ตราด - ประกาศ “ปราสาทพระวิหาร”เป็นมรดกโลก ค้าชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด-เกาะกงไม่กระทบ เป้า 1.5 หมื่นล้านบาท
นายทวีวัฒน์ เมฆธวัชชัยกุล ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผย ว่า จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นมรดกโลกของปราสาทพระวิหาร ทำให้ชาวไทย-ชาวกัมพูชา มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน อันอาจจะส่งผลกระทบในเรื่องการค้าชายแดนด้านไทย-กัมพูชา จ.ตราดที่มีจุดผ่านแดน ถาวรที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และมีการค้าขายผ่านท่าเรือเพื่อการส่งออกไปยังกัมพูชาด้วยจากสถิติ มูลค่าการค้าชายแดนในปีงบประมาณ 2550 (ตุลาคม 2550-กันยายน 2551)
ทั้งนี้ พบว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่า การค้ากว่า 9,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีมูลค่าเกิน 14,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีจำนวน 14,000 ล้านบาท จำนวน 10% หรือ 15,400 ล้านบาท และเป็นไปตามเป้าหมายที่เติบโต 10% และผลกระทบเรื่องความขัดแย้งยังไม่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้
“ผมว่าคงไม่กระทบอะไรเพราะยังมีการขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ 1 หรือ 2 เดือนอาจจะลดไปบ้าง เพราะเหตุผลเรื่องการเลือกตั้งในกัมพูชา หรือการที่ช่วงนี้มีมรสุมการส่งสินค้าทางเรืออาจจะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติได้ เรือขนาดเล็กจึงไม่กล้านำเรือออกไป อย่างไรก็ตามก็สามารถส่งทางบกผ่านถนนสาย 48 ได้ ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษีของฝั่งกัมพูชาที่ยังไม่แน่นอน รวมทั้งภาษีเถื่อนที่เหตุให้ผู้ประกอบการต้องรอการตัดสินใจไปก่อน แม้จะมาขอข้อมูลกับด่านศุลกากรคลองใหญ่มาหลายราย แต่ก็คงต้องมีการจัดระบบการขนส่งอีกระยะ”
นายทวีวัฒน์ กล่าวอีกว่า การขนส่งทางบกในอนาคตจะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ของ จ.ตราด และ จ.เกาะกงมากขึ้น เนื่องจากถนนสาย 48 จะเดินทางจากตราด สู่เกาะกงไปพนมเปญ ระยะทางแค่ 350 กิโลเมตร ขณะที่จะไปทางสีหนุวิลล์ก็ไม่เกิน 300 กิโลเมตร ซึ่งสีหนุวิลล์เป็นเมืองท่าส่งออกที่สามารถรองรับท่าเรือมาบตาพุดของไทยได้ หากได้มีการตั้งระบบลอจิสติกส์ได้ก็จะเกิดประโยชน์มาก รวมทั้งขณะนี้สีหนุวิลล์ มีนักลงทุนทั้งชาวกัมพูชา ชาวจีน และชาวเกาหลีมาลงทุนจำนวนมาก
นายทวีวัฒน์ เมฆธวัชชัยกุล ผู้ช่วยนายด่านศุลกากรคลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผย ว่า จากปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เรื่องการขึ้นมรดกโลกของปราสาทพระวิหาร ทำให้ชาวไทย-ชาวกัมพูชา มีความรู้สึกที่ไม่ดีต่อกัน อันอาจจะส่งผลกระทบในเรื่องการค้าชายแดนด้านไทย-กัมพูชา จ.ตราดที่มีจุดผ่านแดน ถาวรที่บ้านหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด และมีการค้าขายผ่านท่าเรือเพื่อการส่งออกไปยังกัมพูชาด้วยจากสถิติ มูลค่าการค้าชายแดนในปีงบประมาณ 2550 (ตุลาคม 2550-กันยายน 2551)
ทั้งนี้ พบว่าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีมูลค่า การค้ากว่า 9,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 1,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งในอีก 3 เดือนข้างหน้าจะมีมูลค่าเกิน 14,000 ล้านบาท/เดือน ซึ่งมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2549 ที่มีจำนวน 14,000 ล้านบาท จำนวน 10% หรือ 15,400 ล้านบาท และเป็นไปตามเป้าหมายที่เติบโต 10% และผลกระทบเรื่องความขัดแย้งยังไม่ปรากฏให้เห็นในขณะนี้
“ผมว่าคงไม่กระทบอะไรเพราะยังมีการขนส่งสินค้าอย่างต่อเนื่อง แต่ 1 หรือ 2 เดือนอาจจะลดไปบ้าง เพราะเหตุผลเรื่องการเลือกตั้งในกัมพูชา หรือการที่ช่วงนี้มีมรสุมการส่งสินค้าทางเรืออาจจะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติได้ เรือขนาดเล็กจึงไม่กล้านำเรือออกไป อย่างไรก็ตามก็สามารถส่งทางบกผ่านถนนสาย 48 ได้ ซึ่งเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แต่ยังมีปัญหาเรื่องการจัดเก็บภาษีของฝั่งกัมพูชาที่ยังไม่แน่นอน รวมทั้งภาษีเถื่อนที่เหตุให้ผู้ประกอบการต้องรอการตัดสินใจไปก่อน แม้จะมาขอข้อมูลกับด่านศุลกากรคลองใหญ่มาหลายราย แต่ก็คงต้องมีการจัดระบบการขนส่งอีกระยะ”
นายทวีวัฒน์ กล่าวอีกว่า การขนส่งทางบกในอนาคตจะมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจ ของ จ.ตราด และ จ.เกาะกงมากขึ้น เนื่องจากถนนสาย 48 จะเดินทางจากตราด สู่เกาะกงไปพนมเปญ ระยะทางแค่ 350 กิโลเมตร ขณะที่จะไปทางสีหนุวิลล์ก็ไม่เกิน 300 กิโลเมตร ซึ่งสีหนุวิลล์เป็นเมืองท่าส่งออกที่สามารถรองรับท่าเรือมาบตาพุดของไทยได้ หากได้มีการตั้งระบบลอจิสติกส์ได้ก็จะเกิดประโยชน์มาก รวมทั้งขณะนี้สีหนุวิลล์ มีนักลงทุนทั้งชาวกัมพูชา ชาวจีน และชาวเกาหลีมาลงทุนจำนวนมาก