สถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่เป็นปกติสุขในทุกวันนี้ มีส่วนน้อยเกิดแต่ธรรมชาติหรือดินฟ้าอากาศ มีส่วนหนึ่งเกี่ยวกับโรคาพยาธิ ซึ่งบางเรื่องก็เกิดขึ้นจากน้ำมือคน บางเรื่องก็เกิดขึ้นแต่ธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่แล้วล้วนเกิดจาก “คน”
นั่นคือคนเป็นผู้ทำให้เกิดสภาพไม่ปกติสุขในบ้านเมืองของเรา และทำให้สถานการณ์หนักหนาสาหัสต่อเนื่องมาถึง 7 ปีแล้ว แม้ถึงวันนี้ก็ยังมีการเพิ่มความไม่เป็นปกติสุขนั้นให้รุนแรงมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งต่อไป
หากสถานการณ์เป็นไปในทิศทางนี้ อีกไม่นานเท่าใดดอก คนไทยเราคงสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้ ซึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีใครไหนต้องการให้เป็นไปเช่นนั้น ดังนี้แล้วจึงต้องคิดอ่านป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดสภาพการณ์เช่นนั้น และต้องทำการเสียให้ทันท่วงที ก่อนที่จะสายเกินการ
การใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ข่มเหงยำเยงข้าราชการด้วยกัน ไม่ว่าข้าราชการฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายประจำ หรือไม่ว่ากระทำต่ออาณาประชาราษฎร ล้วนเกิดขึ้นจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ที่ได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจเช่นว่านั้น
การฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดิน ฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งปวงบรรดามีที่เกิดขึ้นจนประเทศชาติเสียหายยับเยินป่นปี้ จนอาณาประชาราษฎร์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ล้วนเกิดขึ้นจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่ได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจเช่นว่านั้น
ความขาดไร้ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ทั้งด้านศาสนจักรและอาณาจักร ล้วนมีต้นตอที่มาจากคน ซึ่งได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจในบ้านเมือง ทั้งในทางศาสนจักรและอาณาจักรเช่นเดียวกัน
สถานการณ์ที่ประเทศต้องย่อยยับ อับจน ล้าหลัง ไร้ศักดิ์ศรีเกียรติภูมิ และอยู่ในภาวะถดถอย ก็ล้วนเกิดจากคน ซึ่งได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจในบ้านเมือง
ดังนั้นการจะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับฟื้นคืนปกติสุขในทุกๆ ด้าน จึงต้องมุ่งไปที่คน หากไปมัวสาละวนอยู่ที่เรื่องอื่นใดย่อมไร้ผล เพราะคนคือสมุทัยอริยสัจของปัญหาชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกข์อริยสัจดังที่พรรณนามาข้างต้นนั้น
ในเรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทไว้ช้านานแล้ว มีใจความว่าบ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่สามารถที่จะกำจัดคนไม่ดีให้หมดไปจากบ้านเมืองได้ การจะทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขและเจริญรุ่งเรือง จึงอยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง และกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมือง
จำได้ว่านอกจากพระบรมราโชวาทดังกล่าวนี้แล้ว ยังทรงพระราชทานกระแสพระราชดำรัสที่เกี่ยวเนื่องกันกับพระบรมราโชวาทนี้อีกหลายครั้ง ซึ่งมีลักษณะเป็นคำอธิบายให้คนทั้งหลายได้เข้าใจในเรื่องนี้ได้โดยง่าย
