xs
xsm
sm
md
lg

15 พ.ย. ขับรถพวงมาลัยขวาจากไทยไปเที่ยวเวียดนาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<bR><FONT color=#FF0000>ภาพถ่ายวันที่ 19 ก.ย.2552 รถบัสโดยสารประจำทางระหว่างเวียดนามกับลาว จอดที่สถานีขนส่งสายใต้ชานนครเวียงจันทน์ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการเดินทางไปมาหาสู่กันในอนุภูมิภาค หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.เป็นต้นไปเวียดนามจะอนุญาตให้รถยนต์ส่วนตัวที่ขับพวงมาลัยขวาจากประเทศไทย เดินทางเข้าได้คราวละ 30 วันเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว </FONT></bR>

ผู้จัดการ360องศารายสัปดาห์-- กระทรวงขนส่งเวียดนามกำลังจะประกาศใช้กฎระเบียบใหม่ ที่ได้รับความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีแล้วโดยตั้งแต่วันที่ 15 พ.ย.ปีนี้เป็นต้นไป เจ้าของรถยนต์ที่ขับพวงมาลัยขวาจากประเทศไทยสามารถขับเข้าไปเที่ยวเวียดนามได้เป็นเวลา 30 วัน

โฆษกกระทรวงขนส่งกล่าวว่า ปัจจุบันกำลังเร่งดำเนินการจัดทำแผ่นป้ายสัญญาณจราจร เพื่อนำไปติดตั้งตามทางหลวงสายสำคัญต่างๆ อำนวยความสะดวกให้แก่บรรดารถพวงมาลัยขวา ที่จะเข้าไป ทั้งนี้เป็นความพยายามในการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางบกกับประเทศเพื่อนบ้าน

ระเบียบใหม่อนุญาตให้รถยนต์จากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งรวมทั้งจากลาวและกัมพูชา อยู่ในประเทศได้เป็นเวลา 30 วัน และขอต่อเวลาได้อีก 10 วันในกรณีที่เกิดกรณีฉุกเฉินเร่งด่วนโดยไม่คาดคิด ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ (Tuoi Tre)

ระเบียบที่จะเริ่มใช้ในเดือน พ.ย. กำหนดให้คนขับต้องเป็นเจ้าของรถยนต์ มีใบอนุญาตขับขี่ที่ออกโดยกระทรวงคมนาคมขนส่ง และ ต้องเป็นรถยนต์ที่จดทะเบียนในประเทศต้น มีใบรับรองมาตรฐานความปลอดภัยของรถ มีใบรับรองการตรวจสภาพจากหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต รถต้องปล่อยไอเสียในระดับที่ได้มาตรฐาน ไม่เป็นพิษต่อสภาพแวดล้อม สื่อของทางการกล่าว

หน่วยงานที่รับผิดชอบในเวียดนามถูกกำหนดให้ใช้เวลาดำเนินการ คำขออนุญาตให้แล้วเสร็จภายในเวลา 5 วันทำการ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่อาคันตุกะชุดใหม่นี้

ตามแผนการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางบกนี้ รถยนต์จากกัมพูชาและลาว จะไม่มีปัญหาเหมือนรถยนต์จากไทย เนื่องจากทั้งสองประเทศใช้ระเบียบจราจรที่กำหนดให้ยานพานะต่างๆ แล่นทางขวาของถนนเช่นเดียวกับในเวียดนาม

ไทยกับพม่าเป็นเพียงสองประเทศในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขงที่ใช้ระเบียบจราจรให้ยวดยานต่างๆ แล่นบนช่องทางซ้าย แต่รัฐบาลทหารพม่ายังเคร่งครัด การให้ประชาชนเดินทางออกนอกประเทศ

ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม รัฐบาลได้มอบหมายให้คณะกรรมการ ที่นำโดย ศ.ดร.เหวียนเทียนเญิน (Nguyen Thien Nhan) รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการและฝึกอบรม ดำเนินการเรื่องนี้มาตั้งแต่เดือน ก.ค. ซึ่งแต่เดิมจะอนุญาตให้เข้าออกเฉพาะในระหว่างวันหยุด
<bR><FONT color=#FF0000>ไม่มีที่ไหนในอนุภูมิภาคอินโดจีนอยู่ไกลจนเกินไปอีกแล้ว เริ่มจากเมืองมุกดาหาร ข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 2 ไปตามทางหลวงเลข 9 ผ่านตัวเมืองรายทางมุ่งสู่ด่านแดนสะหวัน-ลาวบ๋าว ระยะทาง 240 กม. เข้าสู่ทางลวงเลข 9 ในดินแดนเวียดนามอีก 80 กม.เศษ จากนั้น รถพวงมาลัยขวา จากไทย ก็จะไปได้ยังทุกๆ ที่ ทางการเวียดนาม อนุญาตให้ท่องไปได้ 30 วัน </FONT></bR>
ความเคลื่อนไหวของเวียดนามครั้งนี้ถูกมองว่า เป็นความพยายามดึงดูดนักท่องเที่ยวจากกลุ่มใหญ่จากไทย คือ กลุ่มที่สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ส่วนตัวได้ เพื่อให้เดินทางไปท่องเที่ยวและใช้จ่ายในเวียดนามอย่างสะดวก

