xs
xsm
sm
md
lg

เวียดบ่นอุบเสียรู้..ไทยขายข้าว $1,000/ตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

<CENTER><FONT color=#00CC00>ภาพถ่ายวันที่ 24 เม.ย.2551 คนงานกำลังช่วยขนข้าวสารจากเวียดนามลงจากเรือที่ท่าเรือกรุงมะนิลา เป็นข้าวผสมข้าวหัก 15% ฟิลิปปินส์นำเข้าล็อตล่าสุดในราคา 700 ดอลลาร์ต่อตัน ในสถานการณ์ที่ตลาดโลกกำลังขาดแคลนในปัจจุบันผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าข้าวคุณภาพดีของเวียดนามก็สามารถขายได้ราคาเท่ากับข้าวไทยคือ 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน   (ภาพ: Reuters)<FONT></CENTER>

ผู้จัดการออนไลน์ — ผู้เชี่ยวชาญข้าวในเวียดนาม ชี้ รัฐบาลผิดพลาด การลดส่งออกข้าวปีนี้ได้เข้าทางผู้ส่งออกในประเทศไทย ซึ่งปลายเดือน เม.ย.นี้ ขายข้าวได้ 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน ข้าวไทยกำลังโกยเงินแบบมหาศาล ขณะที่เวียดนามได้รับประโยชน์อะไรจากตลาดโลกในขณะนี้

ราคาข้าวมีส่วนน้อยมากในการผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงในขณะนี้ การหยุดส่งออกยังส่งผลกระทบโดยตรงต่อชาวนาเกษตรของประเทศอีกด้วย

“ปัจจุบันประเทศไทยกำลังเก็บเกี่ยวผลกำไรจากราคาข้าวที่พุ่งสูงขึ้น (ไทย) ต้องขอบคุณการตัดสินใจของรัฐบาลเวียดนามในการลดปริมาณส่งออกข่าวลง” นายหวอต่งซวน (Vo Tong Xuan) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวในนครโฮจิมินห์ กล่าวกับสำนักข่าวเวียดนามเน็ต

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ ประธานาธิบดี ฟิลิปปินส์ นางกลอเรีย อาร์โรโย (Gloria Arroyo) มาร์คาปากัล ได้ขอซื้อข้าวจากเวียดนามในราคา 700 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 1 เท่าตัวจากเดือน ก.พ.

เดือนที่แล้วเวียดนามได้ประกาศหยุดการส่งออกข้าวเป็นการชั่วคราวไปจนถึงเดือน มิ.ย.เพื่อคำนวณปริมาณข้าวสำรองใหม่หลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังฤดูร้อนแล้วเสร็จ ขณะเดียวกัน ก็ได้ลดเป้าส่งออกทั้งปีลงเหลือเพียง 3.5-4 ล้านตัน จากเป้าเดิม 4-4.5 ล้านตัน ซึ่งจะทำให้ข้าวหายไปจากตลาดโลกอีก 500,000-1,000,000 ตัน

ทั่วโลกกำลังมีความต้องการอย่างสูงขณะที่ธนาคารโลกกับกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟ ออกเตือนให้ทั่วโลกระวังสิ่งที่เรียกว่า “วิกฤตการณ์อาหารทั่วโลก”
<CENTER><FONT color=#00CC00>ภาพถ่ายวันที่ 24 เม.ย.2551 รถเครนกำลังขนข้าวที่นำเข้าจากเวียดนามลงจากเรือ ประเทศนี้ยังขาดข้าวอีกราว 1 ใน 3 ของปริมาณที่ต้องการใช้บริโภคในปีนี้ ซึ่งคาดว่าจะต้องนำเข้าทั้งสิ้น 2.4 ล้านตัน ทำให้ต้องซื้อในราคาแพงขึ้นอีกเท่าตัว  (ภาพ: Reuters) <FONT></CENTER>
ประธานแบงก์โลก นายโรเบิร์ต เซลลิค (Robert Zoellick) กล่าวว่า ราคาอาหารได้เริ่มพุ่งขึ้นสูงมา 3 ปีแล้ว อันเป็นเหตุการณ์ที่อาจจะทำให้ผู้คนอีกราว 1000 ล้านคนทั่วโลกดำดิ่งลงไปสู่ความยากจนอย่างล้ำลึก

