ASTVผู้จัดการรายวัน -- การไปทอดกฐินที่จังหวัดสวายเรียง (Svay Rieng) ของนายสม รังสี ผู้นำฝ่ายค้านสัปดาห์ที่แล้ว กลายเป็นการไปค้นพบปัญหาระดับชาติที่สื่อต่างๆ ไม่เคยนำเสนอ ขณะเดียวกัน ก็ได้เปิดเผยให้เห็นเบื้องหลังอันแท้จริง ในการแสดงความเกรี้ยวกราดกับประเทศเพื่อนบ้านทางตะวันตก คือ ประเทศไทย อยู่เป็นระยะๆ นัยว่าเพื่อเบนความสนใจของประชาชนกัมพูชา 14 ล้านคน มาทางด้านนี้
สวายเรียง เป็นจังหวัดชายแดนตะวันออกสุดของกัมพูชา และผู้นำฝ่ายค้าน ได้พบว่า เจ้าหน้าที่เวียดนามได้นำหลักปักปันเขตแดน เข้าไปปักในนาข้าวของราษฎรในท้องถิ่น โดยผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งเป็นคนของพรรคประชาชนกัมพูชา ไม่กล้าแตะต้อง โดยโยนให้เป็นภาระของคณะกรรมการวิชาการปักปันเขตแดนของสองประเทศ
นายสม รังสี ได้นำราษฎรจากหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากเรื่องนี้โดยตรง ถอนหลักปักปันเขตแดนออกจากทุ่งนา โดยประกาศว่า นี่การกระทำเพื่อแสดงความรักชาติ
นั่นคือ ภาพเหตุการณ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นระหว่างไปทอดกฐิน ที่วัดองค์รุมแด็ญ (Ang Romdenh) ในท้องที่นิคมสัมโรง อ.จันเตรีย (Chantrea) จ.สวายเรียง วันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่มีการประชุมผู้นำอาเซียน+6 ในประเทศไทย มีการตีพิมพ์เผยแพร่ทั้งภาพและข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้บนเว็บไซต์พรรคสมรังสี และเว็บไซต์สถานีวิทยุเอเชียเสรี (Radio Free Asia) ภาคภาษาเขมร
หลังพิธีทอดกฐิน นายรังสี ได้ปราศรัยเกี่ยวกับปัญหาชายแดนกับเวียดนามภายในวัด หลังจากได้รับการร้องเรียนจากราษฎรในท้องถิ่น ซึ่งมีผู้ร่วมรับฟังประมาณ 300 คน ก่อนจะนำหน้าทุกคนมุ่งไปยังท้องนาที่ข้าวฤดูปลายปีกำลังตั้งต้นเขียวชอุ่ม RFA กล่าว
“ผมได้นำพวกเขา (ชาวบ้าน) ถอนหลักเขตแดนพวกนี้แล้วขว้างทิ้ง นี่เป็นสัญลักษณ์ของความรักชาติของพรรคสมรังสี.. เราไม่ยอมรับการหลักเขตแดนที่พวกต่างชาติล่วงล้ำเข้ามาปักเอาไว้อย่างไม่เหมาะสมในนาข้าวที่เป็นของชาวกัมพูชา นี่คือ แผ่นดินของชาวนากัมพูชา นี่คือแผ่นดินเขมร..” วิทยุเอเชียเสรีอ้างคำประกาศของผู้นำฝ่ายค้าน
“ผมขอเรียกร้องไปยังชาวกัมพูชาที่มีเลือดเขมร และมีจิตสำนึกที่จะป้องกันและปกปักรักษาแผ่นดินของเรา แผ่นดินที่มีขนาดเล็กลงทุกวันๆ” นายรังสี กล่าว
นายพรม เจีย (Prom Chea) ชาวนาวัย 43 ปีชาวบ้านเกาะกะบานเหนือ นิคมสัมโรง กล่าวว่าตัวเขาเองได้เสียที่นาไป 2 เฮกตาร์ (12.5 ไร่) และ ราษฎรคนอื่นๆ ในเขตนิคมเดียวกันเสียที่นาไปจำนวนมากจากการปักปันเขตแดนตามใจชอบของเจ้าหน้าที่เวียดนาม
"พวกตำรวจกับพวกทหารมีแต่คนพูดอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ไม่มีใครเคยมาดูของจริง พวกเขา (เวียดนาม) หลอกพวกเราในการทำรังวัด พวกนี้โกงเรา เมื่อเจ้าหน้าที่ของฝ่ายเราไป และวางแนวปักหลักเขตแดนเข้ามาทางนี้ 100 เมตร พวกเวียดนามก็จะเลื่อนเข้ามา 200 เมตร ในระยะยาวพวกเขาจะต้องไล่พวกเราออกจากที่นาของเรา.. พวกเขาทำทุกอย่างตามใจชอบ..." นายเจียกล่าวกับวิทยุเอเชียเสรี ซึ่งดำเนินการกระจายเสียงออกอากาศด้วยเงินทุนของมูลนิธิเอเชียในกรุงวอชิงตันดีซี