เช่นที่เคยตรัสไว้ว่า หินซึ่งใช้จัดสวนนั้น มีทั้งก้อนเหลี่ยม ก้อนรี ก้อนกลม มีทั้งสีดำ สีขาว สีเทา สีแดง สีหม่น ซึ่งจะจัดสวนได้สวยงามหรือไม่สวยงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับหินหรือความผิดของหิน แต่อยู่ที่คนจัดสวนต่างหากว่ารู้จักจัดวางให้เหมาะสม สมดุล สวยงามหรือไม่ประการใด
ความจริงรายละเอียดเนื้อความที่ทรงตรัสนี้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ มีความไพเราะ มีความงดงาม แต่ในเวลาอันจำกัดนี้ยังค้นหาไม่ทัน จึงจำแต่นำเนื้อความเท่าที่จำได้มาพรรณนาพอให้เห็นเป็นแนวทาง
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงว่าถ้ามีการส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองเสียอย่างหนึ่งแล้ว ก็นับว่าได้สร้างเหตุปัจจัยที่ดีที่งาม ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเบื้องหน้า และเป็นผลที่จะต้องเกิดขึ้นตามธรรมดาธรรมชาติ
ในทางตรงกันข้าม หากส่งเสริมหรือปล่อยให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองก็เท่ากับสร้างเหตุสร้างปัจจัยของความพินาศฉิบหาย ความอัปมงคล ความอัปยศ และวิบัติต่างๆ แก่บ้านเมือง แม้สรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย ก็จะเบียดเบียนทั้งประเทศชาติและประชาชน ดังที่คนไทยเรากำลังประสบและตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันเช่นวันนี้
เริ่มมาตั้งแต่รัฐบาล เอาล่ะเฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ก็ต้องยอมรับนับถือกันว่าเป็นคนดีมีฝีมือคนหนึ่งของบ้านเมือง ได้รับความไว้วางใจจากมหาชน ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยและพระราชทานกระแสพระราชดำรัสให้ถือเป็นธงชัยในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคนทั้งหลายก็คาดหวังว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะไม่ทำให้ผิดหวังทั้งฟ้าและดิน
ถัดลงมาจากตัวนายกรัฐมนตรีก็คือรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยทั้งหลาย ตลอดจนข้าราชการประจำระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ตลอดจนบอร์ดและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ก็ล้วนได้รับแต่งตั้งมอบหมายจากรัฐบาลทั้งสิ้น ล้วนต้องได้รับความเห็นชอบในการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งสิ้น
ลำดับลงมาอีกก็คือบรรดาที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ตลอดจนเลขาธิการ รองเลขาธิการ ทั้งของนายกรัฐมนตรี ทั้งของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างๆ
ถ้าหากคนทั้งหลายเหล่านี้เป็นคนดี และคนดีได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มีอำนาจตามทำเนียบตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความดีความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความร่มเย็นเป็นสุขในบ้านเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่วันนี้เป็นอย่างไรเล่า?
ข่าวคราวที่ปรากฏในแต่ละวันดาษดื่นเต็มไปด้วยเรื่องโกงบ้านโกงเมือง เต็มไปด้วยเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง เต็มไปด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก เต็มไปด้วยการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม เอาเปรียบข่มเหงข้าราชการและพนักงานของรัฐ ตลอดจนอาณาประชาราษฎร จนปั่นป่วนวุ่นวายสับสนกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง
