เคาะข่าวริมโขง : “สุทธิ” แกนนำปชช.ภาคตะวันออก เดือด หลังโดน "อัยการ" แสดงพฤติกรรมหยาบคาย ท้าตีท้าต่อยหน้าศาล เตือน "มาร์ค" ระวังผิดรัฐธรรมนูญ หากเดินหน้าสร้าง 76 โรงงานมาบตาพุด
คลิกที่นี่ เพื่อชมวิดีโอคลิปทั้งหมด
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และ นายประยูร อัครบวร อดีตผู้นำนักศึกษา 6 ตุลา มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวเด่นที่น่าสนใจ อาทิ ความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากพระองค์ท่านทรงรักษาอาการพระประชวร อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเชื่อมโยงอย่างกรณี ปล่อยข่าวอัปมงคงทุบหุ้น และกรณีการต่อสู้มาบตาพุดของชาวบ้าน ที่ไม่ต้องการให้มีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เพราะได้ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
สำหรับสกู๊ปวัฒนธรรมที่นำมาเสนอวันนี้ คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ที่ขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อน
เริ่มต้นรายการ น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีความจงรักภักดีของคนไทยที่มี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าหลังจากที่เมื่อวานซึ่งเป็นวันลอยกระทง นอกจากคนไทยจะได้มีความสุขกับการเฉลิมฉลองประเพณีอันดีงามแล้ว ยังมีความปลื้มปีติที่ได้มีโอกาสเห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และสามารถออกมาลอยพระประทีปยังบริเวณท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช โดยคนไทยทุกคนที่ได้พบเห็นภาพดังกล่าว ต่างรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจที่เห็นพระองค์ทรงพระพักตร์แจ่มใส หลังจากที่ทรงพระประชวร
น.ส.อัญซะลี กล่าวว่า จากการที่คนไทยรู้สึกเป็นห่วงพระองค์ท่านอย่างสุดซึ้ง นำพาให้ทางสำนักพระราชวัง ได้รับจดหมายจำนวนมาก ที่หลั่งไหลมาร่วมถวายพระพร และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยดลบันดาลให้พระองค์ท่านทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ไม่เว้นแต่ชาวเขา หลังจากที่ทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ได้ลงมือเขียนจดหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีใจความดังนี้ “ที่ศาลารวมใจบ้านจันทร์ 16 ต.ค.52 เรื่อง พ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงรักและเป็นห่วงมาก เมื่อทราบข่าวว่าพ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตั้งจิตอธิษฐานขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านจันทร์ คุ้มครองรักษาพ่อหลวง หายจากอาการไม่สบายโดยเร็ว ขอให้อยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ พ่อหลวงองค์เดียวของแผ่นดิน พ่อองค์เดียวนี้หาไม่มี เมื่อพ่อหลวงสุขสบาย กะเหรี่ยงยิ้มแย้ม มีกำลังใจ เมื่อพ่อหลวงไม่สบาย กะเหรี่ยงเมื่อยล้าหมดแรง อบอุ่นใดไม่เหมือน อบอุ่นอยู่กับพ่อหลวงของเรา กะเหรี่ยงเกิดมาร่วมชาติกับพ่อหลวง ไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากขอเป็นคนดีของคนไทย รักและเป็นห่วงพ่อหลวงมาก ลงชื่อ นางวราภรณ์ ธรรมสามิสร ตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง”
