ASTVผู้จัดการรายวัน-- นายเครก บาร์เร็ต (Craig Barrett) ประธานบริษัทอินเทล (Intel) ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ที่สุดในโลก มีกำหนดเดินทางเข้าเวียดนามสัปดาห์นี้ ซึ่งจะเป็นการยืนยันการลงทุนผลิตชิปมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ในประเทศนี้
ผู้บริหารสูงสุดของอินเทลมีกำหนดไปเยี่ยมชมโรงงานผลิตและทดสอบชิปแห่งแรกในนครโฮจิมินห์ด้วย ในการเดินทางเข้าเวียดนามครั้งแรกในรอบ 3 ปี นายบาร์เร็ตไปที่นั่นในต้นปี 2549 เพื่อเซ็นสัญญาลงทุนในเวียดนามครั้งที่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจขยายการลงทุนในช่วงปลายปีเดียวกัน
เดินทางเข้าเวียดนามอีกครั้งหนึ่งในวันศุกร์ (9 เม.ย.) นี้ นายบาร์เร็ตจะเข้าร่วมพิธีลงนามความตกลงระหว่างอินเทลกับกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรมเวียดนามภายใต้การสนับสนุนช่วยเหลือโครงการด้านการศึกษาของอินเทล พิธีจะจัดขึ้นในกรุงฮานอย
ประธานอินเทลมีกำหนดจะเข้าเยี่ยมคำนับ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋ง (Nguyen Tan Dung) พบหารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีศึกษาธิการฯ ดร.เหวียนเทียนเญิน (Nguyen Thien Nhan) กับ นายเลดว่านเหิบ (Le Doan Hop) รมว.กระทรวงโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ ด้วย
การกลับไปปรากฏตัวในเวียดนามของผู้บริหารสูงสุด เท่ากับการยืนยันแผนการลงทุนประกอบและทดสอบชิปในภาคใต้เวียดนาม ขณะที่ยังมีเสียงเล่าลือว่าผู้ผลิตชิปสำหรับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ที่สุดของโลกอาจจะถอนการลงทุนออกไปในท่ามกลางวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังลุกลามอยู่ทั่วโลก
นายบาร์เร็ตกำลังจะเดินทางต่อไปยังโฮจิมินห์นครใหญ่ทางภาคใต้ ซึ่งโรงงานประกอบและทดสอบชิปของอินเทลตั้งอยู่ที่นั่น ในสวนอุตสาหกรรมไฮเทค ในเขตอำเภอที่ 9 โดยการลงทุนของนักลงทุนจากญี่ปุ่น
ในโฮจิมินห์ประธานของอินเทลจะทำพิธีมอบทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาเวียดนามมีผ่านการสอบคัดเลือกจำนวน 20 คน เพื่อไปศึกษาวิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัยแห่งรัฐโอเรกอน เมืองพอร์ตแลนด์ ระหว่างปีการศึกษา 2552-2554 นี้
ทั้งหมดเป็นนักศึกษาที่เรียนสำเร็จจากมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจำนวน 6 แห่งในเวียดนาม และผ่านการสอบคัดเลือกที่ดำเนินการโดยอินเทล ตามแผนการศึกษาต่อต่างประเทศรวมมูลค้าเบื้องต้น 2 ล้านดอลลาร์ที่ร่วมกันประกาศในเดือน ธ.ค.2551
ในท่ามกลางข่าวเล่าลือในอุตสาหกรรมต่างๆ ว่า อินเทลมีแผนจะถอนการลงทุนจากเวียดนาม อันเป็นผลกระทบจากวิกฤติการณ์ทางการเงินในสหรัฐฯ ผู้บริหารในเวียดนามได้ยืนยัน ในสัปดาห์ปลายเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาว่า การก่อสร้างโรงงานในโฮจิมินห์กำลังดำเนินต่อไปและจะแล้วเสร็จตามกำหนดทุกประการ
"ไม่มีการเลื่อนใดๆ" นายเจิ่นจ่องฟุก (Tan Trong Phuc) ผู้จัดการของอินเทลเวียดนาม (Intel Vietnam) กล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างปราศรัยในการประชุมสัมมนาหัวข้อ "เทคโนโลยีในอนาคตกับเวียดนาม" ที่จัดขึ้นในนครโฮจิมินห์วันที่ 28 ก.พ.