เรื่องราวข่มเหงน้ำใจประชาชนที่หน้าด้านหน้าทน พูดผิดเป็นถูก พูดถูกเป็นผิด พูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ปกปิดความผิดชั่ว กระทั่งใส่ร้ายป้ายสีผู้คน กระทั่งทำผิดคิดชั่วแล้วไม่รู้จักละอายใจในบาปบุญคุณโทษ ไม่กลัวกฎหมาย ไม่กลัวบาป ไม่กลัวกรรม เชิดหน้าชูตาลอยนวล ท้าทายความรู้สึกมหาชน ก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางไม่เว้นในแต่ละวัน
ทำให้ผู้คนไม่เป็นสุข มีแต่ความเครียดกังวล จนต้องตื่นตัวตื่นรู้และจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเป็นขบวนการ เพื่อพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไว้ไม่ให้พวกโจรชั่ว ไม่ให้พวกโจรปล้นชาติ ไม่ให้พวกอุบาทว์ปล้นบ้านปล้นเมือง ดังที่รู้ๆ เห็นๆ กันอยู่
ทำให้สภาพบ้านเมืองกลายเป็นเรื่องภาระอันหนักของประชาชนที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาจับโจรที่ปล้นบ้านปล้นเมือง ทำผิดคิดร้ายต่อบ้านเมือง เหยียบย่ำทำลายขื่อแปของบ้านเมืองจนกระทั่งไม่เป็นอันทำมาหากินกัน
เป็นภาระขององค์กรตรวจสอบต่างๆ ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อให้ป้องกันแก้ไขความผิดคิดชั่วทั้งหลายที่จะต้องทำงานอย่างหนักหนาสาหัส ต้องทนกับแรงกดดันสารพัด แม้กระทั่งต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
ยกเว้นก็แต่บางคนที่ประพฤติตนเป็นคนชั่วคนบาปเสียเอง ทรยศต่ออำนาจหน้าที่ของตน ไปเสพเสวนาหาอามิสและกามจากคนชั่วจนกลายเป็นคนชั่วตามไปด้วย
ถ้าหากกระบวนการกำจัดขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองมีพลังมาก มีขีดความสามารถสูง มีสมรรถนะและประสิทธิภาพที่จะกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้ทันเวลา และทันต่อสถานการณ์ เหตุการณ์ที่ไม่เป็นปกติสุขนี้ก็คงจะคลี่คลายไป
แต่ในวันนี้กระบวนการกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจมีพลังไม่เพียงพอ ไม่สามารถกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้ทันท่วงทีและทันกับสถานการณ์
ดังนั้นคนไม่ดีจึงเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองเพิ่มขึ้นๆ และเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายเป็นกระแสหลักในการบริหารจัดการและการใช้อำนาจในบ้านเมือง แล้วทำให้บ้านเมืองของเรากำลังก้าวไปสู่ทิศทางสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน เกิดทุกข์เข็ญและเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าดังที่เป็นอยู่
เมื่อเป็นดั่งนี้ก็ต้องเพ่งเล็งเอาที่ต้นตอแห่งอำนาจ คือนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาล แล้วช่วยกันคิดอ่านว่าจะทำกันอย่างไร จึงจะทำให้ศูนย์กลางแห่งอำนาจนี้ประกอบด้วยคนดีและกำจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
เพราะเมื่อศูนย์กลางแห่งอำนาจประกอบด้วยคนดีแล้ว ก็ย่อมให้ผลิตผลคือการส่งเสริมให้คนดีในระดับถัดๆ ไปได้มีอำนาจในหน่วยงานและองค์กรระดับถัดๆ ไปในบ้านเมืองด้วย
คนดีที่พรรณนามานี้ย่อมหมายถึงคนดีมีฝีมือด้วย เพราะหากเป็นคนดีแต่ไร้ฝีมือ ก็ไม่ต่างอันใดกับสากกะเบืออันหนึ่งซึ่งไม่คดโกงใคร ไม่ฉ้อฉล ไม่ข่มเหงใคร แต่ใช้ได้ก็แต่การตำน้ำพริก หรือใช้ด่าแม่นักการเมืองเท่านั้น
ดังนั้นการส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองจึงต้องเป็นการส่งเสริมให้คนดีมีฝีมือมีอำนาจในบ้านเมือง และนี่คือภารกิจสำคัญของรัฐบาลในสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมทั้งกำจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองด้วย .
