ASTVผู้จัดการออนไลน์-- กัมพูชาไม่ปิดบังเจตนาอีกต่อไปพวกเขาต้องการอย่างเดียวคือ ขับไล่ทหารไทยลงจากเขาพระวิหารให้หมดเพื่อความเป็นต้jอในการเจรจาต่อรองวันข้างหน้า พล.อ.พล สะเรือน (Pol Saroeun) ผู้บัญชาการกองทัพคนใหม่ สั่งเฉียบขาดกองกำลังที่ชายแดน ให้ขับไล่ทหารไทยออกจากบริเวณวัดสองแห่งใกล้ปราสาทพระวิหาร และห้ามกลับขึ้นไปอีก
อาณาบริเวณดังกล่าวตั้งอยู่ใน "ดินแดนพิพาท" ที่ศาลระหว่างประเทศกรุงเฮกเมื่อเกือบ 50 ปีก่อนมิได้ตัดสินว่าเป็นของฝ่ายใด ขณะที่เป็นดินแดนที่อยู่ในเขตสันปันน้ำของไทย
ตามรายงานของ หนังสือพิมพ์ดืมอัมปึล (Deum Ampil) พล.อ.พลสะเรือน ได้สั่งการเรื่องนี้ไปยังกองทัพภาคที่ 4 ที่รับผิดชอบพื้นที่ในเช้าวันพฤหัสบดี (2 ก.ค.) ขณะใกล้จะครบรอบ 1 ปี การขึ้นทะเบียนปราสาท พระวิหารเป็นมรดกโลกในวันที่ 7 เดือนนี้ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาจะต้องทำทุกวิถีทางให้ได้ครอบครองพื้นที่อย่างสมบูรณ์
ฝ่ายกัมพูชาอ้างว่าพื้นที่รอบๆ ปราสาทพระวิหารเป็นของตน โดยอ้างแผนที่ที่ฝรั่ง-สยามจัดทำเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ซึ่งมิได้จัดขึ้นตามหลักสันปันน้ำ ตามสัญญาที่สองฝ่ายเซ็นตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านั้น แผนที่ในยุคใหม่ล้วนแสดงให้เห็นพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในเขตอธิปไตยของไทย
สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้แถลงในวันพฤหัสบดีให้ไทยถอนทหารออกจาก "พื้นของกัมพูชา" ทั้งหมด และหากคิดจะบุกเข้าไปอีก จะต้องพบกับการตอบโต้ด้วยกำลังอาวุธ
ผู้นำกัมพูชาเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ว่า ได้เตือนนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหมที่ไปเยือนอย่างไม่เป็นทางการวันเสาร์ที่แล้ว (27 มิ.ย.) ว่า ถ้าหากไทยจะบุกยึดปราสาทพระวิหารจะต้องใช้ทหาร 35,000-50,000 คน เพื่อสู้กับทหารกัมพูชาที่กรำศึกราว 10,000 ในบริเวณดังกล่าว
สมเด็จฯ ฮุนเซนเปิดเผยอีกว่า คราวเดียวกันนั้นยังได้เตือนนายสุเฃทพ กับ พล.อ.ประวิตร ห้ามเครื่องบินไทยบินล้ำแดนกัมพูชา ซึ่งอาจจะถูกยิงด้วยขีปนาวุธ
ส่วนบนเขาพระวิหารนั้น วัดแก้วสิกขคีรีเสาวรักษ์ เป็นที่ตั้งของทหารทั้งฝ่ายไทยกับฝ่ายกัมพูชามาตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังการขึ้นทะเบียนปราสาท พระวิหารเป็นมรดกโลก และได้กลายเป็นจุดศูนย์กลางแห่งการนเผชิญหน้ากับการเจรจาไปพร้อมๆ กัน
ไทยกำลังเจรจากับกัมพูชาเพื่อหาทางลดจำนวนทหารในเขตวัดและอาณาบริเวณโดยรอบลง เพื่อลดการเผชฃิญหน้า แต่ฝ่ายกัมพูชากำลังหาทางขับไล่ทหารไทยออกจากวัดและพื้นที่โดยรอบ ก่อนวันที่ 7 ก.ค.ศกนี้
นายสุเทพฯ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงได้เปิดเผยในวันศุกร์ (3 ก.ค.) นี้ ว่า กำลังจะเดินทางไปกัมพูชาเพื่อพบหารือข้อราชการกับสมเด็จฯ ฮุนเซนอีกครั้งหนึ่งในวันเสาร์ โดยเชื่อมั่นว่าจะสามารถเจรจา หาทางลดความตึงเครียดที่ชายแดนได้สำเร็จ
แต่นายสุเทพไม่ยอมเปิดเผยเกี่ยวกับคำเตือนของสมเด็จฯ ฮุนเซนคราวที่แล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวในวันเดียวกันว่า การเจรจาเป็นหนทางเดียวสำหรับการแก้ปัญหา การใช้กำลังจะไม่ก่อประโยชน์อะไร ขณะที่ไทยและกัมพูชาต่างเป็นสมาคมชิกสมาคมประชาชาติเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ซึ่งจะต้องมีความร่วมมือกันในหลายด้าน
ปัจจุบันไทยกำลังทำหน้าที่เป็นประเทศผู้นำกลุ่มอาเซียน (ประธานคณะกรรมการประจำ) ซึ่งจะหมุนเวียนคราวละ 1 ปีในหมู่สมาชิก โดยเรียงตามลำดับอักษร ขณะที่เวียดนามจะทำหน้าที่นี้ต่อจากไทยในปลายปี
ไทยยังไม่สามารถจัดประชุม "อาเซียน+3" กับ "อาเซียน+6" ได้สำเร็จ หลังจากกลุ่มคนเสื้อแดงบุกเข้าไปในสถานที่ประชุมที่เมืองพัทยาในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมาก่อนเทศกาลสงกรานต์ และ การนัดประชุมใน จ.ภูเก็ต ต้องเลื่อนออกไปอีก.