xs
xsm
sm
md
lg

เวียดนามหยุดส่งออกจนถึง ก.ค.สร้างราคาแข่งข้าวไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#660099> ภาพ Reuters วันที่ 16 ก.พ.2552 ชาวนาในเขตรอบนอกกรุงฮานอยกำลังเร่งปักดำ ส่วนชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงกำลังเก็บเกี่ยวข้าวฤดูต้นปี เวียดนามจะมีข้าวส่งออกตลอดต้นปีนี้ แต่รัฐบาลสั่งระงับการเซ็นสัญญาซื้อขายข้าวจนถึงเดือน มิ.ย. โดยกล่าวว่าการส่งออกถึงเป้าที่ตั้งเอาไว้ตลอดครึ่งแรกของปีแล้ว   </FONT></CENTER>

ASTV ผู้จัดการรายวัน-- ขณะที่กำลังเร่งส่งมอบข้าวลอตต้นปี 1.5 ล้านตันให้แก่ฟิลิปปินส์ และยอดสั่งซื้อกำลังพุ่งแรง รัฐบาลได้สั่งให้สมาคมอาหารเวียดนามหรือ VietFood (Food Association of Vietnam) หยุดทำสัญญาซื้อขายข้าวจนถึงสิ้นเดือน มิ.ย. โดยให้เหตุผลว่า การส่งออกได้บรรลุยอดในครึ่งแรกของปีแล้ว แม้ว่าเพิ่งจะย่างเข้าเดือนที่สามก็ตาม

อย่างไรก็ตามผู้สังเกตการณ์กล่าวว่า นี่คือกลยุทธ์ด้านการตลาดของเวียดนามในปีนี้

สมาคมอาหารฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานกึ่งทางการที่กำกับดูแลการส่งออกข้าวของประเทศ ประกาศบนเว็บไซต์ระบุว่า จะดำเนินการเฉพาะลงทะเบียนข้าวที่จะส่งมอบในช่วงนี้จนถึงเดือน พ.ย.2552 เท่านั้น โดยไม่มีการเซ็นซื้อขายใดๆ เพิ่มเติมใดๆ อีก ซึ่งเป็นไปตามนโนยาบายรัฐบาลที่ต้องการสร้างเสถียรภาพราคาในประเทศ

ผู้ค้าบางรายกล่าวว่า การหยุดส่งออกในช่วงนี้นับเป็นกลยุทธ์ด้านการตลาดของเวียดนาม หลังจากที่เคยสรุปบทเรียนว่า เคยรีบขายข้าวราคาถูก แต่พอตลาดโลกต้องการมากขึ้นในช่วงปลายปีกลับไม่มีข้าวขาย ปล่อยให้ข้าวไทยกอบโกยผลกำไรงามแต่เพียงผู้เดียว

"เราไม่ต้องการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ส่งออกข้าวมากจนเกินไปในครึ่งแรกของปีและไม่มีข้าวเหลือส่งออกอย่างเพียงพอสำหรับสัญญา (ซื้อ) ต่างๆ หลังจากนั้น" นายหวี่งมีงห์เหว (Huynh Minh Hue) รักษาการเลขาธิการ VietFood ให้สัมภาษณ์จากนครโฮจิมินห์ ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์แทงเนียน (Thanh Nien) หรือ "ยุวชน"

สัปดาห์กลางเดือน ก.พ.นี้รัฐบาลได้ปรับเป้าส่งออกข้าวประจำปีขึ้นเป็น 4.5-5.0 ล้านตัน จากที่เคยกำหนดไว้เพียงประมาณ 4 ล้านตันในเดือน ม.ค. หลังจากได้ข้อมูลใหม่ว่าสามารถผลิตข้าวได้มากขึ้น แต่ทั้งหมดนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อสามารถสร้างหลักประกันได้ว่า จะไม่เกิดการขาดแคลนขึ้นภายในประเทศ

นายเดี๊ยบกี่งเติ๋น (Diep Kinh Tan) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรกล่าวในสัปดาห์กลางเดือน ก.พ.นี้ว่าตลอดปี 2552 นี้จะมีข้าวเหลือบริโภคและส่งออกได้ถึง 6.4 ล้านตัน เนื่องจากสภาพลมฟ้าอากาศเอื้ออำนวย ชาวนาในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงสามารถผลิตข้าวได้มากขึ้น แม้ว่าการเก็บเกี่ยวข้างฤดูต้นปีกำลังดำเนินอยู่ก็ตาม

