ผู้จัดการออนไลน์ -- ชาวพม่าได้รับความเสียหายอย่างหนักจากพายุหมุนเขตร้อนนาร์กีส (Nargis) ที่พัดเข้าทำลายถนน อาคาร จมเรือประมงและทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย นอกจากนั้นไซโคลนลูกนี้ยังมีพิษสงทำลายล้างกินวงกว้างพาดผ่านตอนกลางของประเทศจนถึงรัฐมอญ-รัฐกะเหรี่ยงติดชายแดนไทย ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานมีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน
กรุงย่างกุ้งได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไฟฟ้า และโทรศัพท์ถูกตัด สัญญาณไฟจราจร ป้ายประกาศรวมทั้งไฟข้างถนนล้มระเนระนาดกีดขวางการจราจร ต้นไม้หัก ถอนรากล้มทับอาคารและรถยนต์จำนวนมากผู้สื่อข่าวเอเอฟพีกล่าว
นอกจากกรุงย่างกุ้งแล้ว ไซโคลนนาร์กีสยังพัดกระหน่ำ 4 เขตใหญ่ทางตอนกลางและตอนใต้ของประเทศ คือ อิระวดี (Ayeyawaddy) พะโค หรือ หงสาวดี (Bago) ในรัฐมอญ (Mon) กับกระเหรี่ยง (Karen) ซึ่งถูกประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติเ จ้าหน้าที่กระทรวงแถลงข่าวพม่าคนหนึ่งกล่าวกับผู้สื่อข่าวเอเอฟพี
ตามรายงานของสำนักข่าวบีบีซีกรุงลอนดอนเมื่อวันอาทิตย์ (4 พ.ค.) พบยอดผู้เสียชีวิตแล้ว 243 คน บ้านและอาคารถล่มนับพันหลัง
“เรารู้ว่า มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต แต่ยังไม่สามารถให้รายละเอียดได้ในขณะที่เรากำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ” เจ้าหน้าพม่า กล่าว
ทางการได้กระจายกำลังทหารเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย ซึ่งขณะนี้ทหารและตำรวจกำลังช่วยกันทำความสะอาดเก็บกวาดถนนในเมืองต่างๆ ที่ได้รับความเสียหาย
มีข่าวลือแพร่ไปทั่วกรุงย่างกุ้ง ว่า มีหญิง 2 คนเสียชีวิตเนื่องจากถูกต้นไม้ล้มทับแต่ยังไม่มีการยืนยันจากทางการ
เจ้าหน้าที่กระทรวงแถลงข่าวกล่าวต่อว่า เรือซึ่งไม่มีคนอยู่จำนวน 7 ลำจมลงที่ท่าเรือย่างกุ้ง ขณะที่ท่าอากาศยานนานาชาติถูกปิดลง เครื่องบินต้องเปลี่ยนเส้นทางไปลงยังเมืองมัณฑะเลย์ (Mandalay) ในภาคเหนือแทน
เจ้าหน้าที่คนเดียวกัน กล่าวว่า รัฐบาลกำลังพยายามทำให้สถานการณ์กลับเป็นปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่อื่นๆ ได้เดินทางจากเนปิดอว์ เมืองหลวงแห่งใหม่ไปยังย่างกุ้งเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัย
ไฟฟ้าและการสื่อสารโทรคมนาคมในย่างกุ้งถูกตัดในคืนวันศุกร์ (2 พ.ค.) หลังพายุจากอ่าวเบงกอล (Bay of Bengal) ซึ่งมีความเร็วลม 190-240 กิโลเมตรต่อชั่วโมงพัดเข้าสู่ตัวเมือง
พายุนาร์กีสขึ้นบกที่บริเวณปากแม่น้ำอิระวดี (Ayeyawaddy) ห่างจากเมืองย่างกุ้งไปทางใต้ประมาณ 220 กิโลเมตร ก่อนที่จะพัดเข้าสู่อดีตเมืองหลวง
พายุหมุนลูกนี้เกิดขึ้น 1 สัปดาห์ก่อนการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญซึ่งจะเป็นการลงคะแนนเสียงครั้งแรกนับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อปี 1990 แต่ยังไม่เป็นที่ชัดเจนในขณะนี้ว่าการพัดถล่มของพายุนาร์ยิสจะส่งผลกระทบถึงการลงประชามติดังกล่าวซึ่งจะจัดขึ้นในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ (10 พ.ค.) หรือไม่
รัฐบาลทหารอ้างว่า การลงประชามติดังกล่าวจะเป็นการปูทางไปสู่การเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยในปี 2010
กรมอุตุนิยมวิทยาของไทยรายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่าไซโคลนนาร์ยิสได้ลดความเร็วลงและกลายเป็นดีเปรสชั่น แต่ยังคงเตือนให้ระวังฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลัน
ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีรายงานมีผู้เสียชีวิตกว่า 200 คน