xs
xsm
sm
md
lg

ปริวิตกกันไปทั่วเวียดนามแห่ซื้อข้าวกักตุน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#3366FF>ภาพการเก็บเกี่ยวข้าวรอบใหม่ของชาวนาในเวียดนาม ซึ่งรัฐบาลกำลังตั้งตารอผลการผลิตโดยคาดว่าจะมีปริมาณที่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ.</CENTER>
ผู้จัดการรายวัน-- เวียดนามซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกกำลังพบปัญหาเช่นเดียวกันกับในประเทศไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกเบอร์หนึ่ง สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประชาชนจำนวนมากได้พากันตื่นตระหนักแห่ซื้อข้าวถุงไปกักตุน ด้วยความวิตกว่าอาจจะเกิดการขาดแคลนเนื่องจากราคาในท้องตลาดที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ

ในคืนวันเสาร์ (26 เม.ย.) ข้าวถุงขายหมดเกลี้ยงตามร้านสหกรณ์ในเขตอำเภอที่ 1 นครโฮจิมินห์ ขณะที่ประชาชนจำนวนมากในกรุงฮานอยเมืองหลวงก็เริ่มออกหาซื้อข้าวกักตุน หลังจากราคาจำหน่ายปลีกยังคงขึ้นๆ ลงๆ ทำให้วิตกกันทั่วไปว่าจะเกิดขาดแคลนในอนาคตอันใกล้

ตามรายงานของหนังสือพิมพ์แทงเนียน แม่บ้านจำนวนมากต่างถามไถ่กันอย่างร้อนรน ยังมีข้าวหลงเหลืออยู่หรือไม่ในห้างสรรพสินค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตใกล้บ้าน ด้านหน้าของศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ผู้คนจำนวนมากโทรศัพท์กลับบ้าน เพื่อรายงานว่าไม่สามารถหาซื้อข้าวได้

ที่ร้านสหกรณ์กงกวิ่ง (Cong Quynh Co-Op Mart) ซึ่งมีหลายสาขาในกรุงฮานอย ก็ไม่มีข้าวเหลือในสต๊อคเมื่อวันเสาร์ พนักงานที่นั่นกล่าวว่าผู้คนพากันไปซื้อข้าวตั้งแต่ตอนกลางวัน โดยไม่ทราบสาเหตุ
<CENTER><FONT color=#3366FF>ภาพเมื่อวันที่ 26 มี.ค.2551 : ผู้ขายรายหนึ่งนั่งถัดจากตะกร้าธัญญาพืชหลากหลายชนิดที่ตลาดในกลางกรุงฮานอย โดยราคาข้าวนั้นได้พุ่งสูงกว่า 16% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่แล้ว.</CENTER>
**ราคาข้าวสารพุ่งสูงขึ้น**

นายเหวียนวันเถาะ (Nguyen Van Tho) ลูกค้าคนหนึ่งจากอำเภอเหยาะ-เวิ๊บ (Go Vap) นครโฮจิมินห์กล่าวว่า ตนไม่ได้ซื้อข้าวในวันเสาร์ที่ผ่านมาเนื่องจากราคาแพงเกินไป และยังรู้สึกสับสนกับราคาข้าวที่ขึ้นๆ ลงๆ ตลอดเวลา

ตามรายงานของสื่อทางการเวียดนามในช่วงเช้าวันเสาร์ ราคาข้าวอยู่ที่ 10,000 ด่งต่อกิโลกรัม (อัตราแลกเปลี่ยน 16,000 ด่งต่อ 1 ดอลลาร์) แต่ภายในไม่กี่ชั่วโมงราคาพุ่งขึ้นเป็น 18,000 ด่ง ผู้จำหน่ายข้าวรายหนึ่งที่ร้านค้าถนนเลวันสี (Le Van Sy) ในเขตอำเภอที่ 3 กล่าวว่าราคาข้าวพุ่งขึ้นเป็น 2 เท่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา

ผู้จำหน่ายหลายรายพยายามหลบเลี่ยงลูกค้า รอขายเมื่อข้าวมีราคาที่สูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งการกักตุนนี้อาจจะทำให้ราคาข้าวพุ่งต่อไปไม่หยุด

ราคาข้าวในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้นเนื่องจากประเทศที่ผลิตข้าวได้ผลผลิตน้อยลง แต่สำหรับเวียดนามซึ่งผลิตข้าวได้ล้นเหลือและอยู่ระหว่างหยุดส่งออกตามนโยบายของรัฐบาล ก็ยังประสบปัญหาวุ่นวายนี้

ในบางพื้นที่เช่นที่นครเกิ่นเทอ (Can Tho) ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง หรือ ที่เมืองกวีเญิน (Quy Nhon) จ.บิ่งดิง (Binh Dinh) ในภาคกลางตอนล่าง ราคาข้าวก็ได้พุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์

ผู้จำหน่ายในตลาดนครเกิ่นเทอซึ่งอยู่ในเขตอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศกล่าวว่า 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ผู้ค้าปลีกต่างพากันขึ้นราคาข้าวถึง 3-4 ครั้งต่อวัน ข้าวขาวคุณภาพดีกับข้าวหอมพันธุ์เวียดนามราคาพุ่งสูงขึ้นเกือบเท่าตัว จากปกติอยู่ที่ 4,000 ด่ง ขึ้นเป็น 7,000 ด่งต่อกิโลกรัม

ข้าวหอมสายพันธุ์จากไต้หวันราคาสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์จาก 11,000 ด่ง เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็น 18,000 ด่ง ต่อ กก. ผู้ค้ากล่าวว่าแม้กระทั่งข้าวคุณภาพต่ำก็ยังคงมีราคาแพง กล่าวคือข้าวหัก 15% ขาย 10,000 ด่ง ต่อ กก.