นั่นคือคนเป็นผู้ทำให้เกิดสภาพไม่ปกติสุขในบ้านเมืองของเรา และทำให้สถานการณ์หนักหนาสาหัสต่อเนื่องมาถึง 7 ปีแล้ว แม้ถึงวันนี้ก็ยังมีการเพิ่มความไม่เป็นปกติสุขนั้นให้รุนแรงมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้งต่อไป
หากสถานการณ์เป็นไปในทิศทางนี้ อีกไม่นานเท่าใดดอก คนไทยเราคงสิ้นชาติสิ้นแผ่นดินเป็นแน่แท้ ซึ่งย่อมเป็นเรื่องที่ไม่มีใครไหนต้องการให้เป็นไปเช่นนั้น ดังนี้แล้วจึงต้องคิดอ่านป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดสภาพการณ์เช่นนั้น และต้องทำการเสียให้ทันท่วงที ก่อนที่จะสายเกินการ
การใช้อำนาจไม่เป็นธรรม ข่มเหงยำเยงข้าราชการด้วยกัน ไม่ว่าข้าราชการฝ่ายการเมืองหรือฝ่ายประจำ หรือไม่ว่ากระทำต่ออาณาประชาราษฎร ล้วนเกิดขึ้นจากผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ที่ได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจเช่นว่านั้น
การฉ้อฉลปล้นชาติปล้นแผ่นดิน ฉ้อราษฎร์บังหลวงทั้งปวงบรรดามีที่เกิดขึ้นจนประเทศชาติเสียหายยับเยินป่นปี้ จนอาณาประชาราษฎร์เดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ล้วนเกิดขึ้นจากผู้มีอำนาจในบ้านเมืองที่ได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจเช่นว่านั้น
ความขาดไร้ศีลธรรม คุณธรรม จริยธรรม ทั้งด้านศาสนจักรและอาณาจักร ล้วนมีต้นตอที่มาจากคน ซึ่งได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจในบ้านเมือง ทั้งในทางศาสนจักรและอาณาจักรเช่นเดียวกัน
สถานการณ์ที่ประเทศต้องย่อยยับ อับจน ล้าหลัง ไร้ศักดิ์ศรีเกียรติภูมิ และอยู่ในภาวะถดถอย ก็ล้วนเกิดจากคน ซึ่งได้รับการส่งเสริมให้มีอำนาจในบ้านเมือง
ดังนั้นการจะแก้ไขสถานการณ์ให้กลับฟื้นคืนปกติสุขในทุกๆ ด้าน จึงต้องมุ่งไปที่คน หากไปมัวสาละวนอยู่ที่เรื่องอื่นใดย่อมไร้ผล เพราะคนคือสมุทัยอริยสัจของปัญหาชาติบ้านเมือง ซึ่งเป็นต้นเหตุของทุกข์อริยสัจดังที่พรรณนามาข้างต้นนั้น
ในเรื่องนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราโชวาทไว้ช้านานแล้ว มีใจความว่าบ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ไม่สามารถที่จะกำจัดคนไม่ดีให้หมดไปจากบ้านเมืองได้ การจะทำให้บ้านเมืองเป็นปกติสุขและเจริญรุ่งเรือง จึงอยู่ที่การส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมือง และกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมือง
จำได้ว่านอกจากพระบรมราโชวาทดังกล่าวนี้แล้ว ยังทรงพระราชทานกระแสพระราชดำรัสที่เกี่ยวเนื่องกันกับพระบรมราโชวาทนี้อีกหลายครั้ง ซึ่งมีลักษณะเป็นคำอธิบายให้คนทั้งหลายได้เข้าใจในเรื่องนี้ได้โดยง่าย
เช่นที่เคยตรัสไว้ว่า หินซึ่งใช้จัดสวนนั้น มีทั้งก้อนเหลี่ยม ก้อนรี ก้อนกลม มีทั้งสีดำ สีขาว สีเทา สีแดง สีหม่น ซึ่งจะจัดสวนได้สวยงามหรือไม่สวยงามไม่ได้ขึ้นอยู่กับหินหรือความผิดของหิน แต่อยู่ที่คนจัดสวนต่างหากว่ารู้จักจัดวางให้เหมาะสม สมดุล สวยงามหรือไม่ประการใด
