ผู้จัดการออนไลน์ -- เกิดแผ่นดินถล่มเนื่องจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเขตเมืองโมกก (Mogok) ที่เรียกกันว่า “หุบเขาแห่งทับทิม” (Valley of Rubies) ของพม่า ทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 10 คน ที่นั่นเป็นแหล่งผลิตพลอยแดง หยก มรกต และหินล้ำค่าสีต่างๆ ออกป้อนตลาดโลก สื่อของรัฐรายงานเรื่องนี้เมื่อวันศุกร์ (13 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
แผ่นดินถล่มนี้เกิดขึ้น 6 สัปดาห์หลังจากที่เกิดเหตุไซโคลนนากิสพัดทำลายบริเวณที่ราบปากแม่น้ำอิรวดีและกรุงย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของประเทศ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตหรือสูญหายกว่า 133,000 ราย รวมทั้งทำให้ผู้ประสบภัยกว่า 2.4 ล้านคนต้องตกอยู่ในความยากลำบากและต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ภัยพิบัติทางธรรมชาติครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นที่บริเวณตอนเหนือของเมืองโมกก ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงย่างกุ้งไปทางเหนือประมาณ 675 กิโลเมตร ห่างจากเมืองหลวงเก่ามัณฑะเลย์ (Mandalay) ราว 80 กม.
ก่อนหน้านี้ ทางการได้เปิดเผยข้อมูลเพียงเล็กน้อยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทรัพย์สินต่างๆ ได้รับความเสียหายและมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง และหนังสือพิมพ์นิวไลท์ออฟเมียนมาร์ ซึ่งเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลทหารก็ยังคงไม่ให้รายละเอียดใดๆ
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวเพียงว่า "น้ำในลำคลองเยนิ (Yeni) ในเมืองโมกกมีปริมาณมากจนเอ่อท่วมล้นซึ่งเป็นสาเหตุให้เกิดแผ่นดินถล่มครั้งนี้ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและสิ่งของต่างๆ ถูกทำลายเสียหาย"
เจ้าหน้าที่จากมัณฑะเลย์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพีว่า พวกเขายังไม่ได้รับรายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับเหตุดินถล่มดังกล่าว โดยอ้างว่ามีความยากลำบากในการติดต่อสื่อสารกับพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไป
จนเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 มิ.ย.) นิวไลท์ออฟเมียนมาร์จึงได้เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมว่า "ฝนที่ตกหนักทำให้เกิดน้ำท่วมสูง 2-3 ฟุต จนเป็นเหตุให้เกิดดินถล่มทำลายบ้านเรือนเสียหายไปจำนวน 3 หลัง และทำให้มีผู้เสียชีวิต 11 คน โดยเป็นชาย 7 และหญิงอีก 4 คน"
เหตุดินถล่มเกิดขึ้นหลังจากที่พื้นที่บริเวณตอนเหนือของเมืองโมกก (Mogok) ต้องรองรับปริมาณน้ำมากถึง 8.07 นิ้ว จากฝนที่ตกลงมาตั้งแต่คืนวันพุธจนถึงรุ่งเช้าของวันพฤหัสบดี ทำให้น้ำในลำคลองเยนิ (Yeni) เอ่อล้นและท่วมเมืองดังกล่าว
เป็นเวลากว่า 700 ปีมาแล้วที่หุบเขาแห่งทับทิม เป็นเหมืองทับทิมที่มีชื่อเสียงของพม่า คือเป็นทับทิมที่มีสีแดงเลือดนกพิราบซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นอัญมณีชั้นเลิศที่สุดในโลก นอกจากนี้ยังมีพลอยสีน้ำเงินและอัญมณีที่หายากอื่นๆ อีกด้วย
เมื่อเทียบกันต่อกะรัตแล้ว ทับทิมชั้นเยี่ยมสามารถมีมูลค่าได้มากกว่าเพชร และรัฐบาลทหารพม่าก็ได้เพิ่มการขุดหาอัญมณีมากขึ้นเนื่องจากเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญอีกแหล่งหนึ่งของประเทศที่มีการเปิดประมูลปีละหลายๆ ครั้งด้วยกัน
แม้พม่าจะถูกคว่ำบาตรจากประเทศตะวันตกเนื่องจากประสบความล้มเหลวในการปฏิรูปไปสู่ระบอบประชาธิปไตย แต่การเปิดประมูลอัญมณีก็ยังคงดึงดูดผู้ซื้อได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจากจีน ไทย รวมถึงประเทศต่างๆ ในเอเชีย ซึ่งในแต่ละครั้งที่มีการเปิดประมูล จะมีการใช้จ่ายเงินกันถึง 100 ล้านดอลลาร์หรืออาจจะมากกว่านั้น
เจ้าหน้าที่บริษัทพม่าที่มาร่วมงานแสดงอัญมณีแห่งอาเซียนในกรุงเทพฯ เมื่อปีที่แล้วกล่าวกับ "ผู้จัดการออนไลน์" ว่า ถนนเข้าสู่โมกกยังยากลำบาก และโดยปกติทางการปิดกั้นมิให้บุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไป รวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย.