xs
xsm
sm
md
lg

ตามไปดู.. “ฮุนเซน” ไม่อยากให้ชาวเขมรรู้ ไม่อยากให้เห็น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000> ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 27 ก.ย. 2549 นายกรัฐมนตรีเวียดนามเหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguiyen Tan Dung) กับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ร่วมกันฉลองการปักหลักเขตแดนหลักที่ 171 อย่างชื่นมื่นในพิธีอันใหญ่โตที่บริเวณด่านพรมแดนบ่าเว็ต-หม็อกบ๋าย (Ba Vet-Moc Bai) จ.สวายเรียง (Svay Rieng) การปักปันเขตแดนสองประเทศดำเนินต่อมาจนถึงปัจจุบัน โดยไม่มีการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารใดๆ ให้สาธารณชนได้รับรู้และความลับสำคัญได้ถูกเปิดเผยในวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา  </FONT></bR>


นายสมรังสี นำชาวบ้านและเจ้าหน้าที่พรรคฝ่ายค้านไปยังทุ่งนาที่หมู่บ้านชายแดน และพบว่าเจ้าหน้าที่เวียดนามปักปันเขตแดนเวียดนาม นำหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราวไปฝังในที่นาของราษฎร ห่างจากแนวชายแดนเข้ามาหลายร้อยเมตร นายรังสีให้สัมภาษณ์สื่อ ประกาศเจตนารมณ์ ก่อนนำเจ้าหน้าที่ถอนหลักหมุด ออกจากที่นาที่ชาวบ้านอาศัยทำกินมานานกว่า 30 ปี อันเป็นนัยยะแสดงให้เห็นว่า กัมพูชาได้เสียดินแดนให้แก่เวียดนามไปโดยไม่มีการแจ้งและอธิบายให้สาธารณชนได้รับรู้ โดยมีเจตนาปกปิด และ เบี่ยงเบนความสนใจมายังประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกไม้เก่าๆ

ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- ภาพเหตุการณ์ที่ชายแดนกัมพู-เวียดนาม ปรากฏชัดให้เห็นเป็นภาพเคลื่อนไหวครั้งแรก เมื่อมีผู้นำเอาวิดีโอคลิป ขึ้นโพสต์บนอินเทอร์เน็ต ประจานสิ่งที่รัฐบาลกัมพูชาภายใต้นายฮุนเซน ไม่อยากให้ชาวเขมร 14 ล้านคนได้รู้ ไม่อยากให้ได้ยิน และไม่มีสื่อมวลชนใดในกรุงพนมเปญรายงานเหตุการณ์นี้

วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ผู้นำฝ่ายค้านสม รังสี ได้นำคณะไปทอดกฐินยังวัดแห่งหนึ่งที่หมู่บ้านเกาะกบาลกันดาล (Koh Kabal Kandal) เขตนิคมสัมโรง อ.จันเตรีย จ.สวายเรียง และ ได้พบความจริงที่ว่า เจ้าหน้าที่เวียดนามได้นำหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราว ไปปักในนาข้าวของราษฎรหมู่บ้านดังกล่าว ห่างจากแนวชายแดนเวียดนาม-กัมพูชาเข้าไปหลายร้อยเมตร ซึ่งเป็นนัยแสดงให้เห็นการรุกล้ำเขตแดนของกัมพูชาอย่างเป็นระบบ

นายรังสีได้ให้สัมภาษณ์วิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ก่อนจะนำคณะถอนหลักหมุดปักปันเขตแดนทิ้งไปจำนวน 6 หลัก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นต่อหน้าผู้สื่อข่าวและช่างภาพอีกจำนวนหนึ่งที่ติดตามผู้นำฝ่ายค้านไปงานกฐิน แต่กลับไปที่กรุงพนมเปญ ไม่มีสื่อใดนำเสนอเรื่องนี้ทั้งภาพและข่าว รวมทั้งยักษ์ใหญ่อย่างหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา ด้วย

ตลอดหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลฮุนเซนพยายามปิดบังกรณีพิพาทชายแดนทางตะวันออก และ ไม่เคยปริปากพูดถึงสักครั้งเดียว นอกจากนั้นนายกรัฐมนตรีฮุนเซนยังไม่เคยเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อตอบกระทู้เรื่องนี้ด้วยตัวเอง ขณะที่ประกาศนอกสภาว่าเป็นผู้รักชาติ และจะไม่ยอมเสียดินแดนให้ผู้ใดแม้แต่ตารางนิ้วเดียว

ไม่เพียงแต่ไม่พูดถึงเท่านั้น รัฐบาลฮุนเซนยังพยายามกลบเกลื่อน ปกปิด และทุกครั้งที่เรื่องเช่นนี้ใกล้ปทุออกมาให้สาธารณชนได้รู้ ก็จะใช้วิธีสร้างเหตุการณ์ที่ชายแดนอีกด้านหนึ่ง ใช้สื่อต่างๆ ปลุกระดมลัทธิชาตินิยมในประเทศให้หันมาต่อต้านไทย แต่ยังไม่เคยมีการเดินขบวนต่อต้านเวียดนามแม้สักครั้งเดียวตลอด 24 ปีที่ฮุนเซนอยู่ในอำนาจ
<bR><FONT color=#FF0000>การไปทอดกฐินของผู้นำฝ่ายค้านที่หมู่บ้านชายแดนวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่ามา เป็นการไปพบความลับที่ ฮุนเซน ไม่อยากให้ประชาชนได้รู้ ทุกคนปิดปากเงียบ สื่อต่างๆ นิ่งเงียบ แม้ว่าโฆษกเวียดนามจะออกป่าวประกาศจี้ให้รัฐบาลฮุนเซน ต้องปกป้องหลักเขตแดนก็ตาม ทางออกก็คือเบี่ยงเบนความสนใจของผู้คนไปที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นลูกไม้เดิมๆ </FONT></bR>
การครอบงำทางการเมืองจากเวียดนาม ซึ่งในเดือน ม.ค.2522 หรือเมื่อ 30 ปีก่อน ได้นำคณะปกครองกัมพูชาในปัจจุบันนี้ขึ้นสู่อำนาจ ได้กลายเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลฮุนเซนมาโดยตลอด

ปี 2551 พระสงฆ์เขมร ได้จัดเดินขบวนขึ้นในกรุงพนมเปญ ประณามกรณีทางการเวียดนามออกประกาศจับพระสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อมรูปหนึ่ง ที่อาศัยทำกินในจังหวัดที่ราบปากแม่น้ำโขง

ภิกษุ (Tim Sakorn) ได้หลบหนีเข้าไปในกัมพูชา แต่รัฐบาลฮุนเซนได้จับกุม จับสึกและส่งตัวให้ทางการเวียดนาม ถูกดำเนินคดี แต่ต่อมา "นายสาคร" ได้หลบหนีอีกครั้งหนึ่ง เข้าประเทศไทยก่อน และ ปัจจุบันลี้ภัยอยู่ในกรุงปารีส

การเดินขบวนของประสงฆ์ครั้งนั้นจบลงอย่างนองเลือด เมื่อรัฐบาลฮุนเซนส่งเจ้าหน้าที่ปราบจลาจลเข้าสลาย มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งทั้งพระและฆราวาส ฐาน "ต่อต้านเวียดนาม"
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มรอยเตอร์เดือน ธ.ค.2550 ภิกษุทิม สาคร ผู้นำสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อม ถูกจับและจับสึก นำขึ้นไต่สวนในศาล จ.อานซยาง (An Giang) และ ต้องโทษจำคุก ก่อนถูกปล่อยตัวและเดินทางออกนอกประเทศ ปัจจุบันลี้ภัยในฝรั่งเศส นับเป็นเหตุการณ์ในทางลบเพียงเหตุการณ์เดียว ระหว่างเวียดนามกับกัมพูชา ที่มีรายงานเป็นผ่านสื่อในกรุงพนมเปญ </FONT></bR>
ต่อเหตุการณ์วันที่ 25 ต.ค. ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์มองว่า เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองภายในกัมพูชาอย่างสิ้นเชิง นายสม รังสี ซึ่งเป็นอดีตรัฐมนตรีการเงินในคณะบริหารชั่วคราว ที่องค์การสหประชาชาติจัดตั้งขึ้น หลังการเซ็นสัญญาสันติภาพกรุงปารีสในปี 2534 เป็นนักชาตินิยมที่ต่อต้านการรุกรานของเวียดนาม และ ได้พยายามเปิดโปงเรื่องการสูญเสียดินแดนมาหลายครั้ง

