ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- หลังจากไม่ได้แสดงความอนาทรร้อนใจใดๆ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อวันจันทร์ (11 พ.ค.) รัฐบาลทหารพม่าได้อนุญาตให้ผู้ช่วยแพทย์คนหนึ่งเข้าตรวจอาการนางอองซานซูจีได้อีกครั้ง ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการล้มป่วยของผู้นำฝ่ายค้านพม่าวัย 63 ปี
ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า นายโปนโมะเอย (Pyone Mo Ei) ผู้ช่วยแพทย์ได้เดินทางไปยังบ้านพักริมบึงใหญ่ของนางซูจีอีกครั้งหนึ่ง หลังจากเมื่อวันศุกร์ได้ให้น้ำเกลือผู้ป่วย และถูกห้ามเข้าไปในบ้านหลังนั้นอีก ขณะที่แพทย์ประจำตัวของนางซูจี คือ นายแพทย์ทินเมียววิน (Tin Myo Win) ถูกทางการควบคุมตัวเอาไว้โดยไม่ทราบสาเหตุ ตั้งแต่สัปดาห์ก่อน
ผู้เห็นเหตุการณ์ กล่าวว่า ผู้ช่วยของ นพ.เมียววิน เดินทางไปบ้านพักของนางซูจีเวลาประมาณเที่ยงวัน และ ใช้เวลาอยู่ในนั้นราว 3 ชั่วโมง ยังไม่มีการแถลงใดๆ จากบรรดาผู้นำของสันนิบาติแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD (National League For Democracy) ซึ่งเป็นศูนย์รวมของพรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดในประเทศ
เอ็นแอลดี กับองค์กรสิทธิมนุษยชนได้ร้องเรียนต่อรัฐบาลขอให้แพทย์ได้เข้าตรวจอาการของผู้นำ ซึ่งเมื่อวันศุกร์มีความดันโลหิตสูง และร่างกายขาดน้ำ ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ และยังขอให้ทนายความได้เข้าพบเพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการนอุทธรณ์คำสั่งกักบริเวณอีกด้วย
วันพุธสัปดาห์ที่แล้วทางการทหารได้จับกุมชาวอเมริกันวัย 53 ปีคนหนึ่ง ที่ว่ายน้ำข้ามบึงอินยา (Inya) ของกรุงย่างกุ้ง ไปยังบ้านพักของนางซูจีที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง โดยแหล่งข่าวทางการเปิดเผยกับสำนักข่าวเอเอฟพีก่อนหน้านี้ว่า ชายดังกล่าวได้พักอยู่ในเรือนคนใช้ เป็นเวลาสองคืนขอให้นางซูจีไม่บอกเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ทางการ
ยังไม่มีฝ่ายใดทราบความประสงค์ของชายชาวอเมริกันผู้นี้ และยังไม่ทราบเช่นกันว่าเขาถูกนำไปควบคุมตัวเอาไว้ที่ใด
รัฐบาลทหารได้สั่งกักนางซูจีเอาไว้ในบ้านพักติดต่อกันมาเป็นเวลาประมาณ 13 ปีตลอดช่วงเวลา 19 ปีมานี้ คำสั่งครั้งล่าสุดจะครบกำหนดในปลายเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งทนายความกล่าวว่า หากไม่ได้ปรึกษากับลูกความก่อนก็จะไม่สามารถดำเนินการอุทธรณ์คำสั่งได้
แต่แหล่งข่าวกล่าวว่า ไม่น่าจะต่างไปจากทุกปี คือ จะไม่มีการประกาศต่ออายุคำสั่งและกักบริเวณผู้นำฝ่ายค้านให้อยู่แต่ในบ้านพักต่อไป
รัฐบาลทหารกำลังจะจัดเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในปีหน้า โดยไม่ให้ นางซูจี เข้าร่วมด้วย ขณะที่พรรคฝ่ายค้านได้ประกาศตั้งเงื่อนไขในการเข้าร่วม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การให้ปล่อยนางซูจีโดเยปราศจากเงื่อนไขใดๆ
ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารในต่างแดน กล่าวว่า การเลือกตั้งที่จะมีขึ้นนี้เป็นเพียงกลอุบายที่จะทำให้คณะปกครองทหารอยู่ในอำนาจต่อไปตลอดกาลนานเท่านั้น
สองสามปีมานี้องค์การสหประชาชาติได้ส่ง นายอิบรอฮิม แกมบารี (Ibrahim Gambari) เป็นทูตพิเศษเดินทางไปพบตัวแทนฝ่ายรัฐบาลกับนางซูจี เพื่อหาทางสร้างความปรองดองภายในชาติ แต่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
นายแกมบารี ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าพม่าครั้งล่าสุดในเดือน ก.พ.ปีนี้ ได้พบนางซูจีและผู้นำอาวุโสของสันนิบาตหลายคน แต่ไม่ได้เข้าพบผู้นำระดับสูงของพม่าเช่นครั้งก่อนๆ
สหประชาชาติเริ่มห่วงใยสถานการณ์ในพม่ามากยิ่งขึ้นเมื่อรัฐบาลทหารปราบปรามผู้เดินขบวนอย่างรุนแรงในเดือน ก.ย.2550 ทำให้มีผู้เสียชีวิราว 30 คน แต่ฝ่ายค้านกล่าวว่าจำนวนมีมากกว่านั้นหลายเท่า