ผู้จัดการรายวัน-- บริษัทนาคาคอร์ปอเรชัน (Naka Corporation) ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมกาสิโนใหญ่ที่สุดในกัมพูชาเปิดเผยตัวเลขประกอบการครึ่งปีโดยระบุว่าบริษัทมีผลกำไรเพิ่มขึ้นกว่า 26% เป็น 25.5 ล้านดอลลาร์ และ รายได้ทั้งหมดเพิ่มขึ้นกว่า 68% เทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
รายงานที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทระบุว่า ผลการประกอบการที่ดีขึ้นนี้เกิดจากเสถียรภาพทางการเมืองและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทางเศรษฐกิจของประเทศนี้ ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมามีอัตราขยายตัวเฉลี่ย 11% โดยมีอุตสาหกรรมตัดเย็บเสื้อผ้าส่งออกกับการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้สำคัญ
บริษัทนี้กล่าวว่าผลประกอบการรวมระหว่างเดือน ม.ค.-มิ.ย.มีมูลค่า 109.4 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 68.5% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
นากาคอร์ป (NakaCorp) ซึ่งกลุ่มธุรกิจจากมาเลเซียเป็นเจ้าของได้เข้าจดทะเบียนในคลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงเมื่อปีที่ 2549 เพื่อระดมทุนขยายสถานที่และแตกแขนงธุกิจการ อันประกอบด้วยโรงแรมหรูและห้างสรรพสินค้าซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
เดือน เม.ย.ที่ผ่านมาได้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงแรมอันเป็นที่ตั้งของสถานกาสิโนใหญ่ในเมืองหลวง สร้างความแตกตื่นแก่แขกที่เข้าพัก แต่ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและนากาคอร์ปไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในรายงานฉบับล่าสุด
กลุ่มธุรกิจมาเลเซียได้รับใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจโรงแรมและกาสิโนจากรัฐบาลกัมพูชาในปี 2537 เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับระหว่างประเทศโดยได้รับอนุญาตให้เป็นเจ้าของธุรกิจนี้ แต่ผู้เดียวในเมืองหลวงและเมืองอื่นๆ ในรัศมี 120 กม.
ตามตัวเลขของทางการในปี 2550 มีสถานกาสิโนที่ถูกกฎหมายจำนวน 15 แห่ง ตั้งอยู่ตามจุดสำคัญต่างๆ ตามแนวชายแดนติดกับไทยกับอีก 10 แห่งที่ชายแดนกับเวียดนาม 1 แห่งในกรุงพนมเปญกับอีก 3 แห่งที่เมืองสีหนุวิลล์ เมืองท่องเที่ยวชายทะเลในอ่าวไทย
แต่เป็นที่ทราบกันดีว่ายังมีแหล่งการพนันที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายอีกจำนวนมาก ท่ามกลางเสียงกล่าวหาเกี่ยวกับการทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ระดับต่างๆ
อย่างไรก็ตามปี 2550 มีสถานกาสิโนเปิดใหม่อีก 5 แห่งทำให้จำนวนทั้งหมดเพิ่มขึ้นเป็น 29 ทั้งนี้เป็นรายงานของสื่อในกัมพูชาอ้างการเอกสารสถิติของกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง
เจ้าหน้าที่กัมพูชากล่าวในเดือน ก.พ.คาดว่าปี 2551 นี้รายได้ภาษีจากสถานกาสิโนเกือบ 30 แห่งจะเพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านดอลลาร์ ซึ่งหลายฝ่ายกล่าวว่าตัวเลขนี้นับว่าต่ำมาก หากเทียบกับจำนวนสถานการพนันที่เพิ่มมากขึ้นทุกปี และเชื่อว่ามีเงินสะพัดนับพันล้านดอลลาร์ในแต่ละปี.