ASTVผู้จัดการออนไลน์/รอยเตอร์-- ศาลพม่าได้พิพากษาเมื่อวันอังคาร (11 ส.ค.) ให้จำคุกผู้นำฝ่ายค้านเป็นเวลา 3 ปี ในความผิดต่อกฎหมายความมั่นคงภายใน ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าการตัดสินเช่นนี้กำลังจะทำให้ชาติตะวันตกไม่พึงพอใจอย่างยิ่งและพม่ายิ่งจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวต่อไป
ศาลได้ตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี แต่ขณะเดียวกันก็ได้สั่งลดระยะเวลาโทษจำคุกลงเหลือ 1 ปีกับ 6 เดือน ตามคำสั่งของรัฐบาล ซึ่งพร้อมๆ กันนั้นได้สั่งให้กักบริเวณนางซูจีในบ้านพัก แทนการกักขังในเรือนจำอิงเส่ง (Insein) กรุงย่างกุ้ง ที่ตั้งของศาลดังกล่าว
การพิพากาษาตัดสินดังกล่าวได้เป็นที่คาดหมายของหลายฝ่ายก่อนหน้านี้ ขณะที่กล่าวหาทางการพม่าว่าพยายามเสกสรรปั้นแต่งความผิดให้แก่ผู้นำฝ่ายค้าน เพื่อหาทางกีดกันออกไปจากการเลือกตั้งที่จะจัดขึ้นในปีหน้า
การจับกุมและตั้งข้อกล่าวหามีขึ้นหลังเกิดเหตุการณ์ที่น่าประหลาด โดยนายจอห์น เยตทอว์ (John Williams Yettaw) ชายชาวอเมริกันวัย 53 ปี ว่ายน้ำข้ามบึงใหญ่อินเล (Inle Lake) ไปยังบ้านพักนางซูจี โดยให้การว่าเพื่อนำคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ไปมอบให้แก่ผู้นำฝ่ายค้านที่อาจจะถูกลอบสังหาร และ ถือโอกาสพักที่นั่นเป็นเวลา 3 วัน แม้ว่าเจ้าของบ้านกับหญิงรับใช้จะได้ขอร้องให้ออกไปก็ตาม
แทนที่จะเอาผิดกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านความปลอดภัย ทางการพม่ากลับเอาผิดกับเจ้าของบ้าน ทั้งๆ ที่ทางเข้าไปสู่บ้านพักของนางซูจี ที่ถนนมหาวิทยาลัย (University Boulevard) ถูกปิดตายตลอดเวลา และ จัดตั้งด่านตรวจ จัดเวรยามรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นายเยตทอว์เคยลักลอบเข้าไปยังบ้านพักของนางซูจีครั้งหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว เจ้าของบ้านได้แจ้งให้ทางการทราบเกี่ยวกับเรื่องนี้และขอการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นางซูจีถูกกักบริเวณในบ้านพักหลังนี้เป็นเวลารวมกันประมาณ 13 ปี ตลอดเวลา 19 ปีมานี้ รัฐบาลทหารเพิ่งสั่งยกเลิกการกักบริเวณไปในเดือน มิ.ย. ขณะที่นางซูจีถูกนำขึ้นไต่สวนในศาลที่เรือนจำอิงเส่ง ท่ามกลางเสียงประณามของประชาคมระหว่างประเทศ
การไต่สวนคดีนางซูจีระยะแรกๆ ทางการไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าเป็นสักขีพยาน แม้กระทั่งที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัว แต่หลังจากถูกกดดันจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างหนัก รัฐบาลทหารได้ยอมผ่อนคลายกฎเหล็กต่างๆ และ อนุญาตให้ทีมกฎหมายของผู้นำฝ่ายค้านเข้าร่วมในการไต่สวนได้
ทางการพม่าเปิดการไต่สวนคดีผู้นำฝ่ายค้านรอบสุดท้ายในสัปดาห์ปลายเดือน ก.ค.ที่ผ่านมาและนัดหมายล่วงหน้า จะมีการอ่านคดตัดสินในวันจันทร์นี้
เช้าวันเดียวกันชาวพม่าพลัดถิ่นในหลายประเทศ รวมทั้งในกรุงโซล ของเกาหลี ในกรุงโตเกียว และในกรุงเทพฯ ได้จัดชุมนุมประท้วงเรียกร้องอีกครั้งหนึ่งให้รัฐบาลทหารปล่อยตัวนางซูจีกับนักโทษการเมืองคนอื่นๆ อย่างไม่มีเงื่อนไข
