ASTVผู้จัดการรายวัน/รอยเตอร์ -- องค์กรภาคเอกชนฟิลิปปินส์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลอธิบายเกี่ยวกับข่าวที่ว่า องค์การอาหารแห่งชาติได้จัดซื้อข้าวล็อตใหญ่ 1.5 ล้านตันจากเวียดนามเมื่อปลายปีที่แล้วกับต้นปีนี้ ในราคาที่สูงเกินความเป็นจริง และเชื่อว่า มีการรั่วไหล
ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นลูกค้ารายเดียวรายใหญ่ที่สุดของข้าวเวียดนามในปีนี้
ต้นปี 2551 ซึ่งเป็นปีที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งขึ้นสูง เวียดนามหยุดการส่งออกเพื่อรักษาเสถียรภาพราคาภายในประเทศ และราคาในตลาดโลกพุ่งสูงลิ่ว แต่รัฐบาลได้อนุมัติให้จำหน่ายข้าวแก่ฟิลิปปินส์เป็นกรณีเฉพาะ เพื่อช่วยบรรเทาความขาดแคลนในปีแห่งข้างยากหมากแพง
เมื่อเวียดนามเริ่มส่งออกอีกครั้งหนึ่งในช่วงปลายปี ฟิลิปปินส์ได้เป็นลูกค้ารายใหญ่ โดยเซ็นซื้อข้าวทันที 1 ล้านตัน และเพิ่มปริมาณสั่งซื้อเป็น 1.5 ล้านตัน ในเดือน ก.พ.ปีนี้ โดยไม่มีการเปิดเผยราคาซื้อขาย
การจำหน่ายข้าวล็อตใหญ่ให้แก่ฟิลิปปินส์ใน 2 เดือนแรกของปี ได้ทำให้ยอดเซ็นจำหน่ายข้าวของเวียดนามจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย.ปีนี้ เกินเป้าหมายตลอดทั้งปี ขณะที่ยังเชื่อว่ายอดรวมส่งออกตลอดทั้งปีอาจจะสูงถึง 6 ล้านตัน ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ เทียบกับไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ที่สุดของโลก คาดว่า ปีนี้จะส่งออกเพียง 8.5 ล้านตันเท่านั้น
กลุ่มเฉพาะกิจเพื่ออาหาร หรือ TFFS (Task Force Food Sovereignty) ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาภาคเอกชนที่ไม่สังกัดรัฐบาล ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งในวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) เรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร นายอาเธอร์ แย็ป (Arthur Yap) และ ผู้บริหารองค์การอาหารแห่งชาติ หรือ NFA เปิดเผยความจริงเกี่ยกับการซื้อข้าวเวียดนามเมื่อปลายปีที่แล้ว
ผู้นำของ TFFS นายอาร์เซ กลิโป (Arze Glipo) กล่าวหาว่า รัฐบาลได้จ่ายเงินถึง 550 ดอลลาร์ต่อตัน สำหรับข้าวเวียดนาม ขณะที่ราคาจำหน่ายจริงเพียง ตันละ 380 ดอลลาร์เท่านั้นและด้วยราคานี้ทำให้รัฐบาลต้องจ่ายถึง 825 ล้านดอลลาร์ สำหรับข้าว 1.5 ล้านตัน
นายกลิโป กล่าวว่า รัฐบาลจำเป็นต้องแถลงในรายละเอียดเกี่ยวกับความแตกต่างของราคาในตลาดโลกกับราคาซื้อจริง เพราะเหตุใดจึงห่างกันมากเพียงนี้
“การนำข้าวนับแสนๆ เมตริกตันเปิดช่องให้แก่การคอร์รัปชัน แม้ว่าราคาจะต่างกันเพียงแค่ 1 ดอลลาร์ต่อหน่วย แต่มูลค่าส่วนต่างก็เป็นเงินมหาศาล ดังนั้น ความโปร่งใสเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งยวดในการซื้อขาย” นายกลิโป กล่าว
“พวกเขาใช้การนำเข้าข้าวเป็นช่องทางสร้างรายได้ให้แก่ตัวเอง” คำแถลงฉบับเดียวกันระบุ ขณะเดียวกัน ก็เรียกร้องให้รัฐบาลหาทางยุติการพึ่งพาข้าวจากแหล่งใหญ่เพียงแหล่งเดียวเพื่อลดการฉ้อราษฎร์บังหลวง พร้อมกับหันมาส่งเสริมชาวนาในประเทศเพื่อให้สามารถเพิ่มผลผลิตได้มากขึ้น
ยังไม่มีการแสดงท่าทีใดๆ จากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันศุกร์ (9 ก.ค.) ที่ผ่านมา