ผู้นำวาติกันแสดงความกังวลว่า เทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปไกล อาจทำให้พ่อแม่มีโอกาสเลือกพันธุกรรมให้ลูกตัวเองได้ตามต้องการ อาจก่อให้เกิดการเหยียดเชื้อชาติในรูปแบบใหม่ในอนาคต และเป็นกลายเป็นปัญหาของสังคมคล้ายกับกรณีการเหยียดผิวในอดีตและปัจจุบัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 (Pope Benedict XVI) ได้กล่าวถึง เวทีการประชุมต่อต้านการเหยียดผิวของสหประชาติในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ที่ดำเนินไปอย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมหาอำนาจตะวันตกหลายประเทศ ร่วมกันคว่ำบาตรการประชุมดังกล่าวไปก่อนแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์จากชาวอิสราเอล
พระสันตะปาปาบอกว่า นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ ที่ทำให้เราต้องเผชิญหน้ากับการแบ่งแยก ที่อาจเกิดขึ้นในทุกรูปแบบ
"นครรัฐวาติกันขอเตือนไว้ด้วยว่า ความพยายามในการปรับปรุงลักษณะทางพันธุกรรมของมนุษย์ให้ดีขึ้น โดยที่มีอะไรแอบแฝงอยู่ ซึ่งสามารถทำได้ด้วยเทคนิคการให้กำเนิดที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ และการใช้ตัวอ่อนมากเกินไป โดยที่ไม่จำเป็น ในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ ที่จะทำให้คนเราสามารถเลือกสีตาหรือว่าลักษณะทางกายภาพอื่นๆ ของเด็กที่จะเกิดใหม่ ซึ่งอาจนำไปสู่การแบ่งแยกประเภทของมนุษย์ หรือเกิดการกีดกันขัดขวางมนุษย์ที่ไม่มีคุณลักษณะที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ตามที่สังคมได้กำหนดเอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว" คำกล่าวเตือนของอาร์คบิชอพ ซิลวาโน โทมาซี (Archbishop Silvano Tomasi) จากนครรัฐวาติกัน ผู้ที่ร่วมสังเกตการณ์การประชุมดังกล่าว
ทั้งนี้ จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ทำให้ประธานาธิบดีมะห์มูด อะห์มาดิเนจัด (Mahmoud Ahmadinejad) แห่งอิหร่าน กล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมต้านการเหยียดผิว โดยใช้ถ้อยคำรุนแรงวิพากษ์วิจารณ์ว่าอิสราเอล เป็นประเทศที่มีการเหยียดยิวและแบ่งแยกชนชั้น เป็นเหตุให้ผู้แทนจากกลายประเทศที่เข้าร่วมประชุมต้องลุกออกจากห้องประชุมไปทันที ทั้งที่ก่อนหน้านี้มหาอำนาจตะวันตกอย่างสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศได้คว่ำบาตรการประชุมดังกล่าวแล้ว
กลุ่มผู้สนับสนุนอิสราเอลและยิวยังได้เรียกร้องให้วาติกันคว่ำบาตรการประชุมดังกล่าวด้วยเช่นเดียวกับออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, เยอรมนี, โปแลนด์, เนเธอร์แลนด์, แคนาดา และอิสราเอล ทว่าอาร์คบิชอพโทมาซีได้กล่าวว่ามันเป็นสิทธิที่สำคัญของศาสนาที่จะได้รับทราบข้อมูลจากการประชุม
"ความศรัทธาและเชื่อมั่นในศาสนาของสังคมจะเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการต่อต้านการเหยียดผิว" อาร์คบิชอพโทมาซี กล่าวพร้อมกับแสดงความกังวลว่าการแบ่งแยกส่วนของความสัมพันธ์กันในสังคมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในสังคมที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ประกอบกับวิกฤตเศรษฐกิจในขณะนี้จะทำให้มีประชาชนผู้เคราะห์ร้ายจำนวนมากขึ้น.