ไกลออกไปในกรุงฮานอย 5 วันหลังการถอนหลักหมุดปักปันเขตแดนชั่วคราว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม นางเหวียนเฟืองงา (Nguyen Phuong Nga) ได้ออกประณามการกระทำของนายรังสี อย่างแข็งกร้าว โดยกล่าวหาว่าเป็นความพยายามยั่วยุและจงใจให้เกิดความเกลียดชังต่อเวียดนาม

โฆษกของเวียดนามกล่าวว่า หลักหมุดเขตแดนดังกล่าว ซึ่งปักแสดงตำแหน่งที่ตั้งของหลักเขตแดนที่ 185 เกิดจากความพยามร่วมกันของเจ้าหน้าที่ปักปันเขตแดนทั้งสองฝ่าย แต่ราษฎรในท้องถิ่นบอกกับนายสมรังสีว่า “คณะกรรมการปักปันเขตแดน” ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่เวียดนาม 10 คน และ มีเจ้าหน้าที่เขมรเพียง 1 คน

นางเฟืองงา ซึ่งเคยเป็นเลขานุการฝ่ายสื่อ สถานทูตเวียดนามประจำประเทศไทยมาหลายปีในช่วงหลังสงครามเย็น เป็นผู้เข้าใจสภาพการณ์ต่างๆ ในความสัมพันธ์สามเส้าไทย กัมพูชา และเวียดนามเป็นอย่างดี ยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลฮุนเซนต้องป้องกันรักษาหลักหมุดปักปันเขตแดน รวมทั้งหลักเขตแดนต่างๆ และป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 17 ธ.ค.2550 ตำรวจปราบจลาจลรัฐบาลฮุนเซนควงกระบองเข้าสลายการชุมนุมของพระสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อม ที่ไปประท้วงใกล้สถานทูตเวียดนามในกรุงพนมเปญ เรียกร้องให้เวียดนามปล่อยตัว พระผู้นำสงฆ์ขะแมร์กร็อมที่ถูกจับกุม 6 เดือนก่อนหน้านั้น และกำลังถูกดำเนินคดีใน จ.อานซยาง  </FONT></bR>
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มรอยเตอร์วันที่ 17 ธ.ค.2550 ตำรวจปราบจลาจลรัฐบาลฮุนเซนควงกระบองเข้าสลายการชุมนุมของพระสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อม ที่ไปประท้วงใกล้สถานทูตเวียดนามในกรุงพนมเปญ เรียกร้องให้เวียดนามปล่อยตัว พระผู้นำสงฆ์ขะแมร์กร็อมที่ถูกจับกุม 6 เดือนก่อนหน้านั้น เหตุการณ์เกิดขึ้นต่อหน้าช่างภาพสำนักข่าวต่างประเทศ อต่อำนาจรัฐป่าเถื่อน มิได้ละอายอะไรทั้งสิ้น</FONT></bR>
รัฐบาลฮุนเซน ซึ่งโดยปกติจะตอบโต้การกล่าวหาจากประเทศไทยอย่างทันควัน หรือกระทั่งออกกล่าวหาอย่างรุนแรงในหลายโอกาส แม้จะไม่เหตุการณ์อะไรในช่วงหลายเดือนมานี้ แต่ครั้งนี้เงียบกริบไม่ตอบโต้โฆษกเวียดนาม และไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดในกรุงพนมเปญปริปากพูดถึง

นอกจากนั้นยังมีหนังสือพิมพ์พนมเปญโพสต์ฉบับภาษาอังกฤษ เพียงฉบับเดียวที่ตีพิมพ์ข่าวจากสำนักข่าวเวียดนาม (VNA) และ เพียงสั้นๆ

