xs
xsm
sm
md
lg

ข้าวพุ่ง $700 ต่อตันเตือนอีกทีปีนี้อดอยาก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



กรุงเทพฯ-- สถาบันวิจัยพันธุ์ข้าวระหว่างประเทศในฟิลิปปินส์กล่าวว่า ราคาข้าวในปัจจุบันได้พุ่งขึ้นถึง 700 ดอลลาร์ต่อตัน ทั้งได้ออกเตือนอีกครั้งหนึ่งว่าอาจจะเกิดสภาวะอดอยากขึ้นในภูมิภาคและในทั่วโลก อันเนื่องมาจากภัยธรรมชาติและแมลงรบกวนจะทำให้มีข้าวส่งออกลดลงอีกในปีนี้

หน่วยงานที่รับผิดชอบขององค์การสหประชาชาติได้ออกเตือนแต่เนิ่นๆ แล้วว่า ปีนี้หลายประเทศในภูมิภาคเอเชียและทั่วโลกอาจจะเจอปัญหาข้าวยากหมากแพงเนื่องจากผลผลิตที่ลดลงและตลาดมีความต้องการสูงขึ้น

สถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (International Rice Research Institute) หรือ IRRI ที่เมืองลอสบานญอส (Los Banos) เตือนว่าปีนี้ อาจจะเกิดการแพร่ระบาดรุนแรงของโรคข้าวในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง อู่ข้าวอู่น้ำใหญ่ที่สุดในเวียดนาม ซึ่งจะทำให้ปริมาณส่งออกน้อยลงไปอีก

ปัจจุบันเวียดนามเป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่อันดับ 5 ของโลก แต่เป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับสองรองจากประเทศไทย ปีที่แล้วผลิตข้าวได้น้อยลงอันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลและเชื้อไวรัสโรคข้าวชนิดหนึ่งในเขตที่ราบปากแม่น้ำโขง ปีนี้เวียดนามกับประเทศแถบนี้ควรจะเตรียมรับมือกับปัญหาแต่เนิ่นๆ

นายโรเบิร์ต ซีเกลอร์ (Robert Zeigler) ผู้อำนวยการ IRI ระบุดังกล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพีระหว่างการสัมภาษณ์พิเศษสัปดาห์ที่แล้ว โดยไม่ได้ให้รายละเอียดว่าราคาข้าว 700 ดอลลาร์ต่อตันนั้นเป็นข้าวชนิดใดและส่งไปจากประเทศใดหรือใครเป็นผู้นำเข้า

"แน่นอนเราเป็นห่วงเวียดนาม แต่แมลงกับโรคพืชเหล่านี้สามารถแพร่กระจายขึ้นเหนือไปยังจีนได้ ใครจะไปรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นและสร้างปัญหาใหญ่โตขึ้นมา" นายซีเกลอร์กล่าว

ถึงแม้ว่าจีนจะไม่ใช้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่ติดอันดับโลก แต่จีนก็เป็นผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดบริโภคข้าวใหญ่ที่สุดในโลกเช่นเดียวกัน อะไรเกิดขึ้นที่นั่นก็จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกด้วย

เวียดนามยังอยู่ไม่ไกลจากประเทศไทยซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ไม่ไกลจากกัมพูชา ลาวและพม่า ซึ่งล้วนเป็นประเทศที่ผลิตข้าวในภูมิภาค

สถาบันวิจัยฯ ได้ติดตามผลที่อาจจะเกิดขึ้นในทางลบต่อนาข้าวของจีนในฤดูหนาวรุนแรงที่ผ่านมา ทั้งในภาคเหนือซึ่งในรอบปีปลูกข้าวได้เพียงฤดูเดียวและทางใต้ที่มีสภาพภูมิอากาศอบอุ่นกว่า สามารถทำนาได้หลายฤดู

ปัญหาที่เกิดในเวียดนามปีที่แล้วเกิดอย่างบังเอิญและเวียดนามก็ไม่คิดว่าจะส่งผลร้ายอย่างรุนแรงต่อการผลิต ซึ่งผลลัพธ์ก็คือเวียดนามมีข้าวส่งออกน้อยลงและข้าวราคาแพงขึ้นกว่า 3 เท่าจากเมื่อ 5 ปีก่อน

ยังไม่มีรายงานล่าสุดเกี่ยวกับราคาข้าวในตลาดโลกที่พุ่งขึ้นสูงตลอดเวลา จากตันละ 500 ดอลลาร์เมื่อต้นเดือนเป็น 550 ดอลลาร์ต่อตันในสัปดาห์กลางเดือนที่ผ่านมา ตามตัวเลขส่งออกของสมาคมอาหารเวียดนาม (Vietnam Food Association) หรือ VietFood