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า จดหมายฉบับดังกล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงอ่านให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฟัง โดยแม้ภาษาที่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงใช้ จะไม่ใช่คำราชาศัพท์และแฝงไว้ด้วยความหมายอันทรงคุณค่าที่พวกเขามีต่อพระองค์ท่าน เพราะถึงไม่ใช่คนไทยโดยชาติกำเนิด และพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นแผ่นดินไทย รวมทั้งเทิดทูน พระบาทพระเจ้าอยู่หัว อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งสะท้อนความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าคนไทยบางคน ที่มีสัญชาติไทย แต่ไม่ได้ทำตัวเป็นคนไทยอย่างแท้จริง กลับไปช่วยเหลือคนชั่วโกงกินบ้านเมือง ให้มาทำร้ายประเทศตัวเอง อีกทั้งยังไม่มีสำนึกชอบจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นสิ่งไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า นอกจากจะเป็นนักการเมืองที่ไม่รักชาติแล้ว ยังชอบออกนโยบายที่เลียนแบบพระราชกรณียกิจ เช่น โครงการประชานิยมต่างๆ โดยกลุ่มคนพวกนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาชนออกจากพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งที่ท่านทรงลำบากตรากตรำในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ราษฎรอย่างไม่เกรงกลัวความยากลำบาก แม้ว่าบางพื้นที่จะทุรกันดาลเพียงใด แต่พระองค์ท่านก็เสด็จไป เพราะทรงเป็นห่วงประชาชนของพระองค์
นายสมบูรณ์กล่าวว่า หลายนโยบายของพรรคการเมืองภายใต้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล้วนแล้วแต่ลอกเลียนแบบในสิ่งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ว่า มีการนำแนวพระราชริ ไปต่อยอดเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้แก่ตัวเอง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ที่มีการหว่านผลประโยชน์เป็นจำนวนมหาศาล หรือแม้กระทั่ง โครงการกองทุนหมู่บ้าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ท่านก็ทรงดำเนินการมาก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ตนเชื่อว่า ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลก ทรงทำทุกอย่างเพื่อพสกนิกรของพระองค์ท่านได้มากเท่านี้ แต่คนพวกนี้ ยังไม่สำนึก สนใจแต่ผลประโยชน์และอำนาจของตัวเอง
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า คนพวกนี้ปากชอบอ้างความรักภักดี แต่พฤติกรรมกลับให้คนบูชากราบไหว้รูปที่ตัวเองใส่ชุดเครื่องราชฯเต็มยศ อีกทั้งยังมีการให้นำไปติดไว้ตามบ้าน แทนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตามต่างจังหวัด สิ่งเหล่านี้สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า มีความจงรักภักดีจริงหรือไม่
น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีเกี่ยวกับกับสถาบันเบื้องสูง หลังจากที่มีการปล่อยข่าวอัปมงคล เพื่อทุบหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุม 2 ผู้ต้องหาที่มีส่วนพัวพันในคดีดังกล่าว คือ น.ส.ธีรนันต์ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส และ นายคธา ปาจริยพงษ์ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 สืบเนื่องมาจาก ทั้งคู่ได้โพสต์ข้อความไม่บังควรในเว็ปไซด์กลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้ข่าวลือดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงกราว
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า เตรียมจะออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการปล่อยข่าวอัปมงคลทุบหุ้น อีก 2 ราย โดยหนึ่งราย จะทำให้บุกจับกุมในกลางดึกคืนนี้ ส่วนอีกคนจะจับกุมตัวพรุ่งนี้ (3 พ.ย.) ซึ่งรายละเอียดชื่อของผู้ต้องหา ขอสงวนไว้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี สำหรับ ผู้ต้องหา 2 รายแรกที่จับกุมตัวเมื่อวันก่อน ขณะนี้ได้มีการอนุญาตให้ประกันตัวไปได้แล้ว
