ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ (UNICEF) เปิดเผยตัวเลขในสัปดาห์นี้ ว่า เยาวชนในพม่ากำลังมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ (HIV/AIDS) มากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบันประมาณ 2 ใน 3 ของผู้ติดเชื้อไวรัสร้ายชนิดนี้เป็นเยาวชนคนหนุ่มสาวอายุต่ำกว่า 24 ปี
ก่อนหน้านี้ กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวีเอดส์ ในพม่าเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเที่ยวหญิงบริการทางเพศโดยไม่มีการป้องกัน กับกลุ่มที่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันในการเสพยาเสพติด
นายราเมศ เศรษฐา (Ramesh Shrestha) ผู้แทนของยูนิเซฟประจำพม่ากล่าวว่า เยาวชนในประเทศนี้ “มีพฤติกรรมเปลี่ยนไป” สุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสเอดส์มากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันมีชาวพม่าราว 240,000 คน ที่ติดเชื้อไวรัสเอชไอวีเอดส์ “เกือบสองในสามเป็นเยาวชนที่อายุต่ำกว่า 24 ปี” นายราเมส ระบุ ในรายงานชิ้นหนึ่งที่ออกเผยแพร่ในสัปดาห์นี้
ตัวเลขของยูนิเซฟ ยังระบุว่า ปัจจุบันมีสตรีราว 100,000 คน มีชีวิตอยู่กับเอชไอวีเอดส์ไวรัส ทำให้เด็กที่เกิดใหม่จำนวนมากตกอยู่ในอันตราย
เจ้าหน้าที่องค์การแพทย์ไร้พรมแดน (Medecins Sans Frontieres) แถลงในกรุงเทพฯ ก่อนหน้านี้ ว่า ปีหน้าอาจจะมีชาวพม่าเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์ถึง 76,000 คน เนื่องจากขาดยา ART (antiretroviral treatment) ที่จะช่วยบรรเทาอาการป่วยไข้และช่วยยืดอายุ
สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานในขณะเดียวกัน อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่ทางการที่ระบุว่า พม่าต้องการความช่วยเหลือจากภายนอกเพื่อช่วยป้องกันการแพร่ของเชื้อไวรัสเอดส์
นายจอยู้นต์เส่ง (Kyaw Nyunt Sein) เจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งของกระทรวงสาธารณสุขกล่าวกับเอเอฟพีว่า ปัจจุบันมีผู้กำลังล้มป่วยด้วยโรคเอดส์ราว 11,000 คนทั่วประเทศ พม่าต้องการเงินช่วยเหลือไม่เพียงแต่เพื่อจัดหายา ART เท่านั้น หากยังเพื่อสนับสนุนโครงการเพื่อการป้องกันอีกด้วย
ในบรรดาหน่วยปกครองจำนวน 325 หน่วยที่ประเทศ มีเพียงประมาณ 170 หน่วยเท่านั้นที่สามารถหาถุงยาอนามัยแจกจ่ายให้แก่ราษฎรเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสเอดส์ได้ เนื่องจากขาดงบประมาณสนับสนุน
“เราไม่สามารถป้องกันอย่างทั่วถึงได้ ส่วนใหญ่แล้วผู้ป่วยติดเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าเพราะเหตุใดเราจึงไม่สามารถแจกจ่ายถุงยางอนามัยได้ครบ 100% ในหมู่เยาวชน” นายเส่ง กล่าว
พม่าถูกปกครองโดยคณะปกครองทหารมาตั้งแต่ปี 2505 ประเทศยังคงยากจนและระบบบริการสาธารณสุขพื้นฐานยังไม่ทั่วถึง