คณะปกครองทหารได้ใช้เวลานานหลายปีในการจัดร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมา ก่อนให้ลงประชามติรับรองในเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว ท่ามกลางความหายนะจากพายุนาร์กิสที่พัดกระหน่ำเข้าทำลายเขตที่ราบปากแม่น้ำอิรวดี และมีผู้เสียชีวิตกับสูญหายเกือบ 300,000 คน
การลงประชามติรับรองร่างรัฐธรรมนูญดังกล่าวยังมีขึ้นท่ามกลางการกล่าวหาขาดความโปร่งใส ไม่เป็นประชาธิปไตยและชี้นำโดยเจ้าหน้าที่รัฐ
พม่าถูกปกครองโดยคณะทหารติดต่อกันมาตลอดเวลาเกือบครึ่งศตวรรษ หลังได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 2505 บรรดาขุนทหารได้ผลัดกันขึ้นครองอำนาจผ่านการยึดอำนาจและการรัฐประหารเงียบ และเปลี่ยนชื่อองค์กรการปกครองมาแล้วหลายครั้ง
คณะปกครองชุดปัจจุบันที่นำโดย พลเอกอาวุโสตานฉ่วย (Than Shwe) ได้ "ยึดอำนาจเงียบ" จากคณะของพลเอกซอหม่อง (Zaw Maung) หลังจากทำการปราบปรามประชาชนผู้เรียกร้องประชาธิปไตยครั้งใหญ่ในปี 2531 ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและสูญหายกว่า 3,000 คน
นางซูจีเคยนำพรรคฝ่ายค้านสู่ชัยชนะอย่างท่วมท้นในการเลือกตั้งปี 2532 แต่ถูก “ปล้นอำนาจ” เนื่องจากคณะปกครองทหารไม่ยอมก้าวลงจากอำนาจ
คณะปกครองทหารได้ปราบปรามประชาชนที่เดินขบวนเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสงบอีกครั้งหนึ่งในเดือน ก.ย.2550 การเดินขบวนเริ่มขึ้นในกรุงยางกุ้ง โดยมีพระสงฆ์นำหน้า และเริ่มจากประเด็นความเดือดร้อนทางเศรษฐกิจหลังจากรัฐบาลขึ้นราคาก๊าซและน้ำมันเชื้อเพลิงทุกชนิดถึง 600% โดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า
ต่อมาการประท้วงได้ขยายวงไปสู่ประเด็นทางการเมือง เกิดการเรียกร้องประชาธิปไตย และขยายออกไปยังตัวเมืองต่างๆ รวมทั้งเมืองมัณฑะเลย์ ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสอง เมืองพะโค (Bago) ที่อยู่ใกล้ชายแดนไทย กระทั่งในรัฐที่อยู่ห่างไกลออกไปเช่น สะกาย (Sagaing) กับ ยะไข่ (Rakhine) กระทั่งในเมืองเล็กๆ อีกหลาย
แห่ง
ทางการกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตเพียงประมาณ 30 คน ในเหตุการณ์เดินขบวน แต่หน่วยงานสิทธิมนุษยชนกล่าวว่ามีผู้เสียชีวิตมากกว่านั้นหลายเท่าตัว
พม่าเป็นดินแดนที่อุดมมั่งมีด้วยทรัพยากรล้ำค่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งก๊าซธรรมชาติ ซึ่งในปัจจุบันไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุด นอกจากนั้นยังมีแร่สำคัญทางเศรษฐกิจหลายชนิด เป็นแหล่งผลิตพลอยคุณภาพดีที่สุดของโลกเพียงแห่งเดียวในปัจจุบัน แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นประเทศที่หล้าหลัง ประชาชนยังยากจนติดอันดับต้นๆ ของโลก
หลายประเทศในเอเชียทวีปรวมทั้งจีน อินเดีย ไทยและเกาหลี ต่างถือโอกาสเข้าเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพม่า ขณะที่โลกตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯ กับสหภาพยุโรปใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัฐบาลทหาร กดดันเพื่อให้ปฏิรูปประชาธิปไตย ซึ่งหลายฝ่ายกล่าวว่าไม่ใช่มาตรการที่ใช้ได้ผล.