกภาพหนึ่งซึ่งเป็นฝีมือของมีเกลันเจโลอีกเช่นกัน และเป็นภาพที่ได้ความสนใจมากที่สุด นั่นก็คือภาพการพิพากษาครั้งสุดท้าย (The Last Judgment) ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่อยู่ด้านหลังแท่นบูชาที่ใช้เวลาวาดนานถึง 6 ปี และวาดขึ้นหลังจากการเขียนเพดานโบสถ์ซิลตินถึงสิบปี และนอกจากนั้นภายในโบสถ์แห่งนี้ก็ยังมีภาพเขียนอื่นๆ ที่เขียนโดยกลุ่มจิตรกรชั้นนำของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาอิตาลีของคริสต์ศตวรรษที่ 15 เช่น ซานโดร บอตติเชลลี และเปียโตร เปรูจิโน และพรมทอแขวนผนังชุดใหญ่โดยราฟาเอล
ภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์ซิสตีน
ยังมีรายละเอียดยิบย่อยทางศิลปวัฒนธรรมอันล้ำค่าอีกมากมายในนครรัฐวาติกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นศูนย์กลางของคริสต์ศาสนา ที่เชื่อว่าผู้ที่ได้มาเห็นคงต้องประทับใจไปอีกแสนนาน
กำลังโหลดความคิดเห็น