ความจริงรายละเอียดเนื้อความที่ทรงตรัสนี้มีความครบถ้วนสมบูรณ์ มีความไพเราะ มีความงดงาม แต่ในเวลาอันจำกัดนี้ยังค้นหาไม่ทัน จึงจำแต่นำเนื้อความเท่าที่จำได้มาพรรณนาพอให้เห็นเป็นแนวทาง
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อแสดงว่าถ้ามีการส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองเสียอย่างหนึ่งแล้ว ก็นับว่าได้สร้างเหตุปัจจัยที่ดีที่งาม ที่มีความเจริญรุ่งเรืองเป็นเบื้องหน้า และเป็นผลที่จะต้องเกิดขึ้นตามธรรมดาธรรมชาติ
ในทางตรงกันข้าม หากส่งเสริมหรือปล่อยให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองก็เท่ากับสร้างเหตุสร้างปัจจัยของความพินาศฉิบหาย ความอัปมงคล ความอัปยศ และวิบัติต่างๆ แก่บ้านเมือง แม้สรรพทุกข์ สรรพโรค สรรพภัย ก็จะเบียดเบียนทั้งประเทศชาติและประชาชน ดังที่คนไทยเรากำลังประสบและตกอยู่ในชะตากรรมเดียวกันเช่นวันนี้
เริ่มมาตั้งแต่รัฐบาล เอาล่ะเฉพาะตัวนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีนั้น ก็ต้องยอมรับนับถือกันว่าเป็นคนดีมีฝีมือคนหนึ่งของบ้านเมือง ได้รับความไว้วางใจจากมหาชน ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยและพระราชทานกระแสพระราชดำรัสให้ถือเป็นธงชัยในการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งคนทั้งหลายก็คาดหวังว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะไม่ทำให้ผิดหวังทั้งฟ้าและดิน
ถัดลงมาจากตัวนายกรัฐมนตรีก็คือรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วยทั้งหลาย ตลอดจนข้าราชการประจำระดับปลัดกระทรวง อธิบดี ตลอดจนบอร์ดและผู้บริหารรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานต่างๆ ของรัฐ ก็ล้วนได้รับแต่งตั้งมอบหมายจากรัฐบาลทั้งสิ้น ล้วนต้องได้รับความเห็นชอบในการแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งสิ้น
ลำดับลงมาอีกก็คือบรรดาที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ที่ปรึกษารัฐมนตรี ตลอดจนเลขาธิการ รองเลขาธิการ ทั้งของนายกรัฐมนตรี ทั้งของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างๆ
ถ้าหากคนทั้งหลายเหล่านี้เป็นคนดี และคนดีได้รับการส่งเสริมสนับสนุนให้มีอำนาจตามทำเนียบตำแหน่งต่างๆ ดังกล่าวมาแล้ว ก็ย่อมเป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความดีความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความร่มเย็นเป็นสุขในบ้านเมืองอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่วันนี้เป็นอย่างไรเล่า?
ข่าวคราวที่ปรากฏในแต่ละวันดาษดื่นเต็มไปด้วยเรื่องโกงบ้านโกงเมือง เต็มไปด้วยเรื่องฉ้อราษฎร์บังหลวง เต็มไปด้วยการเล่นพรรคเล่นพวก เต็มไปด้วยการใช้อำนาจไม่เป็นธรรม เอาเปรียบข่มเหงข้าราชการและพนักงานของรัฐ ตลอดจนอาณาประชาราษฎร จนปั่นป่วนวุ่นวายสับสนกันไปทั้งบ้านทั้งเมือง
เรื่องราวข่มเหงน้ำใจประชาชนที่หน้าด้านหน้าทน พูดผิดเป็นถูก พูดถูกเป็นผิด พูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ บ่ายเบี่ยงเลี่ยงประเด็น ปกปิดความผิดชั่ว กระทั่งใส่ร้ายป้ายสีผู้คน กระทั่งทำผิดคิดชั่วแล้วไม่รู้จักละอายใจในบาปบุญคุณโทษ ไม่กลัวกฎหมาย ไม่กลัวบาป ไม่กลัวกรรม เชิดหน้าชูตาลอยนวล ท้าทายความรู้สึกมหาชน ก็เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางไม่เว้นในแต่ละวัน
