น้ำท่วมเละเฮฮาหาปลาตามถนนกลางฮานอย

ผู้จัดการออนไลน์ -- จนถึงเช้าวันอาทิตย์ (2 พ.ย.) มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วรวม 23 รายในท้องถิ่นต่างๆ ทางภาคเหนือเวียดนาม รวมทั้ง 17 คนในกรุงฮานอย ในอุทกภัยที่ทางการ กล่าวว่า หนักหน่วงที่สุดในรอบเกือบครึ่งศตวรรษในเมืองหลวง

พื้นที่ส่วนใหญ่ของเมืองหลวงอยู่ในสภาพจมน้ำ ขณะที่ราษฎรจำนวนไม่น้อยสนุกกับการหาปลาตามท้องถนนในหลายย่านของตัวเมืองซึ่งเพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนนี้ยังเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้าขายที่คึกคัก

ภัยพิบัติยังได้ทำให้นาข้าวกับพืชผลต่างๆ รวมทั้งทรัพย์สินราษฎรเสียหาย คิดเป็นมูลค่าราว 300 ล้านล้านเวียดนามด่ง หรือประมาณ 178 ล้านดอลลาร์

เกิดฝนตกหนักในเขตเมืองหลวงตั้งแต่วันพฤหัสบดี (30 ต.ค.) และในวันศุกร์ปริมาณน้ำฝนวัดได้ถึง 433.3 มิลลิเมตร นับเป็นปริมาณสูงสุดตั้งแต่ปี 2503 นายเหวียนเท้หุ่ง (Nguyen The Hung) แห่งคณะกรรมการป้องกันพายและอุทกภัยแห่งชาติกล่าวกับสื่อของทางการ

“เราพยากรณ์ว่า จะมีฝนตกหนักในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา แต่ไม่ได้คิดว่ามันจะหนักหน่วงรุนแรงขนาดนี้” นายหุ่ง กล่าวเมื่อวันอาทิตย์ หลังจากในวันเสาร์เกิดความโกลาหลขึ้นตามท้องถนนเนื่องจากรถยนต์และจักรยานยนต์จำนวนมากเกิดเสียในน้ำท่วมสูงการจราจรติดขัดไปทั่ว

โรงเรียนและสถานที่ราชการหลายแห่งยังคงปิดต่อไปจนถึงวันจันทร์

คณะกรรมการประชาชนกรุงฮานอยแถลงว่าอุทกภัยได้ทำลายนาข้าวฤดูใบไม้ร่วง-ฤดูหนาวรวม 45,000 เฮกตาร์ (281,000 ไร่เศษ) คิดเป็นมูลค่าราว 27 ล้านดอลลาร์ กับบ่อเลี้ยงปลาอีกในเนื้อที่อีก 9,000 เฮกตาร์ (56,000 ไร่เศษ) ทำลายย่อยยับ

ตามรายงานของสำนักข่าวเวียดนามเน็ต บ้านเรือนราษฎรชาวเมืองหลวงเกือบ 13,000 หลังคาถูกน้ำท่วมสูง การสัญจรถูกตัดขาดในหลายย่าน ราษฎรราว 1,500 คน ถูกอพยพออกจากพื้นที่ ฟ้าคะนองขณะฝนตกหนักทำให้มีผู้ถูกฟ้าผ่าเสียชีวิต 4 ราย

ถนนสายต่างๆ ในเมืองหลวงได้กลายสภาพเป็นคลองไปโดยปริยาย สำนักข่าวแห่งนี้ได้นำภาพราษฎรโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ พากันจับปลาด้วยเครื่องมือต่างๆ อย่างสนุกสนานตามท้องถนนที่น้ำท่วมสูงซึ่งในบางย่านสูงเกือบมิหลังคารถเก๋ง

หลายภาพยังแสดงให้เห็นรถยนต์ รถจักรยานยนต์ ตลอดตายอยู่ทั่วไปตามริมถนนในย่านต่างๆ ในสภาพที่จมน้ำเกือบมิด