โรงงานทดสอบและประกอบชิปจะแล้วเสร็จตามกำหนดการตอนสิ้นปี 2552 นี้ และ จะเริ่มการผลิตต้นปีหน้า ตามแผนงานเดิมทุกประการ นายฟุกกล่าว
อย่างไรก็ตามต้นเดือนเดียวกันอินเทลในเวียดนามได้ประกาศข่าวเกี่ยวกับการ "จัดองค์กรใหม่" ในจีน ซึ่งรวมถึงการปิดโรงงานในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะทำให้มีคนว่างงานเพิ่มขึ้นอีกราว 2,000 คน
ก่อนหน้านั้นในเดือน ม.ค.ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกออกแถลงว่า กำลังจะปิดโรงงานในมาเลเซียกับฟิลิปปินส์ หลังจากความต้องการชิปในตลาดโลกลดลงอย่างมากรายงานบนเว็บไซต์ของอินเทลคอร์ประบุว่าจะมีผู้ว่างงานลง 5,000-6,000 คนจากการปิดโรงงานในสองประเทศ
แต่นายฟุกกล่าวว่าการปิดโรงงานต่างๆ เหล่านี้อยู่ในแผนงานของอินเทลอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นโรงงานเก่าผ่านการใช้งานมานาน เพียงแต่สภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้ต้องดำเนินการก่อนกำหนด ส่วนโรงงานในเวียดนามกำลังจะจ้างงานราว 4,000 ตำแหน่งเริ่มในปลายปีนี้
"ในอนาคตเวียดนามจะเป็นศูนย์กลางการผลิตและทดสอบชิป" ผู้จัดการอินเทลในเวียดนามกล่าว
นายฟุกกล่าวอีกว่าแม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะลดลง แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมทั้งการยกเว้นจัดเก็บภาษีเงินได้เป็นเวลา 6 เดือน การลดดอกเบี้ย จะช่วยพยุงสถานการณ์และกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อคอมพิวเตอร์ในตลาด
ตามรายงานของสมาคมคอมพิวเตอร์เวียดนามปีที่แล้วทั้งตลาดจำหน่ายพีซีได้รวมกัน 1.8 ล้านเครื่อง คราดว่าปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้าน ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ธุรกิจก็จะต้องดำเนินต่อไป
อัตราเฉลี่ยการมีคอมพิวเตอร์ใช้งานในครอบครัวทั่วประเทศมีเพียงแต่ 10% เท่านั้น อัตราเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 50% ของครอบครัวในตัวเมืองต่างๆ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดพีซีเช่นเดียวกับตลาดชิป ยังมีช่องทางเติบโตได้อีกมาก
อินเทลคอร์ปซึ่งมีโรงงานประกอบและทดสอบชิปหลายแห่งในทั่วโลก ได้ตัดสินใจเข้าลงทุนในเวียดนามเมื่อต้นปี 2549 โดยครั้งแรกจะแบ่งเป็นสองเฟสและเงินทุนทั้งสิ้น 605 ล้านดอลลาร์
แต่ในปลายปีเดียวกันระหว่างการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งเอเชียแปซิฟิกหรือ "เอเปก" (APEC) ในกรุงฮานอย อินเทลได้เซ็นสัญญากับทางการเวียดนามอีกครั้งหนึ่งขยายการลงทุนเป็นประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการลงทุนแบบรวดเร็วไม่แบ่งเฟส การก่อสร้างโรงงานในโฮจิมินห์เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2550
การเข้าประกอบชิปของอินเทลได้ทำให้บริษัทประกอบอุปกรณ์ไอทีและการสื่อสาร รวมทั้งผู้ผลิตโออีเอ็ม (Original Enterprise Manufacturer) ขนาดใหญ่ระดับโลก เคลื่อนเข้าไปตั้งฐานการผลิตและประกอบในเวียดนามด้วย แม้ว่าวิกฤติเศรษฐกิจจะทำให้การก่อสร้างโรงงานหลายแห่งหยุดชะงักลงชั่วขณะก็ตาม.