เอเอฟพี - ประธานาธิบดีแห่งเวียดนาม เหวียนมิงห์เจี๊ยต ลั่นวาจาที่จะส่งเสริมความสัมพันธ์กับนครรัฐวาติกันมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อทางการเวียดนามเมื่อวันเสาร์ (12 ธ.ค.) ที่ผ่านมา หลังจากการพบกันระหว่างผู้นำประเทศคอมมิวนิสต์กับองค์พระสันตะปาปาเบเนดิคต์ที่ 16 ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งนัก
ทั้งสองฝ่ายได้ระงับความสัมพันธ์ทางการทูตเป็นระยะเวลาหนึ่ง แต่ไม่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาได้เริ่มกลับมาสานสัมพันธ์ทางการทูตกันอีกครั้ง
"เวียดนามพร้อมที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับทางวาติกันบนพื้นฐานของความเคารพในหลักการของกฎหมายนานาชาติ ในเรื่องของสันติภาพ ความร่วมมือและการพัฒนาร่วมกัน" สื่อเวียดนามอ้างคำกล่าวของนายเจี๊ยต
นครรัฐวาติกันได้เรียกการพบกันระหว่างนายเจี๊ยตและผู้นำศาสนาคริสต์โรมันคาทอลิกในครั้งนี้ว่าเป็น "ขั้นที่สำคัญ" ในความก้าวหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย และรู้สึกยินดีในการเดินทางมาเยือนครั้งนี้ของนายเจี๊ยต
รัฐบาลเวียดนามและคาทอลิกมีปัญหาความขัดแย้งมาอย่างยาวนานในประเด็นเรื่องทรัพย์สินของทางโบสถ์ในเวียดนาม ซึ่งทรัพย์สินหลายอย่างของฝ่ายคาทอลิกต้องเสียไปในช่วงเวลาหลังจากที่เวียดนามสิ้นสุดการตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศสในปี 2497 และเรื่อยมาจนถึงการรวมประเทศ หลังยุติสงครามเวียดนามในปี 2518 ในเดือนธ.ค. 2550 คริสตศาสนิกชนคาทอลิกได้เริ่มทำการประท้วงขึ้นหลายครั้งโดยมีศูนย์กลางการประท้วงที่อาคารสถานทูตวาติกันเดิมในกรุงฮานอย และกระจายไปทั่วทุกแห่งในประเทศ เพื่อเรียกร้องให้ทางการคืนทรัพย์สินของโบสถ์
การประท้วงเรียกร้องบางครั้งนำไปสู่การปะทะกับตำรวจด้วย จนคุณพ่อเหวียนวันหลี (Nguyen Van Ly) ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 ปี ฐานโฆษณาชวนเชื่อต่อต้านรัฐ
กรณีตัดสินความผิดจำคุกนี้กลายเป็นประเด็นทางการทูตและการละเมิดสิทธิมุษยชนในเวียดนาม ทำให้ในต้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา สมาชิกวุฒิสภา 37 คนของสหรัฐได้มีหนังสือถึงประธานาธิบดีเจี๊ยตให้ปล่อยตัวสาธุคุณเหวียนวันหลี
เวียดนามมีชุมชมชาวคาทอลิกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้รองจากฟิลิปปินส์ โดยมีผู้นับถือศานาคริสต์ประมาณ 6 ล้านคนจากประชาชนในประเทศทั้งหมด 86 ล้านคน
นายกรัฐมนตรีเหวียนเติ๋นยวุ๋ง ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งประวัติศาสตร์ในการเดินทางไปเยือนวาติกันในปี 2550 นับตั้งแต่คณะผู้แทนจากวาติกันหลายคณะเดินทางมายังเวียดนามเพื่อสร้างความสัมพันธ์ตั้งแต่ปี 2512 และเมื่อต้นปี 2552 ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนครรัฐวาติกันได้เดินทางมาเยือนอย่างเป็นทางการกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเวียดนามในกรุงฮานอยเพื่อพูดคุยถึงความสัมพันธ์ทางการทูต แต่อย่างไรก็ตามกลุ่มเคลื่อนไหวทางศาสนายังคงอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลจากรัฐบาลเช่นเดิม.