ส่วนนายกาวดึกฟ๊าต (Cao Duc Phat) รมว.กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท กล่าวในช่วงเดียวกันว่า เฉพาะช่วงเดือน ก.พ.-มี.ค.นี้ ชาวนาเวียดนามจะเก็บเกี่ยวข้าวได้ราว 5 ล้านตันในเนื้อที่นาเพียงครึ่งเดียวของทั้งหมดราว 1.8 ล้านเฮกตาร์ (ประมาณ 11 ล้านไร่) ทั่วเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง

ต้นปีนี้เวียดนามเคยทำท่าจะโหมการส่งออกข้าวมากกว่าทุกปี รัฐบาลได้ขอให้ธนาคารแห่งรัฐ (State Bank of Vietnam) กำชับแบงก์ทุกแห่งให้ปล่อยกู้แก่ชาวนา และผู้ค้าที่ออกซื้อข้าวจากชาวนาเพื่อส่งออก ทั้งนี้เพื่อเร่งระบายผลผลิตไม่ให้คั่งค้าง อันจะเป็นสาเหตุทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำ

แต่ขณะเดียวกันทางการเวียดนามก็ได้พยายามไม่ให้เกิดความโกลาหลขึ้นซ้ำรอยเช่นต้นปีที่แล้ว เมื่อเกิดความแตกตื่นตกใจ ครอบครัวต่างๆ ในเมืองใหญ่ออกกว้านซื้อข้าวสารในตลาดเข้าเก็บ ด้วยเกรงว่าจะเกิดยุคข้างยากหมากแพง

เวียดนามเป็นผู้ส่งออกข้าวมากเป็นอันดับสองรองจากประเทศไทยเท่านั้น และ การส่งออกข้าวของเวียดนามเป็นปริมาณมากช่วงต้นปีได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาข้าวคุณภาพดีจากประเทศไทยราคาตกลงในตลาดโลก

ลูกค้าประจำของข้าวไทยหลายประเทศรวมทั้งสิงคโปร์ ได้หันไปซื้อข้าวราคาถูกกว่า เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์และสมาคมผู้ค้าข้าวในกรุงเทพฯ ได้ออกยอมรับเรื่องนี้สัปดาห์ที่ผ่านมา

ยังไม่มีการเปิดเผยว่าจนถึงปัจจุบันเวียดนามมียอดสั่งซื้อข้าวที่จะต้องส่งมอบไปจนถึงเดือน พ.ย.ปีนี้ เป็นปริมาณทั้งสิ้นกี่ล้านตัน แต่มีการแถลงก่อนหน้านี้ว่า จะต้องเร่งส่งมอบข้าวสารผสมเมล็ดหักปริมาณ 1.5 ล้านตันให้แก่ฟิลิปปินส์ภายในเดือน มี.ค.ศกนี้ และในเดือน ก.พ.กำลังจะมีการส่งออกข้าวทั้งหมดราว 90,000 ตัน

รัฐบาลเวียดนามได้มีมติในวันที่ 15 ม.ค. ให้ใช้เงินงบประมาณ 1,000 ล้านดอลลาร์สนับสนุนหรือชดเชยอัตราดอกเบี้ยให้แก่ธนาคารแห่งต่างๆ ที่ปล่อยกู้ให้แก่ชาวนากับผู้ค้าข้าว งบประมาณจำนวนดังกล่าวรวมอยู่ในงบกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ารวม 6,000 ล้านดอลลาร์

"บริษัทค้าข้าวจะได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากโครงการสนับสนุนเงินทุนของรัฐบาล" ธนาคารแห่งรัฐฯ กล่าวบนเว็บไซต์ของ SBV เมื่อวันศุกร์ ระบุว่านายเหวียนวันโหย่ว (Nguyen Van Giau) ได้สั่งให้ธนาคารแห่งต่างๆ ที่ส่วนใหญ่รัฐบาลถือหุ้นส่วนข้างมาก เพิ่มสินเชื่อให้แก่ภาคการเกษตร "อย่างมีประสิทธิภาพ"

ตามรายงานของสมาคมผู้ส่งออกข้าวแห่งประเทศไทย (Thai Rice Exporters Association) ยอดส่งออกเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ลดลงถึง 38% ต่างไปจากเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งยอดพุ่งโลดและราคา เริ่มเชิดหัวจนกระทั่งทำสถิติสูงสุดเกือบ 1,000 ดอลลาร์ต่อตันในไตรมาสสองของปี หรือกว่านั่นสำหรับข้าวเกรดดีบางชนิด

ยอดส่งออกในเดือน ม.ค.เหลือเพียง 630,000 ตัน เทียบกับ 1.1 ล้านตัน ในเดือนเดียวกันปี 2551 สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างตัวเลขที่เปิดเผยโดยนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น