xs
xsm
sm
md
lg

"ป้าหม่า" เปลี่ยนทาง หักหัวลงมุ่งถล่มซ้ำเวียดนาม!!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#cc00cc>แผนภูมิจำลองของ TSR แสดงให้เห็นการหักเหเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนตัวของพายุโซนร้อนป้าหม่า (Parma) เมื่อวันจันทร์ (5 ต.ค.) นี้ และ ตลอดระยะ 12 ชั่วโมงถัดไป หากพายุลูกนี้สามารถทวีความแรงได้อีก เวียดนามก็ตกอยู่ในอันตรายรอบสองในอีกไม่กี่วันข้างหน้า </FONT></bR>

ASTVผู้จัดการออนไลน์/สื่อเวียดนาม-- ไต้ฝุ่นป้าหม่า (Parma) ได้เปลี่ยนทิศทางเคลื่อนตัวลงแนวตะวันตกเฉียงใต้ มุ่งหน้าเข้าสู่ทะเลจีนใต้และฝั่งทะเลเวียดนาม หลังจากทำให้มีผู้เสียชีวิตอีกเกือบ 20 คนในภาคเหนือของฟิลิปปินส์ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นการหันเหทิศทางอันน่าประหลาดใจ หลังจากสำนักพยากรณ์ต่างๆ กล่าวก่อนหน้านี้ว่าป้าหม่าจะพุ่งหัวเข้าถล่มแผ่นดินใหญ่จีน

ยังไม่มีสำนักพยากรณ์ใดฟันธงได้ว่า ไต้ฝุ่นลูกล่าสุดนี้จะเคลื่อนตัวต่อไปจนถึงเวียดนามหรือไม่ ขณะที่อ่อนกำลังลงจากระดับ 2 (Catagory 2) หลังพัดเข้าถล่มตอนเหนือของเกาะลูซอน ขณะที่ไต้ฝุ่นเมอโลร์ (Melor) ที่มีขนาดใหญ่กว่าหันเหทิศไปทางตะวันออกเฉียงเหนือและอาจจะพัดเข้าถล่มเกาะญี่ปุ่น

ถ้าหากป้าหม่าเข้าถึงเวียดนามในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ไม่ว่าจะยังเป็นไต้ฝุ่นที่ทรงพลังหรืออ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน ก็จะสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจเวียดนามอย่างหนัก ในขณะที่ทางการกำลังพยายามเยียวยาความเสียหาย ที่ไต้ฝุ่นเกดสะหนาทิ้เอาไว้ข้างหลังเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เกดสะหนาซึ่งมีความเร็วลมศูนย์กลางในระดับ 2 (C2) ขณะพัดถล่มเวียดนาม ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 163 คน อีกเกือบ 20 คนยังสูญหาย กว่า 600 คนได้รับบาดเจ็บ ไต้ฝุ่นยังส่งผลกระทบต่อชาวเวียดนามอีกราว 200,000 คน นาข้าวนับแสนๆ ไร่ที่ยังไม่ได้เก็บเกี่ยวจมอยู่จมใต้น้ำ พืชผลการเกษตรอื่นๆ อีกในเนื้อที่เท่าๆ กันใน 17 จังหวัดถูกทำลาย

ใน จ.กงตูม (Kon Tum) ในเขตที่ราบสูงภาคกลางซึ่งเป็นแห่งสุดท้ายที่พายุเกดสะหนาพัดทำลายในเวียดนาม เมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.) มีผู้เสียชีวิตมากถึง 48 คน ใน จ.กว๋างนาม (Quang Nam) กับ จ.กว๋างหงาย (Quang Ngai) 26 และ 35 คนตามลำดับ ไต้ฝุ่นทำให้จังหวัดต่างๆ จมน้ำกินอาณาบริเวณกว้าง

ทางการเวียดนามเร่งส่งความช่วยเหลือไปยังเขตภัยพิบัติ ระดับน้ำเริ่มลดลง และ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งซ่อมแซมบ้านเรือนของราษฎรที่ถูกทำลายไปหลายร้อยหลังคา ซ่อมถนนหนทางที่ถูกกระแสน้ำพัดขาด ส่งอาหารและน้ำดื่มให้แก่ราษฎรที่ได้รับผลกระทบ
<bR><FONT color=#cc00cc>ภาพจำลองจากข้อมูลดาวเทียมอุตุนิยมวิทยา MTSAT แสดงตำแหน่งพายุโซนร้อนป้าหม่า ยังหมุนอยู่ในย่านขอบๆ ทะเลจีนใต้ หลังเปลี่ยนทาง ขณะที่ไต้ฝุ่นเมอโลร์ (Melor) ปั่นตัวเองทำความเร็วบ่ายหน้าขึ้นตะวันออกเฉียงเหนือ ตรงไปยังเกาะญี่ปุ่น</FONT></bR>
รัฐบาลได้จัดงบประมาณฉุกเฉินกว่า 500,000 ล้านด่ง (17,750 ด่ง/ดอลลาร์) เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ และส่งข้าวลอตแรก 10,000 ตัน ยารักษาโรคกับเครื่องยังชีพที่จำเป็นไปยังท้องที่ประสบภัย

