ผู้จัดการออนไลน์-- รัฐบาลทหารพม่าได้สั่งทหารและตำรวจอาวุธครบมือ ตั้งแนวขวางกั้นปิดถนนหลายสายในกรุงย่างกุ้งเมื่อวันศุกร์นี้ ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปีการปราบปรามประชาชนที่เดินขบวนต่อต้านรัฐบาลอย่างโหดเหี้ยมและนองเลือด
เจ้าหน้าที่ยังรักษาการณ์อย่างแข็งขันเป็นพิเศษในอาณาบริเวณใกล้กับบ้านพักของนางอองซานซูจี ผู้นำฝ่ายค้าน รวมทั้งที่บริเวณศาลาว่าการนคร ซึ่งเกิดระเบิดขึ้นที่นั่น 1 ครั้งในวันพฤหัสบดี ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 7 ราย ในนั้น 1 คนอาการสาหัสและ ยังไม่มีกลุ่มใดกล่าวอ้างเป็นผลงาน
หนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ของรัฐบาลรายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบระเบิดอีก 1 ลูกวางอยู่ใกล้เคียงกันและตั้งเวลาให้ระเบิดทำงานในอีกครึ่งชั่วโมงถัดไป
ต่างไปจากครั้งก่อน เกือบจะทุกครั้งที่เกิดเหตุร้ายแรงเช่นนี้ ทางการมักจะชี้นิ้วไปยังกลุ่มต่อต้านในแดน 2-3 กลุ่มว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ถึงแม้จะยังไม่สามารถระบุได้ว่า ใครน่าจะอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิด แต่นักการทูตผู้หนึ่งกล่าว เหตุการณ์ดังกล่าวเพียงพอที่ฝ่ายทหารจะใช้เป็นข้ออ้างในการเข้มงวดกวดขันในวันครบรอบ 1 ปีเหตุการณ์นองเลือด
มีผู้เสียชีวิต 31 คนในการปราบปรามผู้เดินขบวนระหว่างวันที่ 26-29 ก.ย.2550 ทั้งนี้เป็นตัวเลขโดยประมาณขององค์การสหประชาชาติขณะที่รัฐบาลชาติตะวันตกกล่าวว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจริงๆ สูงกว่านั้นมาก นักข่าวช่างภาพชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งก็รวมอยู่ในนั้นด้วย
สัปดาห์นี้ทางการทหารพม่าประกาศให้อิสรภาพแก่นักโทษราว 9,000 คนจากเรือนจำต่างๆ ทั่วประเทศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชนกล่าวว่ายังมีนักโทษการเมืองถูกคุมขังอยู่อีกราว 700 คน
ในบรรดาผู้ที่ได้รับอิสรภาพยังรวมทั้งนายวินทิน (Win Tin) นักโทษการเมืองที่ถูกคุมขังยาวนานที่สุด นายทินเป็นนักหนังสือพิมพ์ได้รับการปล่อยตัวหลังถูกจำคุกเป็นเวลา 19 ปี.