แมเนเจอร์ออนไลน์-- กำลังเป็นเรื่องถกเถียงกันแบบปากต่อปากหลังจากประธานสโมสรฟุตบอลดังในเวียดนาม หว่างอัน-ยาลาย (Hoang An-Gia Lai) กล่าวว่า HAGL จะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ในสโมรอาร์เซนัล (Arsenal) เจ้าของทีมฟุตบอลยอดนิยมในของอังกฤษ
นายดว่านเงวียนดึ๊ก (Doan Nguyen Duc) ประธานหว่างอันฯ เปิดเผยเรื่องราวดังกล่าวสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้ทำให้วงการต่างๆ เคลื่อนไหวคึกคัก ตั้งคำถามว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ที่สโมสรฟุตบอลจากเวียดนามจะมีเงินมากขนาดนั้น
และแม้จะมีเงินหลายพันล้านดอลลาร์เวียดนามก็ยังไม่มีกฎหมายให้ทำเช่นนั้นได้
นายเงวียนดึ๊กกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า HAGL ได้ว่าจ้างให้บริษัทค้าหลักทรัพย์ไซ่ง่อน หรือ SST (Saigon Securities Trading Co) ศึกษารายงานเกี่ยวกับการเงินของสโมสรปืนใหญ่ รวมทั้งศักยภาพเกี่ยวกับผลกำไร เพื่อนำไปพิจารณาอีกครั้ง ถ้าหากน่าพอใจ ก็จะนำเรื่องนี้เสนอต่อนายกรัฐมนตรี
แฟนๆ ชาวเวียดนามเรือนล้านคนนิยมชมชอบในทีมนักเตะอาร์เซนัล นอกจากนั้นในเดือน ม.ค.2550 สโมสรนี้ยังได้เซ็นความตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับหว่างอัน-ยาลาย และอาร์เซนัลจะได้สร้างอะคาเดมีฟุตบอลขึ้นในเวียดนามอีกด้วย
ตามรายงานของสื่อทางการ สถาบันฝึกสอนกีฬาฟุตบอลแห่งแรกของประเทศ จะสร้างขึ้นในเมืองเปลกู (Plei Ku) เมืองเอกของ จ.ยาลาย ซึ่งอยู่ในเขตที่ราบสูงภาคกลางของเวียดนามโดยจะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน
นายเงวียนดึ๊กกล่าวในคราวนั้นว่า จะมีการคัดเลือกเยาวชนอายุต่ำกว่า 12 ปี ราว 12 คน เข้าไปฝึกเป็นชุดแรกและ ภายใต้ความร่วมมือดังกล่าว อาร์เซนอลจะส่งนักเตะจากประเทศไอวอรีโคสต์ (Ivory Coast) ไปประจำที่สถาบันจำนวน 4 คน เพื่อฝึกฝนเยาวชนของสโมสรหว่างอัน
อาร์เซนัลได้ก่อตั้งสถาบันขึ้นตามสัญญา ตลอดจนได้มอบให้สโมสรหว่างอันฯ เป็นตัวแทนดูแลผลประโยชน์เกี่ยวกับเครื่องหมายการค้าในเวียดนามอีกด้วย แต่หลังจากนั้นก็มีข่าวคราวน้อยมาก
เพราะฉะนั้นเมื่อออกมาให้สัมภาษณ์อีกครั้งหนึ่ง ความคิดที่จะเข้าเทคโอเวอร์สโมสรอาร์เซนัล จึงสร้างความแปลกใจให้แก่ทุกฝ่าย
อย่างไรก็ตามประธานว่างอันยาลายยอมรับว่า เวียดนามยังไม่มีกฎหมายที่อนุญาตให้เอกชนหรือบริษัทของรัฐบาลในประเทศ "ลงทุนโดยทางอ้อม" ในบริษัทต่างประเทศได้ คาดกันว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปีจึงจะมีกฎหมายเช่นนั้นออกมา
นายฟานหือว์ท่าง (Phan Huu Thang) หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของต่างประเทศ กระทรวงวางแผนและการลงทุนกล่าวถึงเรื่องนี้ในทิศทางเดียวกันว่า ยังไม่สามารถออกใบอนุญาตให้บริษัทเวียดนามรายใดไปซื้อหุ้นบริษัทต่างประเทศได้ แต่กระทรวงกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะหารือเกี่ยวกับแนวปฏิบัติในเร็วๆนี้
นายหวูบ่าง (Vu Bang) ประธานคณะกรรมการหลักทรัพย์แห่งรัฐ (State Securities Council) ก็ยืนยันว่า กฎหมายที่มีอยู่ในปัจจุบันแค่อนุญาตให้บริษัทจากเวียดนามลงทุนโดยตรงในต่างประเทศ หรือออกระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้ออกไปซื้อหุ้น
ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์รายหนึ่งกล่าวว่า การซื้อหุ้นสโมสรอาร์เซนัลสัก 25% ซึ่งอาจจะมีมูลค่านับพันล้านดอลลาร์นั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับบริษัทเวียดนาม ซึ่งมีการควบคุมการนำเงินออกต่างประเทศอย่างเคร่งครัด
ผู้เชี่ยวชาญรายนี้เชื่อว่า การเทคโอเวอร์สโมสรดังระดับโลกเช่นนั้นอาจจะต้องใช้เงินมหาศาลเพราะ ชื่อเสียงของสโมสร จะทำให้ราคาซื้อขายพุ่งขึ้นสูงกว่าราคาตลาดหลายเท่าตัว
เขาได้ยกตัวอย่างบริษัทไมโครซอฟท์ (Microsoft Corp) ขอซื้อ Yahoo! เมื่อไม่นานมานี้โดยเสนอให้ราคาสูงกว่าราคาตลาดถึง 81 เท่าตัว แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมขาย
สโมสรอาร์เซนัลตั้งอยู่ทางตอนเหนือกรุงลอนดอน เคยครองชนะเลิศฟุตบอลดิวิชั่น 1 กับพรีเมียลีคมาแล้วรวม 13 ครั้ง ครองถ้วยเอฟเอคัพอีก 10 ครั้ง
ในเดือน มี.ค.2550 นิตยสารโฟร์บส์ (Forbes) ได้จัดอาร์เซนัลเป็นสโมสรฟุตบอลที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก คือ ประมาณ 495 ล้านปอนด์ ถัดจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับ เรียลมาดริด
ปีที่แล้วเช่นเดียวกันดีลอยท์ (Deloitte) ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาที่มีชื่อเสียงระดับโลก จัดอาร์เซนัลเป็นอันดับ 8 สโมสรที่ทำรายได้มากที่สุดคือ 133 ล้านปอนด์ในฤดูการแข่งขัน 2548-2549.