นายประยูรกล่าวเสริมว่า สถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ต้องเรียกว่าร้อนแรงมาก ถึงขั้นอยู่ในช่วงล่อแหลมที่มีการใช้สถาบันเบื้องสูงที่คนไทยเคารพรัก ทำการปล่อยข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสิ้นพระชนม์ สิ่งเหล่านี้มันแสดงได้ชัดว่า คนพวกนี้ ไม่ได้เกรงกลัวและไม่ได้คิดอะไรอยู่ในหัว คนพวกนี้ไม่หลงเหลือความรักชาติอยู่ในตัวอีก ไม่เช่นนั้นคงไม่บังอาจทำเช่นนั้น
นายชัชวาลย์กล่าวว่า ขบวนการปล่อยข่าวทุบหุ้น ถูกปล่อยกระแสมาจากต่างประเทศ นั่นคือ ที่สิงคโปร์ โดยมีคนไทยหน้าเหลี่ยมและน้องชาย สั่งการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวได้กำไรเป็นเงินจำนวนมหาศาล ตนขอนับคนพวกนี้ว่าเป็นพวกอัปรีย์ที่สุดที่กล้าทำเช่นนี้ การที่มีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปหากิน แม้ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่ก็ยืมมือคนอื่นทำ เพื่อทำร้ายประเทศ โดยถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือ นอกจากได้เงินจำนวนมาก เพื่อมาเป็นทุนในการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว ยังได้ร่วมกันทำลายสถาบันเบื้องสูง แต่สิ่งที่ตำหนิอยู่ที่ รัฐบาลชุดนี้ ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลับไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้คนพวกนี้ที่ไม่รักชาติ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด เพราะทำไปแล้วเอาผิดไม่ได้
นายชัชวาลย์กล่าวต่อว่า การที่ตลาดหุ้นไทยร่วงลงกราว เพราะนักลงทุนต่างชาติรู้ดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ ดังนั้น พวกไม่หวังดีจึงใช้ประเด็นนี้โจมตี
ช่วงต่อมาได้มีการต่อสายสัมภาษณ์ถึง นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ในกรณีการต่อสู้โครงการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมมาบตาพุด ว่า หลังจากที่ตนเห็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาโชว์กินกุ้งที่กลุ่มระยองสมานฉันท์ นำมายืนยันที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ไร้สารพิษ พร้อมเรียกร้องให้มีการเดินหน้าสร้างโรงงานอุตสาหกรรม 76 แห่ง ในมาบตาพุด ตนจึงเห็นว่า การที่นายกรัฐมนตรีและนายสาทิตย์ กินกุ้งแค่ 2 ตัว สามารถยืนยันได้จริงหรือว่า มาบตาพุดไร้สารพิษ รวมทั้งกลุ่มระยองสมานฉันท์ ก็ไม่รู้ว่านำกุ้งมาจากไหน ไม่มีใครยืนยันข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น การที่ไม่มีนักวิชาการมายืนยัน ก็พูดไม่ได้ว่าไร้สารพิษจริง
นายสุทธิกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกลุ่มระยองสมานฉันท์ ที่เรียกร้องให้มีการดำเนินการสร้างโรงงาน 76 แห่ง ในมาบตาพุด หากนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตามข้อเรียกร้องเช่นนั้นก็ถือว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่คนในชุมชน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ทางรัฐบาลดูเหมือนจะสนใจเรื่องของตัวเลขทางเศรษฐกิจในการขยายโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่าชีวิตของประชาชน โดยการที่ นายอภิสิทธิ์ บอกว่าจะเดินทางลงพื้นที่ไปรับทราบปัญหาจริง ตนก็ยินดี หากมีการทำเช่นนั้น เพราะผู้นำประเทศจะได้รับรู้ปัญหาว่า คนที่สูญเสียคนที่รักและได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จนชีวิตไม่ปกติสุข มีทุกข์ทรมานอย่างไร จากการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม
นายสุทธิกล่าวอีกว่า วันนี้ตนได้ไปพบ นายอานันท์ ปัณยารชุน เพื่อขอให้มาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลกระทบมาบตาพุด ซึ่ง นายอานันท์ ได้รับปากว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วย เพื่อหาทางออกของปัญหาเรื่องนี้ นอกจากนี้ ตนยังเรียกร้องให้กลุ่มระยองสมานฉันท์ เลิกใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องให้ยุติการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีหลักฐานว่า กลุ่มดังกล่าว แท้จริงเป็นพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาต่อกรกับกลุ่มผู้ต่อต้าน โดยการที่กลุ่มระยองสมานฉันท์ เห็นดีเห็นชอบเรื่องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมก็เพราะถูกเกณฑ์มาให้ทำเช่นนั้น ซึ่งตนเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
นายสุทธิกล่าวว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ตนรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากที่สุด คือ ตอนที่เดินทางไปศาลปกครอง เพื่อไต่สวนคดีนี้ ทางอัยการ ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง ข่มขู่ตนในศาลต่อหน้าตุลาการ โดยพูดประโยคนี้ใส่หน้าตน “ทำไมไม่พูดวะ ทำแบบนี้ทำไม” ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ทางทนายความฝ่ายตนได้คัดค้านต่อศาล แต่ทางอัยการกลับยังไม่ยอม ท้าให้ฝ่ายตนไปชกต่อยกันหน้าห้อง เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งมันทำให้ตนรู้สึกเสียใจกับกระบวนการยุติธรรม ที่มีการกล่าวหาว่า พวกตนไปก่อกวนชุมนุม ทั้งที่ตนทำเพื่อความถูกต้อง เพราะได้ผลกระทบจากการดำเนินโครงการดังกล่าวจริงๆ
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า เวลานี้ได้ข่าวว่ามีนักการเมืองบางกลุ่มเข้าไปเจรจาผลประโยชน์กับเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณดังกล่าวว่า หากต้องการให้โครงการนี้เดินหน้าก่อสร้าง ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นวิธีการหาเงินง่ายของนักการเมืองไทย
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง รายการ “เคาะข่าวริมโขง”
รายการ “เคาะข่าวริมโขง” ออกอากาศทาง “อีสานทีวี” ช่วงเวลา 18.30-20.30 น.วันอังคารที่ 3 พฤศจิกายน มี นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก เป็นผู้ดำเนินรายการ โดยวันนี้ ได้มีการเชิญ นายสมบูรณ์ ทองบุราณ อดีตสมาชิกวุฒิสภา และ นายประยูร อัครบวร อดีตผู้นำนักศึกษา 6 ตุลา มาร่วมพูดคุยถึงหลากหลายประเด็นข่าวเด่นที่น่าสนใจ อาทิ ความจงรักภักดีของคนไทยที่มีต่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หลังจากพระองค์ท่านทรงรักษาอาการพระประชวร อยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเชื่อมโยงอย่างกรณี ปล่อยข่าวอัปมงคงทุบหุ้น และกรณีการต่อสู้มาบตาพุดของชาวบ้าน ที่ไม่ต้องการให้มีการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เพราะได้ส่งกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
สำหรับสกู๊ปวัฒนธรรมที่นำมาเสนอวันนี้ คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติบ้านเชียง ที่ขึ้นชื่อเรื่องประวัติศาสตร์และโบราณคดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยก่อน
เริ่มต้นรายการ น.ส.อัญชะลี กล่าวถึงกรณีความจงรักภักดีของคนไทยที่มี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าหลังจากที่เมื่อวานซึ่งเป็นวันลอยกระทง นอกจากคนไทยจะได้มีความสุขกับการเฉลิมฉลองประเพณีอันดีงามแล้ว ยังมีความปลื้มปีติที่ได้มีโอกาสเห็น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง และสามารถออกมาลอยพระประทีปยังบริเวณท่าน้ำโรงพยาบาลศิริราช โดยคนไทยทุกคนที่ได้พบเห็นภาพดังกล่าว ต่างรู้สึกอิ่มเอมในหัวใจที่เห็นพระองค์ทรงพระพักตร์แจ่มใส หลังจากที่ทรงพระประชวร
น.ส.อัญซะลี กล่าวว่า จากการที่คนไทยรู้สึกเป็นห่วงพระองค์ท่านอย่างสุดซึ้ง นำพาให้ทางสำนักพระราชวัง ได้รับจดหมายจำนวนมาก ที่หลั่งไหลมาร่วมถวายพระพร และขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ช่วยดลบันดาลให้พระองค์ท่านทรงหายจากพระอาการประชวรโดยเร็ว ไม่เว้นแต่ชาวเขา หลังจากที่ทราบข่าวจากสื่อต่างๆ ได้ลงมือเขียนจดหมายถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีใจความดังนี้ “ที่ศาลารวมใจบ้านจันทร์ 16 ต.ค.52 เรื่อง พ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงรักและเป็นห่วงมาก เมื่อทราบข่าวว่าพ่อหลวงไม่สบาย ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง ตั้งจิตอธิษฐานขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในบ้านจันทร์ คุ้มครองรักษาพ่อหลวง หายจากอาการไม่สบายโดยเร็ว ขอให้อยู่คู่กับคนไทยไปนานๆ พ่อหลวงองค์เดียวของแผ่นดิน พ่อองค์เดียวนี้หาไม่มี เมื่อพ่อหลวงสุขสบาย กะเหรี่ยงยิ้มแย้ม มีกำลังใจ เมื่อพ่อหลวงไม่สบาย กะเหรี่ยงเมื่อยล้าหมดแรง อบอุ่นใดไม่เหมือน อบอุ่นอยู่กับพ่อหลวงของเรา กะเหรี่ยงเกิดมาร่วมชาติกับพ่อหลวง ไม่มีอะไรตอบแทน นอกจากขอเป็นคนดีของคนไทย รักและเป็นห่วงพ่อหลวงมาก ลงชื่อ นางวราภรณ์ ธรรมสามิสร ตัวแทนชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยง”
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า จดหมายฉบับดังกล่าว สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงอ่านให้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฟัง โดยแม้ภาษาที่ชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงใช้ จะไม่ใช่คำราชาศัพท์และแฝงไว้ด้วยความหมายอันทรงคุณค่าที่พวกเขามีต่อพระองค์ท่าน เพราะถึงไม่ใช่คนไทยโดยชาติกำเนิด และพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นแผ่นดินไทย รวมทั้งเทิดทูน พระบาทพระเจ้าอยู่หัว อยู่เหนือสิ่งอื่นใด ซึ่งสะท้อนความรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์มากกว่าคนไทยบางคน ที่มีสัญชาติไทย แต่ไม่ได้ทำตัวเป็นคนไทยอย่างแท้จริง กลับไปช่วยเหลือคนชั่วโกงกินบ้านเมือง ให้มาทำร้ายประเทศตัวเอง อีกทั้งยังไม่มีสำนึกชอบจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นสิ่งไม่บังควรเป็นอย่างยิ่ง
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า นอกจากจะเป็นนักการเมืองที่ไม่รักชาติแล้ว ยังชอบออกนโยบายที่เลียนแบบพระราชกรณียกิจ เช่น โครงการประชานิยมต่างๆ โดยกลุ่มคนพวกนี้ มีวัตถุประสงค์ เพื่อประชาชนออกจากพระเจ้าแผ่นดิน ทั้งที่ท่านทรงลำบากตรากตรำในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ราษฎรอย่างไม่เกรงกลัวความยากลำบาก แม้ว่าบางพื้นที่จะทุรกันดาลเพียงใด แต่พระองค์ท่านก็เสด็จไป เพราะทรงเป็นห่วงประชาชนของพระองค์
นายสมบูรณ์กล่าวว่า หลายนโยบายของพรรคการเมืองภายใต้อำนาจของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล้วนแล้วแต่ลอกเลียนแบบในสิ่งที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นโครงการบ้านเล็กในป่าใหญ่ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน ว่า มีการนำแนวพระราชริ ไปต่อยอดเพื่อเรียกคะแนนเสียงให้แก่ตัวเอง โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคอีสาน ที่มีการหว่านผลประโยชน์เป็นจำนวนมหาศาล หรือแม้กระทั่ง โครงการกองทุนหมู่บ้าน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ท่านก็ทรงดำเนินการมาก่อน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ตนเชื่อว่า ไม่มีกษัตริย์พระองค์ใดในโลก ทรงทำทุกอย่างเพื่อพสกนิกรของพระองค์ท่านได้มากเท่านี้ แต่คนพวกนี้ ยังไม่สำนึก สนใจแต่ผลประโยชน์และอำนาจของตัวเอง