ปัจจุบันเวียดนามอนุญาตให้รถยนต์ขับพวงมาลัยขวาเข้าประเทศได้ แต่มีเงื่อนไขต้องไปเป็นขบวนหรือหมู่คณะ มีหน่วยงานในเวียดนามรับผิดชอบตลอดเส้นทาง และ ต้องจัดรถนำขบวน ซึ่งมีความยุ่งยากซับซ้อน แม้จะมีการติดต่อวางแผนล่วงหน้าเป็นอย่างดีก็ตาม

"คาราวานทัวร์" จากไทยเป็นกิจกรรมยอดนิยมอยู่พักใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการเปิดใช้สะพานมิตรภาพไทย-ลาว (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ในเดือน ธ.ค.2549 แต่ในปี 2551 กิจกรรมนี้เริ่มลดลง ด้านหนึ่งเป็นผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่อีกด้านหนึ่งเป็นผลจากความยุ่งยากของคาราวานทัวร์ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่รู้สึกว่า "ไปครั้งเดียวก็เข็ดแล้ว"

ธนาคารพัฒนาเอเชีย ซึ่งให้การสนับสนุนรายหลักด้านทุนรอน ต้องการจะเห็นถนนระเบียงเศรษฐกิจตะวันออกตะวันตก (East-West Economic Corridor) เป็นเส้นทางการคมนาคมขนส่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศในอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง เพื่อเชื่อมต่อกับมาเลเซียและสิงคโปร์ทางใต้ กับจีนแผ่นดินใหญ่ทางเหนือ และ พม่าที่ทางตะวันตกสุด

แต่ในปัจจุบันทางหลวงเลข 9 ลาว-เวียดนามยังเป็นเพียงเส้นทางของนักท่องเที่ยวระดับล่าง บริการยังย่ำแย่ทั้งที่ต้นทางและปลายทาง และในที่สุดก็ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มลดลง ผู้ประกอบการในเวียดนามต่างกล่าวหากันเองว่า ต่างฝ่ายต่างหั่นราคาเพื่อชิงลูกค้าซึ่งทำให้คุณภาพของบริการเลวร้ายลงเรื่อยๆ

บริษัทนำเที่ยวของลาวในสะหวันนะเขตให้ข้อมูลตรงกันว่า ผู้นำเที่ยวทางฝั่งเวียดนามบางรายเสนอค่าบริการต่อหัวเพียง 30 ดอลลาร์ สำหรับการท่องเที่ยวนครเหว-ด่าหนัง (Hue-Danang) รวม 3 วันกับ 4 คืน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
<bR><FONT color=#FF0000>ภาพจากเว็บไซต์แห่งหนึ่ง บ่ายหน้าจากนครเหว (Hue) ขึ้นไปทางทิศเหนือ จะพบเห็นป้ายบอกเส้นทางนี้ที่เมืองดงห่า (Dong Ha) จ.กว๋างจิ (Quang Tri) ด่านลาวบ๋าว-แดนสะหวัน เลี้ยวซ้ายไป 80 กม.เศษ นั่นคือ สามแยก เส้นทางกลับสู่ประเทศไทยผ่านดินแดนลาว หรือจะตรงไปยังกรุงฮานอย ก็ต้องขับรถไปอีกเกือบ 600 กม. ไกลกว่าจากกรุงเทพฯ ไปอุบลราชธานีเล็กน้อย </FONT></bR>
ตัวเลขที่รวบรวมได้จากบริษัทนำเที่ยวต่างๆ ได้บ่งชี้ว่า ปี 2551 จำนวนนักท่องเที่ยวจากไทยและลาว เข้าเวียดนาม ลดลงเหลือเพียง 50-60% จากปี 2550 ทำให้ธุรกิจนำเที่ยว แย่ไปตามๆ กัน

เดือน มิ.ย.ปีนี้สามประเทศ ลาว ไทยกับเวียดนาม ได้ตกลงกันเกี่ยวกับกฎและระเบียบร่วมในการขนส่งสินค้าข้ามแดน เพื่อให้การค้าขายในอนุภูมิภาคสะดวกยิ่งขึ้น ให้ทางหลวงเลข 9 เป็นเส้นทางเศรษฐกิจอย่างแท้จริง ขณะที่สามประเทศมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวสูงและมีแหล่งท่องเที่ยวที่หลากหลาย

สำหรับเวียดนามสุดปลายทางของทางหลวงเลข 9 คือ นครด่าหนัง (Danang) ระหว่างทางจะต้องผ่านพระราชวังเก่านครเหว (Hue) กับเมืองมรดกโลกโฮยอาน (Hoi AN) ซึ่งเป็นปลายทางใหญ่ของการท่องเที่ยว เช่นเดียวกันกับในแขวงภาคกลางกับภาคใต้ของลาว และ จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

ในปัจจุบันเวียดนามให้รถพวงมาลัยขวาจากไทยเข้าไปได้ใน 7 จังหวัดภาคกลาง ไกลกว่านั้นต้องขออนุญาตพิเศษ ขณะเดียวกันฝ่ายไทยก็อนุญาตให้รถพวงมาลัยซ้ายจากเวียดนามเข้ามาได้ใน 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต่างตอบแทน

แต่ระเบียบใหม่ของเวียดนามไม่มีข้อจำกัด และ เป็นการปฏิบัติเพียงฝ่ายเดียว.
กำลังโหลดความคิดเห็น