ผู้จัดการรายวัน-- แม้ว่าอัตราเฟ้อของเงินจะยังคงอยู่ในระดับสูง แต่ก็มีสัญญาณหลายอย่างที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจเวียดนามเริ่มจะฟื้นตัว ซึ่งสัญญาณนี้ปรากฏใน "ฟองสบู่ 2 ฟอง" อันเป็นสาเหตุหลักทำให้อัตราเงินเฟ้อปีต่อปีพุ่งทะลุ 26.8% ในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามกล่าวว่าอาจจะพิจารณาลดดอกเบี้ยในเดือน ส.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจต่อหลังเริ่มมีสัญญาฟื้นตัว
ขณะเดียวกันสภาหอการค้าอเมริกันในเวียดนามที่เฝ้าติดตามปัญหาเศรษฐกิจเวียดนามอย่างใกล้ชิด ได้ออกแนะนำว่ารัฐบาลยังไม่ควรจะทำอะไรในขณะนี้ ควรจะเฝ้าดูผลของนโยบายการเงินที่เคร่งครัดจนถึงเดือนหน้า ขณะที่มีสัญญาณบ่งบอกว่าเงินเฟ้อได้ลดลงในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นนครโฮจิมินห์ซึ่งซบเซามาตั้งแต่ต้นปีอันเป็นผลจากมาตรการดอกเบี้ยนั้น เริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวเช่นเดียวกัน
ดัชนี VN-Index ได้พุ่งขึ้นเหนือ 400 จุดครั้งแรกในวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา และ ยังปีนลำดับขึ้นเรื่อยๆ ในสัปดาห์นี้ ดัชนีปิดสูงขึ้นอีก 10.76 จุดหรือ 2.57% ที่ 430.5 ในการซื้อขายในวันพฤหัสบดี
ดัชนีหุ้นเวียดนามดำดิ่งลงใต้แนวรับทางจิตวิทยา 400 จุดในต้นเดือน มิ.ย. ซึ่งเป็นการตกต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีเทียบกับที่เคยพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุด 1,170 จุดในเดือน มี.ค.ปีที่แล้ว
ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนาม ภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศที่ซบเซาลงในช่วงหลายเดือนมานี้อันเนื่องจากมาตรการทางดอกเบี้ยของรัฐ ทำให้ยอดขายห้องพักระดับหรูตกต่ำลง แต่ยอดขายของบ้านและที่อาศัยของประชาชนทั่วไปไม่ได้ตกลงมากอย่างที่เข้าใจกัน
ธนาคารโลกก็ได้ออกเตือนเช่นเดียวกัน โดยแนะนำว่าเวียดนามไม่ควรจะตกอกตกใจจนเกินไปเกี่ยวกับ "อัตราแลกเปลี่ยน 2 ตลาด" คือ อัตราในตลาดมือที่ต่ำกว่าอัตราที่รัฐบาลกำหนดถึง 10%
เจ้าหน้าที่ธนาคารโลกประจำเวียดนามกล่าวว่า รัฐบาลควรจะสงวนเงินสำรองต่างประเทศราว 22,000 ล้านดอลลาร์เอาไว้ใช้ประโยชน์อย่างอื่น เพราะไม่มีความจำเป็นต้องกว้านซื้อเงินดอลลาร์เข้าเก็บอีกแล้ว เมื่อเงินเฟ้อค่อยๆ ลดระดับลงอัตราแลกเปลี่ยนจะค่อยปรับเข้าสู่ภาวะปกติเอง
ธนาคารแห่งรัฐเวียดนามหรือ SBV (State Bank of Vietnam) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยกลางถึง 3 ครั้งในปีนี้ ครั้งล่าสุดในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาได้ปรับขึ้นจาก 12 เป็น 14% พร้อมปรับแลกเปลี่ยนเงินดอลลาร์ที่กู้ยืมระหว่างธนาคารลงราว 2% ซึ่งนับเป็นการปรับค่าเงินสกุลด่ง (Dong) โดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตามนักเศรษฐศาสตร์บางสำนักกล่าวก่อนหน้านี้ว่า ค่าเงินด่งแข็งเกินไปและอาจจะต้องมีการลดค่าเงินอย่างเป็นทางการภายในเดือนสองเดือนนี้ อันเป็นทางเลือกที่ SBV ปฏิเสธมาตลอด
