ASTVผู้จัดการรายวัน--- บริษัทอินเทล (Intel Corp) กล่าวในวันอังคาร (2 มี.ค.) ว่า การก่อสร้างโรงงานประกอบและทดสอบชิปในนครโฮจิมินห์ ยังคงดำเนินต่อไปตามปกติและจะแล้วเสร็จตามกำหนดเดิม แม้ก่อนหน้านี้จะมีข่าวเล่าลือว่าวิกฤติการเงินในสหรัฐฯ อาจจะทำให้อินเทลฯ ถอนการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมด
"ไม่มีการเลื่อนใดๆ" นายเจิ่นจ่องฟุก (Tan Trong Phuc) ผู้จัดการของอินเทลประจำเวียดนามกล่าวถึงเรื่องนี้ระหว่างปราศรัยในการประชุมสัมมนาหัวข้อ "เทคโนโลยีในอนาคตกับเวียดนาม" ที่จัดขึ้นในนครโฮจิมินห์วันศุกร์ (28 ก.พ.) ที่ผ่านมา
โรงงานทดสอบและประกอบชิปจะแล้วเสร็จตามกำหนดการตอนสิ้นปีนี้ และพร้อมจะเริ่มการผลิตต้นปีหน้า หนังสือพิมพ์แทงเนียนรายงานอ้างคำกล่าวของนายฟุก เมื่อวันจันทร์ (2 มี.ค.)
อย่างไรก็ตามอินเทลคอร์ป ได้ประกาศเมื่อต้นเดือน ก.พ.ว่า กำลังจะ "จัดองค์กรใหม่" ในจีน รวมถึงการปิดโรงงานในนครเซี่ยงไฮ้ ซึ่งจะทำให้มีคนว่างงานเพิ่มขึ้นอีกราว 2,000 คน
ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าวในเดือน ม.ค.ว่า กำลังจะปิดโรงงานของบริษัทในมาเลเซีย กับในฟิลิปปินส์ หลังจากความต้องการชิปในตลาดโลกลดลงอย่างไม่คาดฝัน รายงานบนเว็บไซต์ของอินเทลคอร์ป ระบุว่า จะมีผู้ว่างงานลง 5,000-6,000 คนจากการปิดโรงงานในสองประเทศ
นายฟุกกล่าวว่าการปิดโรงงานเหล่านั้นอยู่ในแผนงานของอินเทลอยู่แล้วเนื่องจากเป็นโรงงานเก่าผ่านการใช้งานมานาน แต่สภาวะเศรษฐกิจโลกทำให้บริษัทต้องดำเนินการก่อนกำหนด
แต่โรงงานที่ตั้งอยู่ในสวนอุตสาหกรรมไฮเท็ต เขตอำเภอที่ 9 ของโฮจิมินห์กำลังจะจ้างงานราว 4,000 ตำแหน่งเริ่มในปลายปีนี้
"ในอนาคตเวียดนามจะเป็นศูนย์กลางการผลิตและทดสอบชิป" ผู้จัดการอินเทลในเวียดนามกล่าว
นายฟุกกล่าวอีกว่าแม้การขยายตัวทางเศรษฐกิจจะลดลง แต่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ซึ่งรวมทั้งการยกเว้นจัดเก็บภาษีเงินได้เป็นเวลา 6 เดือน การลดดอกเบี้ย จะช่วยพยุงสถานการณ์และกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อคอมพิวเตอร์ในตลาด
ตามรายงานของสมาคมคอมพิวเตอร์เวียดนามปีที่แล้วทั้งตลาดจำหน่ายพีซีได้รวมกัน 1.8 ล้านเครื่อง คราดว่าปีนี้ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 ล้าน ท่ามกลางเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ธุรกิจก็จะต้องดำเนินต่อไป
อัตราเฉลี่ยการมีคอมพิวเตอร์ใช้งานในครอบครัวทั่วประเทศมีเพียงแต่ 10% เท่านั้น อัตราเพิ่มสูงขึ้นเป็นประมาณ 50% ของครอบครัวในตัวเมืองต่างๆ สถิติจากแล่งเดียวกันระบุ ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นว่าตลาดพีซีเช่นเดียวกับตลาดชิป ยังมีช่องทางเติบโตได้อีกมาก
อินเทลคอร์ปซึ่งมีโรงงานประกอบและทดสอบชิปหลายแห่งในทั่วโลก ได้ตัดสินใจเข้าลงทุนในเวียดนามเมื่อต้นปี 2549 โดยตอนแรกจะแบ่งเป็นสองเฟสและเงินทุนทั้งสิ้น 605 ล้านดอลลาร์
แต่ในปลายปีเดียวกันระหว่างมีการประชุมผู้นำกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจแห่งเอเชียแปซิฟิกหรือ "เอเปก" (APEC) ในกรุงฮานอย อินเทลคอร์ปได้เซ็นสัญญากับทางการเวียดนามอีกครั้งหนึ่งขยายการลงทุนเป็นประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์ เป็นการลงทุนแบบรวดเร็วไม่แบ่งเฟส การก่อสร้างโรงงานในนครโฮจิมินห์เริ่มขึ้นตั้งแต่ต้นปีนั้น
การเข้าประกอบชิปของอินเทลได้ทำให้บริษัทประกอบอุปกรณ์ไอทีและการสื่อสาร รวมทั้งผู้ผลิตโออีเอ็ม (Original Enterprise Manufacturer) ขนาดใหญ่ระดับโลก เคลื่อนเข้าไปตั้งฐานการผลิตและประกอบในเวียดนามด้วย.