ถึงแม้ว่าหนังสือแปล “แฮร์รี พ็อตเตอร์” จะขายดีมาก แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นที่ฮือฮามากนัก ต่างไปจากหนังสืออีกเล่มหนึ่ง ซึ่งเป็นนวัตรกรรมชิ้นประวัติศาสตร์ ในแวดวงน้ำหมึกของเวียดนาม
นี่คือ “หนังสือโป๊” เล่มแรกที่มีวางจำหน่ายในร้านหนังสือชั้นนำของประเทศ ในขณะที่ร้านหนังสือของรัฐส่วนใหญ่ ตลอดเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา เต็มไปด้วยหนังสือแนวลัทธิมาร์กซ์-เลนินและอุดมการณ์สังคมนิยม
ในร้านหนังสือของรัฐมีรูปภาพของคาร์ล มาร์กซ์ กับ เฟเดอริก แองเกิล แต่ในร้านหนังสือของเอกชนมีรูปภาพของเทพธิดาวีนัสแห่งฮานอย
“Springtime” จึงมีนัยสำคัญทางประวัติศาสตร์ในฐานะที่เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายแนวกามศิลป์ (Erotic Art) ที่เรียกกันง่ายๆ ว่า “อัลบั้มภาพนู้ด” เล่มแรกของประเทศคอมมิวนิสต์แห่งนี้
“ตอนแรกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร แต่เมื่อได้อ่านจึงรู้ว่าหนังสือมันมีคุณค่ากว่าที่คิด” มิตรสหายเก่าแก่จากนครโฮจิมินห์ ซึ่งเป็นคนหิ้ว Springtime ขึ้นเครื่องมาฝากทีมข่าวอินโดจีน บอกความรู้สึกเกี่ยวกับวรรณกรรมชิ้นประวัติศาสตร์นี้
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นแค่ “อัลบั้มภาพนู้ด” ธรรมดา
เหวียนถายเฟียน (Nguyen Thai Phien) ช่างภาพที่ถูกจารึกชื่อในประวัติศาสตร์หน้าใหม่นี้ ได้บอกเล่าถึงแรงบันดาลใจและความประทับใจส่วนตัวต่อความงดงามในเรือนร่างของสตรีเพศ โดยมองว่าสิ่งนี้เป็นของขวัญล้ำค่าที่ธรรมชาติบรรจงสร้างมาให้แก่มวลมนุษย์
อัลบั้มนู้ดเล่มประวัติศาสตร์มีความหนา 104 หน้า ไม่นับรวมแผ่นรองปกหน้า-หลัง รูปเล่มมีขนาด 25.5x25.0 เซนติเมตร จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ NXB Van Nghe นครโฮจิมินห์ ติดบาร์โค้ดแจ้งจำหน่ายราคา 170,000 ด่ง หรือประมาณ 300 บาท และจัดจำหน่ายโดยร้านหนังสือฟาฮาซา (Fahasa) ที่มีเครือข่ายทั่วประเทศ
ที่อยู่ในมือเราขณะนี้เป็นเพียง 1 ในจำนวน 2,000 เล่มที่พิมพ์ครั้งแรก ซึ่งมิตรสหายของเราบอกว่าตอนที่รีบไปหาซื้อช่วงกลางเดือน ม.ค. มีเหลืออยู่ไม่กี่เล่มที่ร้านสาขาถนนเลเลย (Le Loi) และ เป็น 2 เล่มสุดท้ายในอีกร้านหนึ่งที่ถนนด่งเขย (Dong Khoi) นั่นเป็นเวลาเพียง 2 สัปดาห์หลังออกวางแผง
อัลบั้มนู้ดประวัติศาสตร์แบ่งออกเป็น 3 หมวดใหญ่ โดยใช้ชื่อ Springtime (ฤดูใบไม้ผลิ) The Legend of Venus (ตำนานแห่งวีนัส) และ Fly Away (เหินเวหา) ตามลำดับ ในแต่ละหมวดคแสดงภาพถ่ายขาวดำกับภาพสีของนางแบบราว 10 คน จำนวนกว่า 70 ภาพ
แน่นอน...The Legend of Venus สร้างความประทับใจได้อย่างเต็มตาที่สุด
อัลบั้มนู้ดแรกสุดของประเทศ ยังมีคำนิยมที่น่าสนใจยิ่งจากบุคคล 2 คน คือ นายจูจี๋แถ่ง (Chu Chi Thanh) กับ นายฟัมกิ๋ง (Pham Kinh) คนแรกเป็นนักวิจารณ์ภาพถ่ายและนักวิจัยทฤษฎี ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนคนหลังเป็นประธานสมาคมศิลปะสถาน กับประธานสมาคมภาพถ่ายนครโฮจิมินห์
บุคคลทั้งสองให้ความเห็นเอาไว้น่าสนใจยิ่ง
นักวิจารณ์และวิจัยได้เสนอแนะให้ผู้อ่านแยกแยะคำว่า “ศิลปะ” กับ “ลามกอนาจาร” ออกจากกัน และ ควรจะมองว่าภาพนู้ดเป็นศิลปะแขนงหนึ่งในการถ่ายภาพ ซึ่งในปัจจุบันมีช่างภาพทั้งชายและหญิงจำนวนไม่น้อยกำลังทำงานอยู่ในแขนงงานนี้ เช่นเดียวกันกับการถ่ายภาพเนื้อหาอื่นๆ