นายเจียงอัม (Cheang Am) ผู้ว่าราชการจังหวัดสวายเรียง กล่าวกับสถานีวิทยุแห่งนี้ว่า ได้ทราบรายงานจากท้องถิ่นเรื่องที่ผู้นำฝ่ายค้านนำราษฎรถอนหลักเขตแดนออกไป ซึ่งเรื่องการปักปันเขตแดนนี้เป็นประเด็นทางวิชาการ และ ตนเองแปลกใจที่นายรังสีทำเช่นนั้น
"แม้แต่ผมเองยังไม่กล้าแตะ คณะกรรมการทางเทคนิคจากสองประเทศ กัมพูชากับเวียดนาม ดำเนินการเรื่องนี้ พวกเขาร่วมกันทำแผนที่ มีเครื่องอุปกรณ์เครื่องมือในการวัด ไม่ได้ทำตามใจชอบ.." วิทยุเอเชียเสรีอ้างคำกล่าวของ ผวจ.สวายเรียง
ทางการเวียดนามกับกัมพูชาได้เริ่มปักปันเขตแดนด้าน จ.สวายเรียงมาหลายปีแล้ว ขณะที่ราษฎรจำนวนมากร้องเรียนว่า ได้ส่งผลกระทบต่อนาข้าวของพวกเขา ทั้งๆ ที่ทุกคนทำกินบนผืนนาแห่งนั้นมาหลายชั่วคน
สื่อและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านกัมพูชาได้พยายามกระทุ้งเรื่องนี้ไปยังรัฐบาลสมเด็จฯ ฮุนเซน มาเป็นระยะๆ รวมทั้งตั้งกระทู้ถามในสภาด้วย แต่ทุกครั้งผู้นำกัมพูชาจะแสดงความเกรี้ยวกราด ตีโต้กลับคืนไปว่าคนเหล่านั้นไม่รู้จริง และตนเองเป็นคนรักชาติจะไม่ยอมสูญเสียดินแดนไม้แต่สักตารางนิ้วเดียว
ผู้สังเกตการณ์หลายคนรวมทั้งคณะกรรมการชายแดน ที่ชาวเขมรพลัดถิ่นตั้งขึ้นมาในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ตั้งข้อสังเกตว่า สมเด็จฯ ฮุนเซนได้พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของชาวกัมพูชาไปในเรื่องอื่นมาตลอด เพื่อไม่ให้สนใจปัญหาการเสียดินแดนให้เวียดนาม
กัมพูชากับเวียดนามมีเขตแดนติดกันหลายร้อยกิโลเมตร ตั้งแต่จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือลงไปจนถึงที่ราบแม่น้ำโขง ทายแดนตอนบนองประเทศไม่เกิดปัญหาใดๆ เนื่องจากใช้สันปันน้ำแบ่งเขตแดนอย่างชัดเจน แต่ชายแดนตอนล่างซึ่งใช้ลำน้ำเป็นพรมแดนธรรมชาติมีปัญหามาก เนื่องจากสายน้ำเปลี่ยนทางไหล หรือกัดเซาะตลิ่งทำให้แผนที่ที่ฝรั่งเศสจัดทำไว้เมื่อกว่า 100 ปีก่อนผิดเพี้ยนไป
กัมพูชามีปัญหากับไทยเช่นเดียวกันที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร และ ที่ผ่านมาสมเด็จฯ ฮุนเซน แสดงความเกี้ยวกราดกับไทยมาตลอด โดยอ้างแผนที่ฝรั่งเศสที่ไม่ได้จัดทำขึ้นโดยยึดหลักสันปันน้ำ ขณะเดียวกันไม่เคยปริปากพูดถึง "การรุกล้ำแดน" ของฝ่ายเวียดนามแม้สักครั้ง
สัปดาห์ปลายเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา ผู้นำกัมพูชาได้สั่งให้ทหารที่ชายแดนยิงคนไทยทุกคนที่ล้ำเข้าไปใน “พื้นที่พิพาท” รอบๆ ปราสาทพระวิหาร ไม่ว่าจะเป็นพลเรือนหรือทหาร
สมเด็จฯ ฮุนเซนอยู่ในอำนาจมาตั้งแต่ปี 2522 ในรัฐบาลที่เวียดนามจัดตั้ง ช่วงที่ผ่านมาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาติดต่อกันมาเป็นปีที่ 24 โดยไม่ขาดตอน รวมทั้งเคยทำรัฐประหารยึดอำนาจมาแล้ว 2 ครั้ง เคยถูกทำรัฐประหารอย่างน้อย 1 ครั้งแต่ล้มเหลว
ปัจจุบันผู้นำกัมพูชากับครอบครัวอาศัยอยู่ภายในค่ายทหาร อ.ตาขะเมา ชานกรุงพนมเปญใน จ.กันดาล มีหน่วยรบที่ได้รับการฝึกมาเป็นพิเศษ ทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์ผู้นำกับครอบครัวโดยเฉพาะ.