วันเสาร์ที่ผ่านมาราคาข้าวเปลือกที่เพิ่งเก็บเกี่ยวในเขตอำเภอกายราง (Cai Rang) นครเกิ่นเทอ ขยับขึ้นเป็น 6,000 ด่ง จาก 5,500 ด่ง ต่อ กก. เพียงแค่ 1 วันก่อนหน้านี้ และ จาก 4,200 ด่งในเดือน ม.ค.

ไกลขึ้นไปที่เมืองกวีเญินราคาข้าวทุกชนิดเพิ่มขึ้น 60% ภายใน 2-3 วัน เนื่องจากบรรดาเจ้าของร้านอาหารต่างพากันหาซื้อหากักตุนในขณะที่ผู้จำหน่ายก็พยายามที่จะไม่ขายเพื่อรอให้ราคาสูงขึ้นอีก หนังสือพิมพ์แทงเนียนกล่าว
<CENTER><FONT color=#3366FF>ฟิลิปปินส์ : ผู้ขายกำลังจัดกระสอบข้าวที่นำเข้าจากเวียดนามในร้านจำหน่ายข้าวแหล่งหนึ่งในกรุงมะนิลา ฟิลิปปินส์ได้นำเข้าข้าวจำนวน 335,500 ตันคิดเป็นมูลค่า 237.5 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้เพื่อเป็นชดเชยการผลิตข้าวภายในประเทศที่คาดว่าจะลดต่ำลง.</CENTER>
**รัฐบาลยันข้าวไม่ขาดตลาดแน่**

ทางการเวียดนามได้ออกให้ความมั่นใจต่อประชาชนหลายครั้งยืนยันว่า จะไม่เกิดการขาดแคลนข้าวในประเทศและราคาที่เพิ่มสูงขึ้นนั้นไม่ได้เกิดจากการผลิตที่ไม่เพียงพอ

นายฟานฮวีทง (Phan Huy Thong) รองอธิบดีกรมกสิกรรม กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกล่าวว่า เวียดนามมีข้าวเพียงพอสำหรับการบริโภคของประชาชน โดยคาดว่าการเก็บเกี่ยวในช่วงหลังฤดูฝนนั้นคาดว่าจะได้ข้าวเปลือกอีก 17.2 ล้านตัน

ในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง การทำนาในช่วงหลังฤดูฝนคาดว่าจะได้ผลผลิตข้าวเปลือกถึง 9.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 300,000 ตัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่แล้ว

ส่วนในภาคกลางตอนใต้และที่ราบสูงตอนกลางคาดว่าจะได้ผลผลิตประมาณ 400,000 ตัน เท่ากับเมื่อปีที่แล้ว ส่วนภาคกลางตอนล่างอาจจะได้ข้าวลดลงเหลือ 900,000 ตันหรือลดลง 80,000 ตันเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2550 เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย

ในภาคเหนือแม้อากาศจะหนาวเย็นจัดช่วงต้นปีแต่การเพาะปลูกฤดูใบไม้ผลิต-ฤดูร้อน ก็กำลังดำเนินไปด้วยดี โดยคาดว่าจะสามารถผลิตข้าวเปลือกได้อย่างน้อย 6.5 ล้านตันเท่ากับปีที่แล้ว

กระทั่งในจังหวัดต่างๆ ที่การเพาะปลูกไม่ค่อยประสบความสำเร็จ เช่น กว๋างนาม ( Quang Nam) กว๋างหงาย (Quang Ngai) และ ฝูเอียน (Phu Yen) เจ้าหน้าที่ในพื้นที่ยังคงมั่นใจว่าประชาชนจะมีข้าวที่เพียงพอต่อการบริโภค

สมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) หรือ VietFood ได้ยืนยันนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งออกข้าวระหว่าง 3.5-4 ล้านตันในปีนี้ เพื่อเป็นการรับประกันความมั่นคงทางด้านอาหาร

รองอธิบดีกรมวางแผน กระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท นายบุ่ยเติ๊ตเตียบ (Bui Tat Tiep) กล่าวว่า การขาดแคลนข้าวในหลายประเทศทั่วโลกซึ่งมีผลทำให้ราคาข้าวพุ่งสูงขึ้นนั้น อาจจะเป็นสาเหตุทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความกังวล

เจ้าหน้าที่ผู้นี้กล่าวว่าปัญหาหลักที่เวียดนามต้องกังวลนั้น ไม่ใช่เรื่องของการขาดแคลน แต่เป็นเรื่องของปริมาณการส่งออกที่ต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนว่าจะมีข้าวเพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ
กำลังโหลดความคิดเห็น