ทำให้ผู้คนไม่เป็นสุข มีแต่ความเครียดกังวล จนต้องตื่นตัวตื่นรู้และจับกลุ่มกันเป็นกลุ่มเป็นขบวนการ เพื่อพิทักษ์รักษาบ้านเมืองไว้ไม่ให้พวกโจรชั่ว ไม่ให้พวกโจรปล้นชาติ ไม่ให้พวกอุบาทว์ปล้นบ้านปล้นเมือง ดังที่รู้ๆ เห็นๆ กันอยู่
ทำให้สภาพบ้านเมืองกลายเป็นเรื่องภาระอันหนักของประชาชนที่ต้องตั้งหน้าตั้งตาจับโจรที่ปล้นบ้านปล้นเมือง ทำผิดคิดร้ายต่อบ้านเมือง เหยียบย่ำทำลายขื่อแปของบ้านเมืองจนกระทั่งไม่เป็นอันทำมาหากินกัน
เป็นภาระขององค์กรตรวจสอบต่างๆ ที่ได้รับการจัดตั้งขึ้น เพื่อให้ป้องกันแก้ไขความผิดคิดชั่วทั้งหลายที่จะต้องทำงานอย่างหนักหนาสาหัส ต้องทนกับแรงกดดันสารพัด แม้กระทั่งต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย
ยกเว้นก็แต่บางคนที่ประพฤติตนเป็นคนชั่วคนบาปเสียเอง ทรยศต่ออำนาจหน้าที่ของตน ไปเสพเสวนาหาอามิสและกามจากคนชั่วจนกลายเป็นคนชั่วตามไปด้วย
ถ้าหากกระบวนการกำจัดขัดขวางไม่ให้คนไม่ดีมีอำนาจในบ้านเมืองมีพลังมาก มีขีดความสามารถสูง มีสมรรถนะและประสิทธิภาพที่จะกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้ทันเวลา และทันต่อสถานการณ์ เหตุการณ์ที่ไม่เป็นปกติสุขนี้ก็คงจะคลี่คลายไป
แต่ในวันนี้กระบวนการกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจมีพลังไม่เพียงพอ ไม่สามารถกำจัดขัดขวางคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองได้ทันท่วงทีและทันกับสถานการณ์
ดังนั้นคนไม่ดีจึงเข้ามามีอำนาจในบ้านเมืองเพิ่มขึ้นๆ และเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง จนกลายเป็นกระแสหลักในการบริหารจัดการและการใช้อำนาจในบ้านเมือง แล้วทำให้บ้านเมืองของเรากำลังก้าวไปสู่ทิศทางสิ้นชาติสิ้นแผ่นดิน เกิดทุกข์เข็ญและเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้าดังที่เป็นอยู่
เมื่อเป็นดั่งนี้ก็ต้องเพ่งเล็งเอาที่ต้นตอแห่งอำนาจ คือนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี หรือรัฐบาล แล้วช่วยกันคิดอ่านว่าจะทำกันอย่างไร จึงจะทำให้ศูนย์กลางแห่งอำนาจนี้ประกอบด้วยคนดีและกำจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจ
เพราะเมื่อศูนย์กลางแห่งอำนาจประกอบด้วยคนดีแล้ว ก็ย่อมให้ผลิตผลคือการส่งเสริมให้คนดีในระดับถัดๆ ไปได้มีอำนาจในหน่วยงานและองค์กรระดับถัดๆ ไปในบ้านเมืองด้วย
คนดีที่พรรณนามานี้ย่อมหมายถึงคนดีมีฝีมือด้วย เพราะหากเป็นคนดีแต่ไร้ฝีมือ ก็ไม่ต่างอันใดกับสากกะเบืออันหนึ่งซึ่งไม่คดโกงใคร ไม่ฉ้อฉล ไม่ข่มเหงใคร แต่ใช้ได้ก็แต่การตำน้ำพริก หรือใช้ด่าแม่นักการเมืองเท่านั้น
ดังนั้นการส่งเสริมให้คนดีมีอำนาจในบ้านเมืองจึงต้องเป็นการส่งเสริมให้คนดีมีฝีมือมีอำนาจในบ้านเมือง และนี่คือภารกิจสำคัญของรัฐบาลในสถานการณ์ปัจจุบัน พร้อมทั้งกำจัดคนไม่ดีไม่ให้มีอำนาจในบ้านเมืองด้วย .