เขตห่าด่ง (Ha Dong) ของกรุงฮานอยถูกตัดขาดมาตั้งแต่คืนวันพฤหัสบดี ราษฎรไม่มีไฟฟ้าใช้และไม่มีน้ำสะอาดดื่ม ผู้คนนับหมื่นๆ กำลังอดอยาก

“มันเหมือนอยู่ในสงคราม.. ผมกับภรรยาไม่นอนเลยตลอดทั้งคืนเผื่อว่า หากเกิดอะไรขึ้นจะพาลูกหนีได้ทัน” นายหว่างมิงกว๋าน (Hoang Minh Quan) ราษฎรที่อาศัยอยู่ในเขตห่าด่งกล่าว

รถไฟจากเมืองหลวงที่มุ่งลงใต้ทุกเที่ยวเดินทางต้องเลื่อนออกไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำผู้โดยสารจำนวนมากเดินทางโดยรถบัสไปขึ้นรถไฟที่สถานี จ.เหงะอาน (Nghe An) นายหวูดิ่งโหระ (Vu Ding Rau) นายสถานีกรุงฮานอย กล่าว

นายเหวียนจ่องเติ๋น (Nguyen Trong Tan) ผู้อำนวยการสำนักระบายน้ำกรุงฮานอยกล่าวว่า หากฝนไม่ตกก็จะต้องใช้เวลา 4-5 วันในการควบคุมให้ระดับน้ำลดลงสู่สภาพปกติ

**ภัยพิบัติครั้งร้ายแรงที่สุด**

ศูนย์อุตุนิยมวิทยาและอุทกศาสตร์กลางกล่าวในวันเสาร์ที่ผ่านมาว่า ร่องอากาศหนาวเย็นที่มุ่งลงใต้ จะทำให้เกิดฝนตกทั่วเวียดนาม พร้อมพายุลมแรงพัดพาจากอ่าวตั้งเกี๋ยตั้งแต่วันอาทิตย์เป็นต้นไป

นอกจากนั้น ความกดอากาศสูงที่แผ่ครอบคลุมทั่วภาคเหนือของประเทศจะทำให้เกิดสภาพอากาศเลวร้าย มีโอกาสที่จะเกิดฝนตกหนักและดินถล่มในเขตเขาชายแดนตอนเหนือของประเทศอีกครั้ง

อุทกภัยได้ทำลายนาข้าวราษฎรราว 20,000 เฮกตาร์ (125,000 ไร่) ใน จ.หวิงฟุก (Vinh Phuc) และน้ำท่วมสูงใน จ.เหงะอาน สร้างความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 10.68 ล้านดอลลาร์ ส่วนใน จ.แท้งหว่า (Thanh Hoa) มีราษฎรไร้ที่อยู่อาศัยราว 700 คน

ใน จ.ห่านาม (Ha Nam) ทางตะวันออกของเมืองหลวง ในตกหนักวัดได้ 270 มม. ทำให้เกิดน้ำท่วมที่นาเสียหาย 15,000 เฮกตาร์ (93,000 ไร่เศษ)

**น้ำท่วมสูง-อาหารขาดแคลน**

ในช่วงสุดสุดสัปดาห์ตลาดหลายแห่งที่เคยคลาคล่ำด้วยผู้คนในยามปกติต้องปิดลงโดยปริยาย เนื่องจากระดับน้ำท่วมสูง ทำให้เกิดการขาดแคลนอาหารไปทั่ว

ผู้อำนวยการสำนักการตลาดกรุงฮานอย กล่าวว่า ชาวเมืองหลวงจะไม่มีผักรับประทานตลอดสัปดาห์หน้า ส่วนตามตลาดที่ยังคงเปิดจำหน่าย ราคาอาหารกับผักชนิดต่างๆ จะพุ่งขึ้นสูงมาก เช่นผักบุ้งราคาสูงเป็นสิบเท่าตัวจากราคาปกติ

แม่ค้าที่นำของออกวางขายตามริมทางในย่านที่น้ำท่วมไม่ถึงได้ขึ้นราคาสินค้าอาหารและพืชผักทุกชนิดตั้งแต่ 15-20% ทั้งนี้เป็นรายงานของสำนักข่าววีเอ็นเอ (Voice of Vietnam) ซึ่งเป็นสำนักข่าวของรัฐบาล

