xs
xsm
sm
md
lg

เที่ยวทางบกไทย-เวียดนาม เละหั่นราคาบริการสุดแย่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#cc00cc> ภาพจากแฟ้มปี 2548 ปีที่การท่องเที่ยวทางบกจากไทยไปเวียดนามเริ่มเฟื่องฟู นักท่องเที่ยวจากประเทศไทยกลุ่มนี้ถ่ายรูปหมู่กันที่ป้ายโฆษณาการท่องเที่ยว จ.กว๋างจิ (Quang Tri) ปลายทางหลวงเลข 9 ลาว-เวียดนาม ปัจจุบันสถานการณ์เริ่มเปลี่ยนไป ราคาถูกลงแต่คุณภาพของบริการย่ำแย่ </FONT></CENTER>
ผู้จัดการ360รายสัปดาห์ — นักท่องเที่ยวทางบกที่เดินทางเข้าออกไทย ลาว และเวียดนาม เริ่มมีจำนวนลดลงมากเมื่อปีที่แล้ว หลังจากที่เคยบูมสุดขีดระหว่างปี 2549-2550 ผู้ประกอบการต่างกล่าวหากันเอง ต่างฝ่ายต่างหั่นราคาเพื่อชิงลูกค้า ขณะที่บริการมีคุณภาพเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัด

จำนวนนักท่องเที่ยวทางบกเข้าเวียดนามลดฮวบลงราว 30% ในปี 2551 หนังสือพิมพ์เหงือยลาวด่ง (Nguoi Lao Dong) หรือ “คนงาน” รายงานเรื่องนี้โดยอ้างตัวเลขของบริษัทท่องเที่ยวต่างๆ

ผู้ประกอบการใน จ.กว๋างจิ (Quang Tri) กล่าวว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าเวียดนามผ่านด่านลาวบ๋าว (Lao Bao) เคยพุ่งสูงมากในช่วงสองปีก่อน จนอาจจะเรียกว่า “ยุคทอง” ขณะที่จำนวนผู้ประกอบการท่องเที่ยวที่เคยมีอยู่ไม่กี่ราย ก็ได้เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 20 เจ้า และนำมาซึ่งปัญหา

คุณภาพบริการเริ่มเสื่อมลงเรื่อยๆ เนื่องจากผู้ให้บริการต่างตัดราคาลงจนถึงระดับ “ต่ำอย่างเหลือเชื่อ” เพื่อดึงดูดลูกทัวร์

เจ้าหน้าที่บริษัท เวียงจำปาท่องเที่ยว ในแขวงสะหวันนะเขต ของลาว กล่าวว่า ผู้นำเที่ยวทางฝั่งเวียดนามบางรายเสนอค่าบริการต่อหัวเพียง 30 ดอลลาร์ สำหรับการท่องเที่ยวนครเหว-ด่าหนัง (Hue-Danang) รวม 3 วันกับ 4 คืน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
<CENTER><FONT color=#cc00cc> เพิ่งจะถึงเซท่ามวกบนทางหลวงเลข 9 ในแขวงสะหวันนะเขตของลาว แม้ว่าสองข้างทางจะค่อนข้างแห้งแล้ง แต่ก็มีทัศนียภาพสวยงาม การเดินทางผ่านสะพานมิตรภาพ (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ไปยัง 7 จังหวัดในแถบภาคกลางเวียดนามได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงไม่กี่ปีมานี้  </FONT></CENTER>
ขณะเดียวกัน การหั่นราคาก็ได้สร้างความไม่น่าเชื่อถือในหมู่นักท่องเที่ยวจากต่างแดน

นายเลแองเซิน (Le Anh Son) รองผู้อำนวยการบริษัท DMZ Travel ในกว๋างจี กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยได้ร้องเรียนเรื่องนี้หนาหู ส่วนใหญ่จะกล่าวถึงบริการที่ไม่ดี คุณภาพต่ำมาก ทำให้ไม่อยากกลับไปเวียดนามอีก

ตัวเลขที่รวบรวมได้จากบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ได้บ่งชี้ว่า ปี 2551 จำนวนนักท่องเที่ยวจากไทยและลาว ได้ลดลงเหลือเพียง 50-60% จากปี 2550 ซึ่งได้ทำให้กิจการนำเที่ยวของบริษัทในเวียดนามแย่ลงตามๆ กัน หนังสือพิมพ์ของทางการกล่าวโดยไม่ได้ให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด
<CENTER><FONT color=#cc00cc> ภาพจากแฟ้มปี 2548 สำนักงานการท่องเที่ยวโฮยอาน (Hoi An) จัดรถคณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยถึงสะหวันนะเขต ก่อนจะนำคณะมุ่งสู่ด่านแดนสะหวัน-ลาวบ๋าว (Lao Bao) ที่อยู่ห่างออกไปเพียงประมาณ 240 กม. นั่นเป็นช่วงปีที่เวียดนามรณรงค์ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางบกอย่างหนักและได้ผลดีมาก </FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#cc00cc> เมืองมรดกโลกโฮยอาน (Hoi An) จ.กว๋างนาม (Quang Nam) มีมนต์เสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากซีกโลกตะวันออกและตะวันตก </FONT></CENTER>
<CENTER><FONT color=#cc00cc> ทีกปีจนถึงปัจจุบันการท่องเที่ยวเวียดนามยังคงจัดงานแสงสีเสียงประกอบการแสดงที่เจดีย์หมีเซิน (My Son) จ.กว๋างนาม หมู่เจดีย์ตั้งแต่ยุคอาณาจักรจัม (จาม) เป็นอีกปลายทางหนึ่งของนักท่องเที่ยวทางบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศไทย แต่สื่อของทางการรายงานว่าวันนี้ชาวไทยเริ่มหายหน้าเพราะบริการแย่ลง</FONT></CENTER>
บริษัทนำเที่ยวหลายแห่งได้แปลงรูปแปลงร่างเปลี่ยนชื่อใหม่ เพื่อลงแข่งราคาให้บริการ ซึ่งผลก็คือ ลูกค้าก็ยิ่งน้อยลงเนื่องจากบริการเลวลง ขณะที่ยังต้องจ่ายอยู่เหมือนเดิม

นายเจิ่นซวนฮวี (Tran Xuan Huy) ผู้อำนวยการบริษัท Route 9 Travel ในกว๋างจิ ยอมรับว่า ก่อนนี้เคยตั้งราคาสูงกว่าคู่แข่งรายอื่นๆ เพื่อรับนักท่องเที่ยวระดับบนจากไทยและลาว ปัจจุบันได้เริ่มหั่นราคาลงตามบริษัทคู่แข่งอื่นๆ

นายเจิ่นวันฟ๊วก (Tran Van Phuoc) ผู้อำนวยการบริษัทท่องเที่ยวแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม กล่าวกับ “เหงือยลาวด่ง” ว่า ทุกวันนี้บริษัทนำเที่ยวในเวียดนามขาดความเป็นมืออาชีพ พอใจแค่ผลกำไรเล็กๆ น้อยๆ

ส่วน นายเหวียนวันวอน (Nguyen Van Von) ผู้อำนวยการบริษัท เวียดทัวร์ (Viet Tour) ซึ่งอยู่ในไทย ก็กล่าวว่า นักท่องเที่ยวชาวไทยลดจำนวนลงอย่างมาก เนื่องจากบริการไม่ประทับใจ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่อยากจะกลับไปเที่ยวภาคกลางเวียดนามอีก
กำลังโหลดความคิดเห็น