"รัฐบาลจะค่อยปรับอัตราดอกเบี้ยตามแนวโน้มของเสถียรภาพ-- อย่างน้อยที่สุดในเดือน ก.ค.นี้จะยังไม่มีการปรับใด แต่อาจจะปรับลดลงในเดือน ส.ค." นายโห่หือว์แห่ง (Ho Huu Hanh) ผู้อำนวยการ SBV สาขานครโฮจิมินห์กล่าวกับหนังสือพิมพ์ไซ่ง่อนหญายฟ่ง (Saigon Giai Phong) หรือ "ไซ่ง่อนปลดปล่อย"
สาเหตุที่ SBV ต้องการปรับลดดอกเบี้ยลงนั้น ก็เนื่องจากเห็นว่า "เงินเฟ้ออยู่ภายใต้การควบคุมแล้ว" นายแห่งกล่าวกับสื่อเวียดนามในการบรรยายสรุปสถานการณ์การเงินของประเทศในวันอังคาร (2 ก.ค.) โดยแบงก์ชาติเวียดนามไม่ได้เชิญผู้สื่อข่าวต่างประเทศเข้ารับฟังด้วย
ตามตัวเลขของสำนักงานสถิติใหญ่ (General Statistics Office) ดัชนีราคาผู้บริโภค หรือ CPI (Consumer Price Index) เดือนมิ.ย.-ก.ค.เพิ่มขึ้น 2.14% ต่ำกว่าตัวเลข 3.9% ระหว่างเดือน พ.ค.-มิ.ย.
อย่างไรก็ตามนายแม็ต ฮิลเดอร์บรันด์ (Matt Hinderbrandt) นักวิเคราะห์สินเชื่อแห่งสำนักเจพีมอร์แกนฯ (JP Morgan Chase & Co) ในสิงคโปร์กล่าวว่า ถ้าหาก SBV จะลดดอกเบี้ย ดัชนี CPI ซึ่งใช้วัดอัตราเฟ้อของเงินในเดือน มิ.ย.-ก.ค. ก็ควรจะต่ำกว่า 2.14%
นักวิเคราะห์ผู้นี้กล่าวว่า พูดถึงเดือน ส.ค.อาจจะยังเร็วเกินไป สำหรับการลดดอกเบี้ยในเวียดนาม
นายต่ายฮุย (Tai Hui) นักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ในสิงคโปร์กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า เร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากคาดว่าอัตราเงินเฟ้อปีต่อปีจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในระยะหลายเดือนข้างหน้านี้
นายฮุยกล่าวว่าตัวเลขเศรษฐกิจที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้บ่งบอกว่า เศรษฐกิจเวียดนามได้ชะลอตัวลงและอัตราดอกเบี้ย (สูง) ยังจะบีบคั้นภาคส่วนเศรษฐกิจต่างๆ ต่อไปตลอดทั้งปี
แต่วันอังคารที่ผ่านมานายฮารุฮิโกะ คารุดะ (Haruhiko Karuda) ประธานธนาคารพัฒนาเอเชีย(Asian Development Bank) ได้ยกย่องมาตรการทางการเงินในเวียดนาม โดยระบุว่าไปได้ถูกทิศทางและเหมาะสมแล้ว
"เราเชื่อมั่นว่าเงินเฟ้อจะสามารถควบคุมได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้" ประธาน ADB กล่าว
นายธีรชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ จากประเทศไทยที่ไปร่วมการประชุมสัมมนา เรื่อง Global Meeting of the Emerging Markets Forum 2008” ที่จัดขึ้นในกรุงฮานอยวันอังคาร (2 ก.ค.) ที่ผ่านมา กล่าวว่า ตนเองมีความเชื่อมั่นในเวียดนามและมาตรการที่ออกโดยรัฐบาลก็เป็นวิธีที่ถูกต้อง
นายพิมาน จาลัน (Bimal Jalan) อดีตผู้ว่าธนาคารแห่งอินเดีย กล่าวว่าเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศที่พุ่งขึ้นสูงทำสถิติใหม่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ กับตัวเลขการผลิตอุตสาหกรรมที่พุ่งสูงในช่วงเดียวกันจะช่วยลดอัตราขาดดุลการค้าของเวียดนามลงได้
รัฐมนตรีการเงินเวียดนามนายหวูวันนิง (Vu Van Ninh) กล่าวในปลายเดือน มิ.ย.ว่า รัฐบาลคาดจะได้เห็นอัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือเป็นตัวเลขหลักเดียวในปี 2552 นี้.