กัมพูชายังคงเป็นประเทศหนึ่งที่มาตรฐานสิทธิเสรีภาพของสื่ออยู่ในระดับต่ำที่สุดในบัญชีขององค์การผู้เสื่อข่าวไร้พรมแดน (Reporters Sans Frontières)

นับตั้งแต่รัฐบาลฮุนเซนมีเสียงข้างมากในสภาหลังการเลือกตั้งเดือน ส.ค.2551 การครอบงำและปิดกั้นสื่อยิ่งหนักหน่วงรุนแรงยิ่งขึ้น ตั้งแต่นั้นมามีหนังสือพิมพ์รายวันที่เคยวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างน้อย 2 ฉบับต้องปิดตัวเองลง บรรณาธิการหนังสือพิมพ์อีก 2 ฉบับถูกตัดสินจำคุกข้อหาหมิ่นระมาทผู้นำหรือบุคคลในรัฐบาล อีก 1 คนกำลังถูกดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาท โดยมีนายพลของกองทัพกว่า 20 คน ร่วมกันเป็นโจทย์
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มเอเอฟพีวันที่ 20 เม.ย.2550 พระสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อม (Khmer Krom) อย่างน้อย 70 คน ร่วมกับพระสงฆ์ในกรุงพนมเปญ ชุมนุมใกล้หน้าสถานทูตเวียดนามในกรุงพนมเปญ เรียกร้องให้ทางการเวียดนามปล่อยตัวภิกษุทิม สาคร เจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของรัฐบาลฮุนเซนเข้าก่อกวนและสลายการชุมนุม มีพระสงฆ์ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง การประท้วงเวียดนามในกัมพูชา ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันดัน มักจะจบลงแบบนี้ </FONT></bR>
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพแฟ้มเอเอฟพีวันที่ 20 เม.ย.2550 เหตุการณ์ชุลมุนใกล้บริเวณวัดพนม เมื่อพระสงฆ์ชาวขะแมร์กร็อมจากภาคใต้เวียดนามชุมนุมประท้วง เรียกร้องให้ทางการเวียดนามปล่อยตัวพระสงฆ์ขะแมร์กร็อมรูปหนึ่งที่ถูกจับกุม และ ถูกเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบของรัฐบาลฮุนเซนตามรังควาน </FONT></bR>
นักข่าวหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นคนหนึ่งต้องหลบหนีการปองร้ายเดินทาเข้าประเทศไทยเมื่อปีที่แล้ว หลังจากรายงานเรื่องเจ้าหน้าที่รัฐบาลฮุนเซนใช้รถบรรทุกทหารขนไม้ซุงออกจากป่า จ.เกาะกง อันเป็นการเปิดโปงการตัดไม้ทำลายป่าในเขตป่าสงวนโดยเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปัจจุบันนักข่าวคนดังกล่าวขอลี้ภัยในประเทศสวีเดน

กรณีล่าสุดในความพยายามคุกคาม ครอบงำและปิดกั้นสื่อก็คือ เดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ฮุนมะนา (Hun Mana) บุตรีคนโตของครอบครัวฮุนเซน ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการบริหารสถานีโทรทัศน์บายน (Bayon TV) ได้ซื้อกิจการหนังสือพิมพ์กัมพูชาทะไม (Kampuchea Thmey) รายวัน ซึ่งทำให้ข้อมูลข่าวข่าวของฝ่ายตรงข้ามรัฐบาลถูกปิดตายไปอย่างเบ็ดเสร็จ

ไม่เพียงแต่พยายามปิดปากสื่อเท่านั้น รัฐบาลฮุนเซนกำลังใช้มาตรการทางกฎหมายปิดปากฝ่ายค้าน รวมทั้งนางมู สุชาส์ (Mo Suchas) สส.ฝีปากกล้าแห่งพรรคสมรังสี ที่กำลังฎีกาโทษจำคุกในคดีหมิ่นประมาทนายกรัฐมนตรีฮุนเซน.
กำลังโหลดความคิดเห็น