ASTVผู้จัดการรายวัน-- แผนการก่อตั้ง "สตอคข้าวกลาง" ของรัฐบาลลาวใกล้ความจริงหลังดำเนินงานมาข้ามปี เดือน ก.ค.ปีนี้การเก็บสถิติข้อมูลต่างๆ จะแล้วเสร็จ ซึ่งจะเป็นส่วนประกอบสำคัญในการติดตามสถานการณ์ข้าวตลอดปี พิจารณาปริมาณข้าวเพื่อบริโภคในประเทศและปริมาณที่ส่งออกได้
หลังจากได้รับผลกระทบจากสภาวะข้าวยากหมากแพงในระดับโลกต้นปีที่แล้ว รัฐบาลลาวได้ขอความร่วมมือช่วยเหลือเรื่องนี้จากองค์การอาหารและการเกษตรแห่งสหประชาชาติ (Food and Agriculture Organization)
สำนักงาน FAO ในนครเวียงจันทน์ออกรายงานสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่าการดำเนินการจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค. ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจต่อสถานการณ์ข้าวในประเทศได้ดีขึ้น ช่วยให้การวางแผนเกี่ยวกับการพัฒนาการผลิตข้าว สภาพแวดล้อมและการพัฒนาเศรษฐกิจได้ดียิ่งขึ้น
ลาวซึ่งมีประชากรประมาณ 6 ล้านคน ผลิตข้าวได้มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จนเหลือบริโภคในประเทศ และ ยังสามารถส่งออกได้จำนวนหนึ่ง แม้ระทั่งในปีที่เกิดอุทกภัยรุนแรง
รัฐบาลลาวได้ประกาศเมื่อปีที่แล้วเกี่ยวกับแผนการที่จะเพิ่มการผลิตและกลายเป็นประเทศส่งออกข้าวอีกรายหนึ่งในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ตามรายงานของสำนักงาน FAO ในเวียงจันทน์ โครงการเก็บรวบรวมสถิติเกี่ยวกับข้าวได้รับความร่วมมือช่วยเหลือจากองค์การเพื่อการพัฒนาและความร่วมมือแห่งสวิตเซอร์แลนด์ (Swiss Agency for Development and Cooperation) หรือ SDC ซึ่งในอนาคตจะช่วยให้กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ของลาว สามารถดำเนินการในโครงการอื่นๆ ต่อไปอีกด้วย
นายเซอร์เจ เวอร์เนียว (Serge Verniau) ผู้แทน FAO ประจำลาว กล่าวว่าการขาดข้อมูลสถิติที่เป็นปัจจุบันเกี่ยวกับการผลิตและการบริโภคข้าว ได้ทำให้เกิดช่องว่างระหว่างกระทรวงกสิกรรมฯ กับกระทวงแผนการและการลงทุน
คณะทำงานเร่งด่วนชุดหนึ่งนำโดยผู้เชี่ยวชาญของFAO ได้ลงเก็บข้อมูลตัวเลขพื้นฐาน ตั้งแต่ระดับครอบครัวในท้องถิ่นขึ้นไปจนถึงระดับแขวง (จังหวัด) โดยร่วมกับเจ้าหน้าที่กระทรวงกสิกรรมฯ กรมสถิติของลาว และ องค์การศุภนิมิตระหว่างประเทศ (World Vision International) ผ่าน SDC
จนถึงขณะนี้มีการส่งข้อมูลจากทั้ง 17 แขวงแล้วประมาณ 90% ทั้งที่เป็นข้อมูลชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง จะได้ผ่านการวิเคราะห์และพิจารณาออกมาเป็นปริมาณข้าวที่มีทั้งหมด รวมทั้งให้เห็นระบบการตลาดข้าวในประเทศ ก่อนจะเผยแพร่ลงสู่แขวงและท้องถิ่นต่างๆ
หลังเกิดภาวะวิกฤติอาหารเมื่อปีที่แล้ว กระทรวงกสิกรรมฯ กับกระทรวงแผนการฯ ได้ขอความช่วยเหลือจาก FAO เพื่อหาทางเลี่ยงมิให้เกิดสภาวะราคาอาหารผันผวนอย่างรุนแรง ที่กระทบต่อความมั่นคงด้านอาหาร สภาวะทุโภชนาการในชนบทและจำกัดสิทธิในการเข้าถึงอาหารของคนยากจน
ผู้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากโครงการจัดเก็บข้อมูลและศึกษาวิจัยครั้งนี้คือ ชาวนาผู้ผลิตข้าวซึ่งมีบทบาทโดยตรงต่อความมั่นคงด้านอาหารของประเทศรายงานของ FAO ระบุ
จำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลต้องมีภาพรวมชัดเจนเกี่ยวกับข้าวอันเป็นผลผลิตการเกษตรที่ชาวลาวต้องขึ้นต่อมากที่สุด การเข้าใจถ่องแท้ต่อสถานการณ์ข้าวที่เป็นปัจจุบันและมองภาพอนาคตได้อย่างชัดเจน เป็นพื้นฐานจำเป็นในการกำหนดยุทธศาสตร์ความมั่นคงดานอาหารของประเทศอีกด้วย คำแลงของ FAO กล่าว
"ด้วยสภาวะแวดล้อมแรงจูงใจกับนโยบายที่เหมาะที่ควร ชาวนาลาวสามารถที่จะเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาประเทศได้" คำแถลงระบุ