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า คนพวกนี้ปากชอบอ้างความรักภักดี แต่พฤติกรรมกลับให้คนบูชากราบไหว้รูปที่ตัวเองใส่ชุดเครื่องราชฯเต็มยศ อีกทั้งยังมีการให้นำไปติดไว้ตามบ้าน แทนพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าแผ่นดิน ปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นตามต่างจังหวัด สิ่งเหล่านี้สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่า มีความจงรักภักดีจริงหรือไม่
น.ส.อัญชะลี กล่าวเปิดประเด็นถึงกรณีเกี่ยวกับกับสถาบันเบื้องสูง หลังจากที่มีการปล่อยข่าวอัปมงคล เพื่อทุบหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯไทย โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจให้จับกุม 2 ผู้ต้องหาที่มีส่วนพัวพันในคดีดังกล่าว คือ น.ส.ธีรนันต์ วิภูชนิน อายุ 43 ปี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ ยูบีเอส และ นายคธา ปาจริยพงษ์ อายุ 37 ปี พนักงานบริษัทหลักทรัพย์ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) ในความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 สืบเนื่องมาจาก ทั้งคู่ได้โพสต์ข้อความไม่บังควรในเว็ปไซด์กลุ่มคนเสื้อแดง จนทำให้ข่าวลือดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงกราว
น.ส.อัญชะลี กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า เตรียมจะออกหมายจับผู้ต้องหาที่ร่วมขบวนการปล่อยข่าวอัปมงคลทุบหุ้น อีก 2 ราย โดยหนึ่งราย จะทำให้บุกจับกุมในกลางดึกคืนนี้ ส่วนอีกคนจะจับกุมตัวพรุ่งนี้ (3 พ.ย.) ซึ่งรายละเอียดชื่อของผู้ต้องหา ขอสงวนไว้ก่อน เนื่องจากเกรงว่าจะหลบหนี สำหรับ ผู้ต้องหา 2 รายแรกที่จับกุมตัวเมื่อวันก่อน ขณะนี้ได้มีการอนุญาตให้ประกันตัวไปได้แล้ว
นายประยูรกล่าวเสริมว่า สถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ ต้องเรียกว่าร้อนแรงมาก ถึงขั้นอยู่ในช่วงล่อแหลมที่มีการใช้สถาบันเบื้องสูงที่คนไทยเคารพรัก ทำการปล่อยข่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงสิ้นพระชนม์ สิ่งเหล่านี้มันแสดงได้ชัดว่า คนพวกนี้ ไม่ได้เกรงกลัวและไม่ได้คิดอะไรอยู่ในหัว คนพวกนี้ไม่หลงเหลือความรักชาติอยู่ในตัวอีก ไม่เช่นนั้นคงไม่บังอาจทำเช่นนั้น
นายชัชวาลย์กล่าวว่า ขบวนการปล่อยข่าวทุบหุ้น ถูกปล่อยกระแสมาจากต่างประเทศ นั่นคือ ที่สิงคโปร์ โดยมีคนไทยหน้าเหลี่ยมและน้องชาย สั่งการอยู่เบื้องหลัง ซึ่งจากการกระทำดังกล่าวได้กำไรเป็นเงินจำนวนมหาศาล ตนขอนับคนพวกนี้ว่าเป็นพวกอัปรีย์ที่สุดที่กล้าทำเช่นนี้ การที่มีการนำสถาบันพระมหากษัตริย์ไปหากิน แม้ไม่ได้ลงมือด้วยตัวเอง แต่ก็ยืมมือคนอื่นทำ เพื่อทำร้ายประเทศ โดยถือว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว คือ นอกจากได้เงินจำนวนมาก เพื่อมาเป็นทุนในการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้ว ยังได้ร่วมกันทำลายสถาบันเบื้องสูง แต่สิ่งที่ตำหนิอยู่ที่ รัฐบาลชุดนี้ ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กลับไม่สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างทันท่วงที ทำให้คนพวกนี้ที่ไม่รักชาติ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด เพราะทำไปแล้วเอาผิดไม่ได้
นายชัชวาลย์กล่าวต่อว่า การที่ตลาดหุ้นไทยร่วงลงกราว เพราะนักลงทุนต่างชาติรู้ดีว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนในชาติ ดังนั้น พวกไม่หวังดีจึงใช้ประเด็นนี้โจมตี
ช่วงต่อมาได้มีการต่อสายสัมภาษณ์ถึง นายสุทธิ อัชฌาศัย แกนนำเครือข่ายประชาชนภาคตะวันออก ในกรณีการต่อสู้โครงการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมมาบตาพุด ว่า หลังจากที่ตนเห็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาโชว์กินกุ้งที่กลุ่มระยองสมานฉันท์ นำมายืนยันที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ไร้สารพิษ พร้อมเรียกร้องให้มีการเดินหน้าสร้างโรงงานอุตสาหกรรม 76 แห่ง ในมาบตาพุด ตนจึงเห็นว่า การที่นายกรัฐมนตรีและนายสาทิตย์ กินกุ้งแค่ 2 ตัว สามารถยืนยันได้จริงหรือว่า มาบตาพุดไร้สารพิษ รวมทั้งกลุ่มระยองสมานฉันท์ ก็ไม่รู้ว่านำกุ้งมาจากไหน ไม่มีใครยืนยันข้อเท็จจริงได้ ดังนั้น การที่ไม่มีนักวิชาการมายืนยัน ก็พูดไม่ได้ว่าไร้สารพิษจริง
นายสุทธิกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องกลุ่มระยองสมานฉันท์ ที่เรียกร้องให้มีการดำเนินการสร้างโรงงาน 76 แห่ง ในมาบตาพุด หากนายกรัฐมนตรี ดำเนินการตามข้อเรียกร้องเช่นนั้นก็ถือว่าทำผิดรัฐธรรมนูญ ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชีวิตความเป็นอยู่คนในชุมชน ซึ่งโครงการดังกล่าวได้ส่งผลกระทบโดยตรง แต่ทางรัฐบาลดูเหมือนจะสนใจเรื่องของตัวเลขทางเศรษฐกิจในการขยายโรงงานอุตสาหกรรมมากกว่าชีวิตของประชาชน โดยการที่ นายอภิสิทธิ์ บอกว่าจะเดินทางลงพื้นที่ไปรับทราบปัญหาจริง ตนก็ยินดี หากมีการทำเช่นนั้น เพราะผู้นำประเทศจะได้รับรู้ปัญหาว่า คนที่สูญเสียคนที่รักและได้รับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จนชีวิตไม่ปกติสุข มีทุกข์ทรมานอย่างไร จากการสร้างโรงงานอุตสาหกรรม
นายสุทธิกล่าวอีกว่า วันนี้ตนได้ไปพบ นายอานันท์ ปัณยารชุน เพื่อขอให้มาเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบผลกระทบมาบตาพุด ซึ่ง นายอานันท์ ได้รับปากว่าจะยื่นมือเข้ามาช่วย เพื่อหาทางออกของปัญหาเรื่องนี้ นอกจากนี้ ตนยังเรียกร้องให้กลุ่มระยองสมานฉันท์ เลิกใช้ถ้อยคำรุนแรงโจมตีชาวบ้านที่ออกมาเรียกร้องให้ยุติการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม เพราะมีหลักฐานว่า กลุ่มดังกล่าว แท้จริงเป็นพนักงานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาต่อกรกับกลุ่มผู้ต่อต้าน โดยการที่กลุ่มระยองสมานฉันท์ เห็นดีเห็นชอบเรื่องการสร้างโรงงานอุตสาหกรรมก็เพราะถูกเกณฑ์มาให้ทำเช่นนั้น ซึ่งตนเก็บหลักฐานไว้ทั้งหมด ว่า มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นบ้าง
นายสุทธิกล่าวว่า นอกจากนี้ สิ่งที่ตนรู้สึกผิดหวังและเสียใจมากที่สุด คือ ตอนที่เดินทางไปศาลปกครอง เพื่อไต่สวนคดีนี้ ทางอัยการ ได้ใช้ถ้อยคำรุนแรง ข่มขู่ตนในศาลต่อหน้าตุลาการ โดยพูดประโยคนี้ใส่หน้าตน “ทำไมไม่พูดวะ ทำแบบนี้ทำไม” ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าว ทางทนายความฝ่ายตนได้คัดค้านต่อศาล แต่ทางอัยการกลับยังไม่ยอม ท้าให้ฝ่ายตนไปชกต่อยกันหน้าห้อง เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิดขึ้น ซึ่งมันทำให้ตนรู้สึกเสียใจกับกระบวนการยุติธรรม ที่มีการกล่าวหาว่า พวกตนไปก่อกวนชุมนุม ทั้งที่ตนทำเพื่อความถูกต้อง เพราะได้ผลกระทบจากการดำเนินโครงการดังกล่าวจริงๆ
นายชัชวาลย์กล่าวเสริมว่า เวลานี้ได้ข่าวว่ามีนักการเมืองบางกลุ่มเข้าไปเจรจาผลประโยชน์กับเจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมบริเวณดังกล่าวว่า หากต้องการให้โครงการนี้เดินหน้าก่อสร้าง ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นวิธีการหาเงินง่ายของนักการเมืองไทย