ตราด - ชายแดนหาดเล็กกระทบหลังฝ่ายค้านเปิดอภิปราย "เขาพระวิหาร" พ่อค้ากัมพูชาชะลอ งดซื้อสินค้าไทย ขณะที่แรงงานกัมพูชาอาจมีปัญหา หาก 2 ฝ่ายมีความสัมพันธ์ไม่ดี วอน 2 ฝ่ายยุติขัดแย้ง
ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรีอีกจำนวน 6 ค โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการสูญเสียอธิปไตยและดินแดนของเขาพระวิหาร ไปให้กัมพูชานั้น
นายประเสริฐ ศิริ อดีตกำนันตำบลหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตราด ค้าชายแดน และเจ้าของท่าเรือส่งออกกัลปังหา ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า ผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายค้านต่อรัฐบาลในประเด็น เขาพระวิหารนั้นได้สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกต่อพี่น้องชาวกัมพูชาทั้งที่อยู่ในกัมพูชาและอยู่ใน จ.ตราด หรือในประเทศไทย
โดย อ.คลองใหญ่ เป็นท่าเรือส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชาและเวียดนามที่ในปี 2550 มีมากกว่า 14,000 ล้านบาท หรือเดือนละ 1,100-1,200 ล้านบาท และในปี 2551 ก็มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยแต่ละเดือนมีมูลค่าสูงกว่า 1,400 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พ่อค้าในกัมพูชาได้สั่งชะลอสินค้าจากประเทศไทยแล้วหลายราย โดยสินค้าที่จำเป็นก็จะชะลอการสั่งซื้อไปก่อน แต่สินค้าที่ไม่จำเป็นก็ยกเลิกไปเลย ทั้งนี้ จะเกิดผลกระทบในอีก 7 วันข้างหน้า เพราะสินค้าได้มีการสั่งมาล่วงหน้า
“ผมยังไม่รู้ว่าจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้ได้เกิดผลกระทบขึ้นแล้ว มูลค่าการค้าที่จะเติบโตขึ้น ปีนี้จะลดลงแน่นอนและหากยังไม่ได้ข้อยุติก็จะส่งผลกระทบยาว เพราะภายในกัมพูชาเขาก็รับรู้จากการถ่ายทอด โทรทัศน์โรงแรมในพนมเปญ,เสียมเรียบ หรือสีหนุวิลล์ เขารับโทรทัศน์จากประเทศไทยทั้งนั้น แล้วเขาจะไม่รู้คำพูด ในการอภิปรายหรือ ผมกลัวว่าปัญหานี้จะถูกขยายออกมาเหมือนช่วงเผาสถานฑูตเพราะเดือนหน้าฝ่ายค้านใน กัมพูชาจะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อจะเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม 2551 ช่วงนั้นน่ากลัวสำหรับคนไทยที่อยู่ ในกัมพูชา รวมทั้งธุรกิจของคนไทย ผมห่วงและขอเตือนไว้ก่อน ทางภาคราชการของไทยต้องเร่งหาทางสร้างความ เข้าใจในพื้นที่ชายแดนให้ดีไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะบานปลาย”
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ไม่อยากเห็นชาวไทยไปประท้วงที่บริเวณเขาพระวิหารหรือเข้อาไปเรียกร้องดินแดนใด ๆ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาทั้งอันตรายถึงชีวิตหรืออาจจะถูกจับกุมตัวไป ทางที่ดีไม่ควรจะเข้าไปยุ่งในพื้นที่ หรือดินแดนของกัมพูชาในขณะนี้
ภายหลังพรรคประชาธิปัตย์เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และรัฐมนตรีอีกจำนวน 6 ค โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการสูญเสียอธิปไตยและดินแดนของเขาพระวิหาร ไปให้กัมพูชานั้น
นายประเสริฐ ศิริ อดีตกำนันตำบลหาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดตราด ค้าชายแดน และเจ้าของท่าเรือส่งออกกัลปังหา ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด เปิดเผยว่า ผลของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ของฝ่ายค้านต่อรัฐบาลในประเด็น เขาพระวิหารนั้นได้สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกต่อพี่น้องชาวกัมพูชาทั้งที่อยู่ในกัมพูชาและอยู่ใน จ.ตราด หรือในประเทศไทย
โดย อ.คลองใหญ่ เป็นท่าเรือส่งออกสินค้าไปยังกัมพูชาและเวียดนามที่ในปี 2550 มีมากกว่า 14,000 ล้านบาท หรือเดือนละ 1,100-1,200 ล้านบาท และในปี 2551 ก็มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยแต่ละเดือนมีมูลค่าสูงกว่า 1,400 ล้านบาท แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ พ่อค้าในกัมพูชาได้สั่งชะลอสินค้าจากประเทศไทยแล้วหลายราย โดยสินค้าที่จำเป็นก็จะชะลอการสั่งซื้อไปก่อน แต่สินค้าที่ไม่จำเป็นก็ยกเลิกไปเลย ทั้งนี้ จะเกิดผลกระทบในอีก 7 วันข้างหน้า เพราะสินค้าได้มีการสั่งมาล่วงหน้า
“ผมยังไม่รู้ว่าจะมีมูลค่ามากน้อยแค่ไหน แต่ตอนนี้ได้เกิดผลกระทบขึ้นแล้ว มูลค่าการค้าที่จะเติบโตขึ้น ปีนี้จะลดลงแน่นอนและหากยังไม่ได้ข้อยุติก็จะส่งผลกระทบยาว เพราะภายในกัมพูชาเขาก็รับรู้จากการถ่ายทอด โทรทัศน์โรงแรมในพนมเปญ,เสียมเรียบ หรือสีหนุวิลล์ เขารับโทรทัศน์จากประเทศไทยทั้งนั้น แล้วเขาจะไม่รู้คำพูด ในการอภิปรายหรือ ผมกลัวว่าปัญหานี้จะถูกขยายออกมาเหมือนช่วงเผาสถานฑูตเพราะเดือนหน้าฝ่ายค้านใน กัมพูชาจะรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเพื่อจะเลือกตั้งในวันที่ 27 กรกฎาคม 2551 ช่วงนั้นน่ากลัวสำหรับคนไทยที่อยู่ ในกัมพูชา รวมทั้งธุรกิจของคนไทย ผมห่วงและขอเตือนไว้ก่อน ทางภาคราชการของไทยต้องเร่งหาทางสร้างความ เข้าใจในพื้นที่ชายแดนให้ดีไม่เช่นนั้นปัญหาก็จะบานปลาย”
นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ไม่อยากเห็นชาวไทยไปประท้วงที่บริเวณเขาพระวิหารหรือเข้อาไปเรียกร้องดินแดนใด ๆ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาทั้งอันตรายถึงชีวิตหรืออาจจะถูกจับกุมตัวไป ทางที่ดีไม่ควรจะเข้าไปยุ่งในพื้นที่ หรือดินแดนของกัมพูชาในขณะนี้
