ผู้จัดการรายวัน-- สำนักงานส่งเสริมการค้าไทยประจำลาวได้เตือนนักธุรกิจนักลงทุนไทย ให้เอาใจใส่ศึกษาระเบียบการต่างๆ และ คิดหาช่องทางธุรกิจการลงทุนกับถนนสายใหม่เชื่อมไทย ลาว จีนที่เพิ่งเปิดใช้อย่างเป็นทางการสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้ทำให้เกิดโอกาสการลงทุนใหม่ๆ อย่างกว้างขวาง
นายเฉลิมพล พงศ์ฉบับนภา อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายการพาณิชย์ประจำลาว ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าไทย ณ นครเวียงจันทน์ ออกเตือนความทรงจำเรื่องนี้หลังจากผู้นำกลุ่มความร่วมมือแห่งอนุภูมิภาคแม่น้ำโขง (Greater Mekong Sub-Region) 6 ชาติ ร่วมกันทำพิธีเปิดใช้อย่างเป็นทางการถนนสายสำคัญวันที่ 31 มี.ค.ที่ผ่านมา
ถนนเอเชียสาย 3 (ตะวันออก) หรือ A-3 (East) หรือ (อา-3 อี) หรือที่เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ถนนหมายเลข 3" (Route-3) หรือ R-3 ช่วงห้วยทราย-บ่อเตน (Boten) มีความยาวกว่า 300 กม.ไปเชื่อมต่อกับระบบทางหลวงของจีนทำให้สามารถเดินทางจากไทยไปยังมณฑลหยุนหนันและที่อื่นๆ ในจีนได้อย่างสะดวก
ถนนสาย "ระเบียงเศรษฐกิจเหนือ-ใต้" (North–South Economic Corridor) สายที่ 1 ของกลุ่ม GMS นี้ สร้างขึ้นจากความช่วยเหลือของจีน ไทย และเงินกู้จากธนาคารพัฒนาเอเชียหรือ เอดีบี
นายเฉลิมพลกล่าวว่าในปี 2551 นี้จะมีการผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นในการพัฒนาระบบโลจิสติกส์บนเส้นทาง NSEC รวมทั้งช่วงที่เป็นถนนซูเปอร์ไฮเวย์ด่านบ่อหาน (Pohan) ถึงเมืองจิ้งหง (Jinghong) หรือ เชียงรุ้ง ในเขตสิบสองปันนา (Sizhuangbanna) ที่จะแล้วเสร็จปีหน้า
การก่อสร้างสะพานเชียงของ-ห้วยทรายเป็นความร่วมมือระหว่างจีน ลาวและไทย มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2554 หรืออีก 3–4 ปีข้างหน้า แต่ในปัจจุบันมีการใช้แพขนานยนต์ข้ามไปมากันอยู่แล้ว รวมทั้งรถบรรทุกสินค้าและน้ำมันเชื้อเพลิงที่ส่งจากไทยไปยังจีน
ถนนอา-3อี มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ "ต่อไปผู้ประกอบการไทยอาจจะมีโอกาสนำสินค้าอาหารทะเล หรืออาหารทะเลแช่แข็งไปขายในตลาดเชียงรุ้งหรือคุนหมิง เพราะมณฑลของจีนทางตะวันตกเฉียงใต้จะห่างไกลทะเล และประชาชนเริ่มมีรายได้มากขึ้นจากการมุ่งพัฒนาตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งคนไทยควรจะต้องออกไปดูนอกบ้านให้มากขึ้น.." นายสมพงษ์กล่าว
อัครราชทูตที่ปรึกษาฯ ของไทยได้เตือนให้นักธุรกิจและนักลงทุนไทยต้องรีบศึกษาและหาลู่ทางธุรกิจบนถนนเศรษฐกิจสายใหม่นี้ ก่อนที่จะถูกทุนต่างชาติฉกฉวยเอาโอกาสทองนี้ไปเสียหมด
อย่างน้อยที่สุดถนนอา-3อี ช่วงแขวงบ่อแก้วกับแขวงหลวงน้ำทาของลาวมีความงดงามตามธรรมชาติหาซื้อไม่ได้ ต่อไปจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ และ เส้นทางลำน้ำโขงในตอนเหนือของลาว แขวงบ่อแก้ว อุดมไชย และหลวงพระบาง จะกลายเป็นเส้นทางอีโคทัวร์ริสซึ่ม ( Ecotourism) นายสมพงษ์กล่าว
ทางการลาวยังมองหาทุนรอนในการสร้างกิจกรรมให้คนมีงานทำ ให้มีแหล่งท่องเที่ยวและที่พักค้างคืนในลาวก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศอื่น ซึ่งจะต้องอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน ไม่ให้เกิดการติดขัดในขั้นตอนการปฏิบัติ
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ได้กำหนดโครงการกิจกรรมความร่วมมือทางเศรษฐกิจตามแนวถนน NSEC สายแรกโดยเริ่มจากการประชุมระหว่างผู้ประกอบการหอการค้า 8 จังหวัดภาคเหนือของไทยกับสภาการค้าและอุตสาหกรรม 6 แขวงตอนเหนือของลาว
การปะชุมวันที่ 9 เม.ย.จัดขึ้นที่แขวงบ่อแก้ว เพื่อศึกษาศักยภาพและความเป็นไปได้ด้านการค้าการลงทุน การท่องเที่ยว การบริการ และด้านโลจิสติกส์ บนถนนอา-3อี และ เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกันระหว่างภาคส่วนธุรกิจไทย-ลาว
กรมเจรจาการค้าฯ ยังมีโครงการจัดทัศนะศึกษาและเจรจาจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) ไทย–ลาว วันที่ 8–12 พ.ค.ที่แขวงบ่อแก้วเช่นเดียวกัน โดยจะลงลึกรายละเอียดเพื่อนำสู่การปฏิบัติทางด้านการค้า การลงทุน โลจิสติกส์ การเกษตรพันธะสัญญา (Contract Farming) การท่องเที่ยวและอื่นๆ
การประชุมสัมมนาทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การเปิดเจรจาในระดับรัฐมนตรีสามฝ่าย (ไทย-ลาว–จีน) ว่าด้วยการใช้ประโยชน์สูงสุดจากสะพานมิตรภาพเชียงของ-ห้วยทราย และถนนอา-3อี ซึ่งคาดว่าจะมีขึ้นได้ในปลายปีนี้ นายสมพงษ์กล่าว
ในเดือน ธ.ค.2549 กระทรวงพาณิชย์ไทยกับกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าลาว ได้ร่วมกันเซ็นบันทึกฉบับหนึ่งในนครเวียงจันทน์ โดยตกลงจะเกื้อกูลให้เศรษฐกิจของสองประเทศ (ไทย–ลาว) มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
ปี 2550 มีการจัดประชุมระดับรัฐมนตรีการค้าไทย ลาว และเวียดนาม เกี่ยวกับการใช้ประโยชน์สูงสุดจากสะพานมิตรภาพ 2 (มุกดาหาร–สะหวันนะเขต) กับเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก–ตะวันตก (East–West Economic Corridor)
นายสมพงษ์กล่าวว่า เมื่อเปิดใช้สะพานข้ามแม่น้ำโขงแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะสมบูรณ์ แต่การใช้สะพานจะเกิดความลื่นไหล ใช้ได้เต็มที่ตามเป้าหมาย และเกิดประโยชน์สูงสุด จะต้องมีการเจรจาในเรื่องของคน เรื่องรถ สินค้า เอกสารและการประกันภัย ที่จะใช้ร่วมกัน.