จนถึงตอนค่ำวันเสาร์ในกรุงฮานอยเพียงแห่งเดียวพบผู้เสียชีวิต 17 คนในท่ามกลางสายฝนและสายน้ำ รวมทั้ง 4 คนในเขตย่านใจกลางเมือง ส่วนใหญ่เสียชีวิตจากการจมน้ำซึ่งรวมทั้งเด็กวัย 8 ขวบสองคนด้วย อีกจำนวนหนึ่งเสียชีวิตเนื่องจากถูกไฟฟ้าช็อต และ 4 คนถูกฟ้าผ่า

จังหวัดต่างๆ รอบๆ กรุงฮานอย คือ เหงะอาน ห่าติ๋ง (Ha Tinh) ฟุเถาะ (Phu Tho) และ จ.หว่าบี่ง (Hoa Binh) ล้วนมีรายงานเกี่ยวกับราษฎรจมน้ำเสียชีวิต กับอีกหนึ่งคนถูกฟ้าผ่าตายใน จ.หวิงฟุก และเหนือไกลออกไปถึง จ.ถายเงวียน (Thai Nguyen) ก็มีผู้เสียชีวิตจากการถูกกระแสน้ำพัดไป

**สร้างความเสียหายไปทั่ว**

ฝนตกหนักช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมายังทำให้เกิดอุทกภัยขึ้นในหลายท้องถิ่นทั่วประเทศเวียดนาม ทำให้ไร่นาจมน้ำและทางหลวงตลอดจนถนนหนทางทั่วไปได้รับความเสียหาย ซึ่งทำให้การสัญจรติดขัดไปทั่ว ทั้งนี้เป็นรายงานของวีเอ็นเอ

สำนักงานอุตุนิยมวิทยา แถลงในวันเสาร์คาดว่า ฝนยังจะตกหนักในเขตภาคเหนือและภาคเหนือตอนกลางตลอดวันสองวันข้างหน้า ตอนเช้าวันอาทิตย์วัดปริมาณน้ำฝนได้ 420 มม.ในเขตใจกลางกรุงฮานอย 627 มม.ในเขตห่าด่ง และ 442 มม.ในเขตด่งแอง (Dong Anh) เทียบกับสถิติเพียง 394 มม. ในปี 2527

ภัยพิบัติทางธรรมชาติในเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ชาวเวียดนามเสียชีวิตไปแล้ว 97 คน อีก 121 คนได้รับบาดเจ็บ บ้านเรือนถูกทำลายไปกว่า 1,800 หลังคา นาข้าว 20,000 เฮกตาร์พร้อมกับบ่อเลี้ยงกุ้ง-ปลาอีก 2,000 เฮกตาร์ ถูกทำลายยับเยิน

ภัยพิบัติทางธรรมชาติในเดือน ต.ค.เดือนเดียวทำความเสียหายคิดเป็นมูลค่าราว 1.7 ล้านล้านด่ง ทางการต้องจัดส่งข้าวรวม 2,200 ตันไปช่วยบรรเทาความขาดแคลนในท้องถิ่นต่างๆ ทางตอนเหนือ

องค์การบรรเทาทุกข์ต่างๆ ได้ระดมข้าว และอาหารอีกส่วนหนึ่งเข้าสู่พื้นที่ภัยพิบัติในจังหวัดต่างๆ เช่นเดียวกัน วีเอ็นเอกล่าว

ตั้งแต่ปลายเดือน ก.ย.จนถึง ต.ค.ได้มีพายุโซนร้อนจำนวน 3 ลูกพัดเข้าถล่มภาคเหนือเวียดนาม ทำให้ราษฎร 31,900 ครอบครัวในจังหวัดตอนเหนือสุด ในเขตภาคเหนือตอนกลางและในภาคกลางของประเทศขาดแคลนอาหาร

เวียดนามเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติเช่นนี้เป็นประจำทุกปี และเมื่อปีที่แล้วมีผู้เสียชีวิตรวม 435 คน ซึ่งส่วนใหญ่จากอุทกภัยและเหตุดินถล่ม สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างรายงานตัวเลขของทางการ