ปีที่แล้วยังเกิดน้ำท่วมใหญ่ที่เกาะชะวาอู่ข้าวอู่น้ำใหญ่ของอินโดนีเซีย เกิดพายุไซโคลนในบังกลาเทศ การแพร่ระบาดของไวรัสทุนโกร (tungro virus) กับเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในเวียดนาม ซึ่งทำให้ปริมาณข้าวในตลาดโลกลดลงอย่างเห็นได้ชัด

นายซีเกลอร์กล่าวว่ายังไม่ทราบสาเหตุชัดเจนเพราะเหตุใดโรคและแมลงจึงได้แพร่ระบาดเฉพาะในภาคใต้กับภาคกลางของเวียดนามเท่านั้น "เรากำลังเผชิญหน้ากับหลายอย่างที่ยังไม่รู้"

สถาบันวิจัยข้าวแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังและได้รับการยกย่องจากผลสำเร็จในการผลิตข้าวสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตสูงในช่วงทศวรรษที่ 1960 ซึ่งได้ช่วยให้หลายประเทศผ่านพ้นความยากจนตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา

นายซีเกลอร์กล่าวว่าที่ผ่านมาเกษตรกรชาวนาได้หันไปใช้พันธุ์ข้าวที่หลากหลายในการเพาะปลูก หลายคนได้เปลี่ยนวิธีบริหารจัดการ จึงไม่อาจจะทราบได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้น เกิดจากการใช้พันธุ์ข้าวที่หลากหลายยิ่งขึ้น หรือเกิดจากการเปลี่ยนวิธีจัดการหรือทั้งสองทาง

ผู้อำนวยการของ IRRI ยังเรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกลงทุนมากขึ้นในการวิจัยการเกษตร เนื่องจาก ผลผลิตที่เคยเพิ่มขึ้นอย่างมากมายในช่วงทศวรรษที่ 1960 เริ่มที่จะคงที่ ทั้งนี้ต้องโทษการลงทุนเพื่อการวิจัยที่ลดลงอย่างมากตลอด 15 ปีที่ผ่านมา

สถาบันวิจัยฯ IRRI ก่อตั้งขึ้นด้วยเงินบริจาคของกองทุนหลายแห่งในสหรัฐฯ ปัจจุบันดำเนินงานด้วยทุนที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลหลายประเทศทั่วโลก

"แน่นอนสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดขึ้น (กับเวียดนาม) อย่างน่าประหลาดใจนี้ เป็นขอบข่ายงานที่ IRRI ล้มเลิกไปในช่วง 5-10 ปีมานี้ เนื่องจากถูกหั่นงบประมาณลง" นายซีเกลอร์กล่าว

สัปดาห์กลางเดือน มี.ค. เวียดนามได้หยุดทำสัญญาซื้อขายกับลูกค้าในต่างแดน เนื่องจากราคาข้าวยังคงพุ่งต่อไม่หยุด ทำให้ไม่สามารถหาราคามาตรฐานสำหรับการเสนอขายได้ คาดว่าอาจจะต้องรอไปจนถึงต้น เม.ย. เมื่อกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบทกับกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมร่วมกันประกาศเป้าหมายส่งออกประจำไตรมาส

ผู้ส่งออกในเวียดนามกล่าวว่า หลายรายที่รีบส่งออกเมื่อต้นปีได้ประสบปัญหาขาดทุนเนื่องจากกำหนดการซื้อขายเป็นเงินดอลลาร์ในอัตราแลกเปลี่ยนที่กำหนดตายตัว แต่ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์ได้อ่อนค่าลงมากเทียบกับเงินสกุลด่ง

ตามข้อมูลของ VietFood ในช่วง 2 เดือนต้นปีผู้ส่งออกในเวียดนามหลายรายได้เซ็นสัญญาจำหน่ายข้าวให้แก่ฟิลิปปินส์ไปแล้วรวม 310,000 ตัน ราคาเฉลี่ย 140-145 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาในปัจจุบันสูงขึ้นกว่านั้นมาก

ถึงแม้ว่าจะขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนแต่ผู้ส่งออกเวียดนามก็กำลังพยายามหาข้าวส่งมอบให้แก่ลูกค้าในฟิลิปปินส์ให้ครบตามข้อตกลง VietFood กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น