“จีนโบราณเคยถือว่าภาพนู้ดเป็นเรื่องของหญิงงามเมือง แต่ในวันนี้มีการพิมพ์หนังสือและนิตยสารภาพนู้ดออกมามากมายและจำหน่ายทั่วประเทศ ภายใต้ชื่อ-ภาพแห่งเรือนกาย-ในประเทศไทย หรือในญี่ปุ่นก็ไม่มีการพูดกันว่าภาพศิลป์เหล่านี้ไปขัดต่อวัฒนธรรมอย่างไร” นายจี๋แถ่งกล่าวในตอนหนึ่ง
“ในสายตาของข้าพเจ้า ภาพนู้ดเป็นศิลปะแขนงหนึ่งในการถ่ายภาพ มันมีคุณค่าแห่งลัทธิความงาม (aestheticism) อย่างแท้จริง และยังเป็นประโยชน์ในการให้การศึกษาเกี่ยวกับความงาม (beauty) ด้วย”
“ข้าพเจ้ายังไม่เคยเห็นภาพนู้ดภาพใดในโลกนี้ที่ส่งผลกระทบด้านการเมือง บ่อนทำลายสังคม ทำให้ความกระตือรือร้นของมวลมนุษย์ย่อหย่อนและจรรยาบรรณเสื่อมถอย”
ส่วนนายกิ๋งกล่าวถึงคุณภาพงานใน Springtime ว่าถายเฟียนได้ใช้องค์ประกอบของศิลปะอย่างหลากหลายในการสร้างสรรค์ภาพถ่าย ไม่ว่าจะเป็นเส้น เงา แสง สี ความชัดเจนหรือความพร่ามัว ทำให้ภาพที่ออกมา “เต็มไปด้วยจังหวะและน้ำเสียง” ราวกับได้ชมซิมโฟนีแห่งมนุษยชาติที่แสนโรแมนติก
แน่นอน... ถายเฟียน ไม่ใช่ช่างภาพมือใหม่ เขาใช้เวลา 15 ปีที่ผ่านมาทุ่มเทให้กับงานถ่ายภาพนู้ดที่หลงใหล เจ้าตัวกล่าวว่าเส้นทางที่เลือกเดินนี้อันตรายยิ่ง จนบางครั้งเกือบจะล้มเลิก แต่แล้วก็ไม่สามารถดับไฟที่คุโชนอยู่ในหัวใจลงได้
“ผมได้ใช้เวลาหลายปีอย่างเงียบๆ ในการเชิดชูความงดงามแห่งจิตใจกับเรือนร่างที่พระผู้เป็นเจ้าจงใจประทานมาให้แก่สตรีเพศโดยเฉพาะ ผมเป็นเพียงวิหกน้อยที่นัยตาบอดสนิทและถูกความงดงามนั้นตัดสินให้ถูกจองจำชั่วชีวิต” ถายเฟียนกล่าวเอาไว้ในย่อหน้าหนึ่งของคำนำ
ตามประวัติที่แนบมาด้วย เหวียนถายเฟียน เกิดที่นครเหว (Hue) ใน ค.ศ.1960 เติบโตทันได้เห็นการรุกรบใหญ่เทศกาลตรุษ (Tet Offensive) ของฝ่ายคอมมิวนิสต์
ถายเฟียนเป็นสมาชิกสมาคมนักถ่ายภาพแห่งเวียดนามและอีกหลายสมาคมด้านศิลปะในประเทศ ภาพถ่ายของเขาเคยได้รับรางวัลต่างๆ มาแล้วรวม 46 รางวัลทั้งในประเทศและในระดับสากล ภาพจำนวน 300 ภาพเคยถูกนำไปแสดงงานต่างๆ ในกว่า 60 ประเทศ
ภาพใน Springtime หลายภาพเคยได้รับรางวัลชนะเลิศหรือเคยนำไปแสดงในฮ่องกง เกาหลี และไกลออกไปถึงสหรัฐฯ อาร์เยนตินา ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ สเปน โรมาเนีย โครเอเทีย กับ เชโกสโลวะเกียในอดีต
ยิ่งไปกว่านั้น.. "ถ้อยคำและประโยคที่เฟียนใช้บรรยายเกี่ยวกับการทำงานและเขียนถึงนางแบบของเขา มีความไพเราะและหมดจดงดงามมาก เขาไม่ได้เป็นแค่ช่างภาพ แต่ยังเป็นกวีอีกด้วย" สหายจากโฮจิมินห์ของเรา ซึ่งเป็นอดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์รายวันฉบับหนึ่งกล่าวแบบฟันธง
ถายเฟียนเขียนเอาไว้ในหน้าหนึ่งว่า บางครั้งงานของเขาก็ได้ออกมาอย่างบังเอิญ
ภาพที่ได้รับรางวัลบางชิ้น เขากดชัตเตอร์ตอนที่นางแบบกำลัง "แอบสวย" รวมทั้งภาพที่นางแบบคนหนึ่งกำลังเงยหน้า สยายผมยาว ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญแท้ๆ ในขณะที่งานซึ่งถ่ายออกมาอย่างตั้งใจก่อนหน้านั้นนับร้อยชิ้น กลับไม่ใช่อย่างที่ต้องการ
ถายเฟียนต้องทำงานร่วมกับนางแบบสาวที่อายุยังน้อย และ ส่วนใหญ่ไม่ยอมให้ช่างภาพแตะเนื้อต้องตัวเสียด้วยซ้ำ แต่ภาพที่ดีที่สุดจำนวนหนึ่งกลับได้ออกมาในอิริยาบถที่สาวเจ้ากำลังเขินอาย.. นี่ก็เป็นเรื่องบังเอิญอีกเช่นกัน.