ที่ผ่านมา สื่อต่างๆ รายงานการประท้วงที่เกี่ยวกับการขาดแคลนอาหารในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ตั้งแต่อียิปต์ กับ มาดากัสการ์ ในแอฟริกา ไปถึง อินโดนีเซีย กับ ฟิลิปปินส์ ประเทศเพื่อนบ้านของเวียดนามเอง

ตามรายงานของสำนักข่าวเอเอฟพีสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลต้องให้ทหารไปรักษาโกดังเก็บข้าว หลังจากทหารได้เข้าทำหน้าที่คุ้มครองหน่วยจำหน่ายข้าวราคาถูกของรัฐบาลมาตลอด ฟิลิปปินส์เป็นประเทศที่นำเข้าอาหารรายใหญ่ที่สุดของโลก เนื่องจากประชากรเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและประเทศเกาะแห่งนี้ไม่มีที่ปลูกข้าวพอเลี้ยงประชาชนเกือบ 100 ล้านคน

ผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนลงความเห็นว่า การเพิ่มของประชากรทั่วโลก การขาดแคลนเทคโนโลยีในการเพิ่มผลผลิต รวมทั้งการผันพืชอาหารไปผลิตพลังงานทอดแทนได้เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ราคาข้าวและพืชอาหารต่างๆ พุ่งสูงขึ้นในช่วงไม่กี่ปีมานี้

เนื่องจากเวียดนามนั้นเป็นประเทศส่งออกข้าวใหญ่อันดับสองของโลกรองจากประเทศไทย จึงมีคำถามกันจากหลายฝ่ายว่าต่อหน้าสถานการณ์ที่โลกกำลังขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงในปัจจุบัน เป็นการฉลาดหรือไม่ที่เวียดนามหยุดการส่งออก?

ปีกลายเวียดนามส่งออกข้าวราว 4.5 ล้านตัน ทำรายได้ราวเกือบ 1,600 ล้านดอลลาร์ ถ้าหากส่งออกในปริมาณเท่าเดิมปีนี้ข้าวเวียดนามจะทำรายได้เข้าประเทศได้ 2-3 เท่าตัว คิดเป็นเงินมหาศาล

อย่างไรก็ตาม ราคาอาหารได้เป็นส่วนหนึ่งที่ทางการนำไปคิดคำนวณดัชนีผู้บริโภค หรือ CPI (Consumer Price Index) ซึ่งใช้เป็นตัวบ่งชี้อัตราเงินเฟ้อ และในปีนี้ราคาข้าวสารที่จำหน่ายในประเทศพุ่งสูงขึ้นกว่า 26% และ เพิ่มขึ้นกว่า 18% ในเดือน เม.ย.เพียงเดือนเดียว

ทางการมองว่า การหยุดส่งออกข้าวชั่วคราวจะช่วยกดดันราคาอาหารในประเทศให้ลดลง ในความพยายามแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อซึ่งทางการได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก

แต่ นายต่งซวน กล่าวว่า การลดปริมาณข้าวส่งออกนั้นเป็นผลร้ายต่อชาวนามากกว่าที่จะช่วยลดอัตราเงินเฟ้อ ทั้งนี้ เนื่องจากโดยพื้นฐานแล้วราคาข้าวในตลาดไม่ได้เป็นปัจจัยหลักแต่อย่างไรในการดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น หากแต่เป็นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง
<CENTER><FONT color=#00CC00>ภาพถ่ายวันที่ 16 ส.ค.2550 ชาวนากำลังพ่นยาฆ่าแมลงศัตรูข้าวในผืนนาชานกรุงฮานอย ขณะที่ชาวนาต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นไม่ว่าจะเป็นราคาปุ๋ย ยาค่าแมลงหรือค่าจ้างแรงงานในการเก็บเกี่ยวที่พุ่งสูงขึ้น แทนที่จะรีบส่งขายขณะที่กำลังได้ราคาดี รัฐบาลยังยืนยันให้หยุดส่งออกไปจนถึงเดือน มิ.ย. (ภาพ: AFP) <FONT></CENTER>
ผู้เชี่ยวชาญผู้นี้ ยังกล่าวอีกว่า รัฐบาลควรเอาใจใส่ต่อการบริหารจัดการเศรษฐกิจให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง ไปจนถึงการใช้เงินงบประมาณเข้าลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นต้นเหตุอันแม้จริงที่ทำให้ไม่สามารถควบคุมเงินเฟ้อท่วงทันกับเวลา

เดือนที่แล้วรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและพัฒนาชนบท นายกาวดึกฟ๊าต (Cao Duc Phat) ได้แสดงความห่วงใยต่อการพัฒนาเมืองที่รุกล้ำพื้นที่การเกษตรอย่างรวดเร็วมาก ที่ผ่านมาเวียดนามได้สูญเสียนาข้าวไปแล้วราว 2 ล้านไร่ จากการขยายตัวของเมืองและการพัฒนาการผลิตอุตสาหกรรม

นายฟ๊าต กล่าวว่า ภายใน 5 ปีนี้ หากไม่มีการแก้ไขปัญหานี้ เวียดนามจะสูญเสียที่นาที่สามารถปลูกข้าวได้กับปริมาณที่ส่งออกอยู่ในปัจจุบันนี้ ซึ่งหมายความว่าเวียดนามจะไม่ใช่ประเทศส่งออกข้าวอีกต่อไป และยังจะส่งผลต่อความมั่นคงอาหารของชาติในระยะยาวอีกด้วย
<CENTER><FONT color=#00CC00>ภาพถ่ายวันที่ 18 เม.ย. ชาวนาใน จ.ห่าไตย (Ha Tay) ใกล้กับกรุงฮานอยกำลังทำงานในผืนนา ข้างหลังโน้นเป็นสถานีสื่อสารดาวเทียม VINASAT 1 ที่เพิ่งจะเปิดใช้ใหม่ๆ เวียดนามกำลังรอดูผลการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ผลิ-ฤดูแล้งในขณะนี้ ก่อนจะพิจารณาเรื่องส่งออกอีกครั้งหนึ่ง  (ภาพ: AFP) <FONT></CENTER>
นายต่งซวน พยากรณ์ว่า ราคาข้าวในตลาดโลกจะยังคงพุ่งต่อไป แต่จะไม่ใช่ในอัตราสูงอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา

ถึงแม้ว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าวขาวคุณภาพดีจากประเทศไทยจะจำหน่ายได้ราคาถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน แต่ราคาก็จะไม่คงอยู่ในระดับนี้ต่อไป ในขณะที่เวียดนามควรจะคิดให้ดีว่าสมควรจะเข้าไปร่วมเก็บเกี่ยวผลกำไรในตลาดโลก ต่อหน้าสถานการณ์ขาดแคลนอาหารเช่นปัจจุบันนี้หรือไม่

ปลายปีที่แล้วนักวิชาการร่วมกับสมาคมอาหารเวียดนาม หรือ VietFood (Vietnam Food Association) ได้ประชุมหารือและเห็นพ้องกันว่าควรจะชะลอการส่งออกช่วงปลายปีและต้นปีเช่นเดียวกับประเทศไทย ซึ่งจะทำให้จำหน่ายข้าวได้ราคาเท่าๆ กับข้าวไทย

แต่สถานการณ์อาหารโลกในปีนี้ได้เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง
กำลังโหลดความคิดเห็น