ผู้จัดการรายวัน -- ผู้ผลิตสุรารายใหญ่ในญี่ปุ่น ได้เรียกคืนสุราอิโมะโชชู (Imo Shochu) รวม 4 ยี่ห้อ จำนวนประมาณ 650,000 ขวด ที่มีวางจำหน่ายในทั่วโลก หลังจากพบผลิตจากวัตถุดิบที่มีสารพิษเจือปนในระดับสูง สุราล็อตนี้ผลิตจากข้าวที่นำเข้าจากจีนและเวียดนาม ที่วางจำหน่ายอย่างผิดกฎหมาย
ข่าวนี้อาจจะเป็นข่าวร้ายสำหรับเวียดนาม ซึ่งกำลังพยายามส่งออกข้าวให้ได้ 4.5-4.6 ล้านตันในปีนี้ ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 3 เดือนเศษ และราคาข้าวในตลาดโลกกำลังตกต่ำลงเรื่อยๆ
บริษัท อาซาฮี บริวเวอรีส์ จำกัด (Asahi Breweries Ltd) กล่าวว่า ได้เรียกคืนสุรายอดนิยมเหล่านี้ด้วยความสมัครใจ หลังจากพบว่าข้าวอันเป็นส่วนประกบสำคัญในการผลิตสุราชนิด มีสารฆ่าแมลงเจือปนในอัตราสูงกว่าขีดมาตรฐาน รวมเป็นมูลค่าความเสียหาย 14 ล้านดอลลาร์
ตามรายงานบนเว็บไซต์หลายแห่งสุราที่มีราคาแพงชนิดนี้มีวางจำหน่ายในหลายประเทศทวีปเอเชีย รวมทั้งในประเทศไทยด้วย
อาซาฮี บริวเวอรีส์ กล่าวว่า ได้ใช้ข้าวที่เจือปนสารฆ่าแมลงล็อตนี้ผลิตสุราอิโมะโชชู มาตั้งแต่เดือน มิ.ย.แต่ตรวจไม่พบสารพิษดังกล่าวในสุรา การเรียกคืนเป็นเพียงมาตรการเพื่อขจัดความสวิตกกังวลในหมู่ผู้บริโภคเท่านั้น
ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพี อาซาฮี เป็นเพียงเหยื่อรายหนึ่ง ในกรณีอื้อฉาวที่เกี่ยวกับบริษัทผู้ผลิตข้าวที่ชื่อ มิกาซ่าฟูดส์ (Mikasa Food) ซึ่งนำข้าวจากรัฐบาลที่นำเข้าเพื่อจุดประสงค์อื่นทางด้านอุตสาหกรรม แต่นำออกจำหน่ายในท้องตลาดสำหรับการบริโภค
ข้าวที่อาซาฮี นำไปใช้ผลิตสุราอิโมะโชชู เป็นส่วนหนึ่งของข้าวที่รัฐบาลญี่ปุ่นนำเข้าจากจีน เวียดนาม กับประเทศต่างๆ ตามพันธสัญญาระหว่างประเทศที่ญี่ปุ่นจะต้องเปิดตลาดข้าว
ภายหลังทางการได้ประกาศว่า ข้าวล็อตดังกล่าวเป็น “ข้าวที่มีปัญหา” หลังจากได้ตรวจพบว่ามีปริมาณสารพิษจากยาฆ่าแมลงตกค้างเจือปนอยู่ในอัตราสูง อีกจำนวนหนึ่งเป็นข้าวที่เสื่อมสภาพจากการเกิดรา หรือได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ระหว่างการเก็บรักษา
รัฐบาลได้จำหน่ายข้าวดังกล่าวให้แก่ผู้ซื้อเอกชนภายใต้เงื่อนไขที่ว่า จะต้องนำไปใช้เพื่อการอุตสาหกรรมอย่างอื่น เช่น การผลิตกาว มิใช่เพื่อนำไปบริโภค
กระทรวงเกษตรญี่ปุ่น ประกาศในสัปดาห์นี้ว่า บริษัท มิกาซ่า ได้จำหน่ายข้าวที่มีรปัญหาต่อให้แก่บริษัทผู้ผลิตสุรา รวมทั้งบริษัทผู้ผลิตขนมขบเคี้ยวด้วย เพื่อหวังผลกำไรเพิ่มขึ้น
การเรียกคืนสุราที่ผลิตจากวัตถุดิบอันมีส่วนผสมจากข้าวเจือสารพิษตกค้างที่นำเข้าจากเวียดนามนั้น อาจจะเป็นข่าวดีสำหรับผู้ดื่มสุราในทั่วเอเชียและในโลก แต่เป็นข่าวร้ายสำหรับเวียดนามที่กำลังพยายามส่งออกข้าวให้ได้ระหว่าง 4.5-4.6 ล้านตันในปีนี้ ขณะที่จีนยังห้ามส่งออก
ตามรายงานของสื่อทางการราคาข้าวเปลือกในเวียดนาม ลดต่ำลงเป็นอันดับใยช่วงสองเดือนมานี้ ในสัปดาห์นี้ราคาจำหนายในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขงลดลงเหลือเพียง 5,800-6,000 ด่ง (0.35-0.36 ดอลลาร์) จากเมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งราคาอยู่ที่ 4,200-6,500 ด่ง (0.37-0.39 ดอลลาร์) ต่อ กก.ขณะที่พ่อค้าคนกลางหลายรายยุติการรับซื้อเนื่องจากมีข้าวล้นสต๊อค
สมาคมอาหารเวียดนาม (VietFood) กล่าวว่า ราคาข้าวเปลือกในประเทศได้สะท้อนราคาข้าวสารในตลาดโลก และยอมรับว่าปัจจุบันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะขายข้าวขาว 5% และ 25% ในราคา 600 ดอลลาร์และ 450 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งเป็นราคาที่เฉียดต้นทุน
หลังจากลังเลอยู่เป็นเวลาหลายเดือนเพื่อศึกษาสถานการณ์ข้าวและอาหารในประเทศ รัฐบาลเวียดนามได้อนุญาตให้ส่งออกข้าวได้อีกครั้งหนึ่งในเดือน ก.ค.และขยายเพดานส่งออกขึ้นอีก 100,000 ตันเป็น 4.6 ล้านตัน
ตามรายงานของ VietFood จนถึงวันที่ 7 ส.ค.ที่ผ่านมา เวียดนามได้ส่งออกข้าวแล้วทั้งสิ้น 2.76 ล้านตัน ทำรายได้ 1,603 ล้านดอลลาร์ในราคา FOB (Fee on Board) คิดเป็นอัตราเพิ่ม 1.7% เชิงปริมาณและ 94% ในเชิงมูลค่า เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ตลาดใหญ่ของข้าวเวียดนามเป็นประเทศต่างๆ ในเอเชีย (61.58%) แอฟริกา (17.13%) อเมริกา (14.73%) และประเทศตะวันออกกลาง (4.2%) ที่เหลือเป็นตลาดยุโรป