พายุเกดสะหนา (Ketsana) ซึ่งเป็นชื่อของต้นไม้มงคล ที่เนื้อไม้มีกลิ่นหอมและราคาแพง ได้ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 รายในจังหวัดภาคใต้ของลาว ทั้งนี้เป็นตัวเลขของโครงการอาหารแห่งสหประชาชาติหรือ UN World Food Program ที่ปฏิบัติงานประจำในพื้นที่ แม้ว่าตัวเลขยืนยันของทางการจะยังเป็น 14 คนอยู่ก็ตาม

พายุที่อ่อนกำลังลงขณะพัดเข้าสู่ดินแดนลาว ได้ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำในลำน้ำเซกอง กับ ลำน้ำเซโดนเอ่อขึ้นท่วมบ้านเรือนและไร่นาของราษฎร ความเสียหายแผ่กว้างตั้งแต่แขวงสาละวัน แขวงเซกองลงไปจนถึงอัตตะปือทางตอนใต้สุด สื่อของทางการกล่าว

ผู้ที่เสียชีวิตยังรวมทั้งคนงาน 3 คน ที่กำลังก่อสร้างเขื่อนเซกะหมาน 3 ในแขวงเซกองด้วย ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าวสารปะเทดลาว โครงการเขื่อนผลิตไฟฟ้าดังกล่าวเป็นของนักลงทุนจากเวียดนาม
<bR><FONT color=#cc00cc>ราวกับมีชีวิต มีความคิด คอยเล่นเกมไล่จับกับนักอุตุนิยมวิทยา พายุโซนร้อน ป้าหม่า (Parma) ไม่ไปไต้หวันแล้ว.. หักหัวลงตะวันตกเฉียงใต้บ่ายหน้าสู่ทะเลจีนใต้ โดยไม่เอาใจใส่ต่อไต้ฝุ่นเมอโลร์ ที่พุ่งไปในทิศตรงข้าม มุ่งหน้าสู่เกาะญี่ปุ่น</FONT></bR>
ไต้ฝุ่นเกดสะหนายังสร้างความเสียหายอย่างหนักให้แก่จังหงวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือกับภาคเหนือของกัมพูชา ใน จ.กัมปงธม (Kampong Thom) แห่งเดียวพบผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 17 คน เมืองเสียมราฐถูกน้ำท่วมสูง ให้การท่องเที่ยวหยุดชะงักลง ส่งผลกระทบต่อผู้คนในอุตสาหกรรมนี่นับหมื่นๆ

กระทรวงการท่องเที่ยวร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ในท้องถิ่น กำลังเร่งเก็บกวาดทำความสะอาดเมืองวท่องเท่ายวแห่งนี้

ยังไม่มีรายงานผู้เคราะห์จาก จ.อื่นๆ ที่อยู่ไกลออกไปทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัตนคีรี กับสตึงแตรง (Stung Treng) ที่อยู่ใกล้ศูนย์กลางของพายุเกดสะหนามากที่สุด แม้ว่าจะอ่อนกำลังลงแล้วก็ตาม

ก่อนหน้านั้นไต้ฝุ่นเกดสะหนาทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 300 คนในฟิลิปปินส์ นาข้าวถูกทำลายเสียหายอย่างหนัก ประเทศนี้เป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อเลี้ยงดูประชากร 92 ล้านคน เมื่อไต้ฝุ่นทำลายนาข้าว ทางการอาจจะต้องนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นอีกในปลายปีนี้ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนต้นปีหน้า

ไต้ฝุ่นป้าหม่าก่อตัวขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตั้งแต่วันที่ 25-26 ก.ย. ขณะที่เกดสะหนากำลังเคลื่อนตัวอยู่ในทะเลจีนใต้ และ พัดเข้ากระหน่ำฟิลิปปินส์ในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเปลี่ยนทิศทางในนาทีสุดท้าย หักหัวออกบ่ายหน้าขึ้นเหนือ ทำให้กรุงมะนิลาหวิดถูกทำลายซ้ำสอง .
กำลังโหลดความคิดเห็น