xs
xsm
sm
md
lg

GDP เวียดยิ่งปั่นยิ่งแย่เงินเฟ้อ-ขาดดุลปีนี้ทะลุเมฆ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online



ผู้จัดการรายวัน-- กระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมเวียดนาม (Ministry of Industry and Trade) กล่าวว่าปี 2551 นี้การขาดดุลการค้าอาจจะเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 30 % จากปีที่แล้ว เนื่องจากกำลังจะมีการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคมากขึ้น เช่นเดียวกับสินค้าทุนต่างๆ ทั้งนี้เพื่อผลิตเป็นสินค้าออกให้ได้มากขึ้น เพื่อสนองเป้าหมายการการขยายตัวทางเศรษฐกิจประมาณ 9%

กระทรวง MOIT ออกตัวเลขคาดการณ์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งได้สะท้อนความกังวลต่อตัวเลขมหภาคต่างๆ ในเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ หลังจาก ปี 2550 การขาดดุลการค้าของเวียดนามพุ่งทะเล 12,300 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าตัวจากปี 2549

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดสามารถหาทางออกสำหรับปัญหานี้ได้ และ ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกันว่าแก้ไขได้ยากตราบเท่าที่เศรษฐกิจเวียดนามยังต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบเป็นหลัก

นายหวูฮวีหว่าง (Vu Huy Hoang) รัฐมนตรีว่าการกระทรวง MOIT กล่าวว่า 2 ใน 3 ของสินค้านำเข้าเมื่อปีที่แล้วเป็นวัสดุต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าอุตสาหกรรมสนับสนุนภายในประเทศยังอ่อนแอและขาดการพัฒนา ทำให้เวียดนามต้องพึ่งพาจากต่างประเทศ

อย่างไรก็ตามนายหว่างกล่าวว่า ถ้าหากต้องการให้ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 8.5-9% ตามเป้าหมายในปี 2551 นี้ เวียดนามจะต้องเพิ่มยอดการส่งออกให้ได้ถึง 59,030 ล้านดอลลาร์เป็นอย่างต่ำ นั่นคือ 22% เพิ่มขึ้นจากปี 2550

นั้นหมายความว่าจะต้องเพิ่มการนำเข้าวัสดุต่างๆ อีก 25% เป็นมูลค่า 76,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ตัวเลขขาดดุลเป็นเพิ่มขึ้นเป็น 16,970 ล้านดอลลาร์ในปีนี้ เพิ่มขึ้น 36.9% จากปี 2550 หรือคิดเป็นสัดส่วน 28.75% ของมูลค่าส่งออก ทั้งนี้เป็นรายงานของหนังสือพิมพ์ลาวด่ง (Lao Dong) หรือ "แรงงาน"

กระทรวงนี้คาดว่าปีนี้จะมีการนำเข้าเครื่องจักรกับอุปกรณ์ต่างๆ คิดเป็นประมาณ 26.3% ของมูลค่าส่งออก วัสดุเพื่อการผลิตภายในประเทศคิดประมาณ 66.2% และ สินค้าอุปโภคบริโภคอีกราว 7.5%

ผู้เชี่ยวชาญเห็นพ้องกันว่าการแก้ไขปัญหาขาดดุลการค้าที่ดีที่สุดตรงที่สุดคือ ต้องเพิ่มการส่งออก แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ทำได้ง่ายๆ

ในปีนี้เวียดนามจะต้องลดการส่งออกสินค้าหลักหลายรายการ รวมทั้งข้าว ถ่านหินและน้ำมันดิบ ทั้งนี้เพื่อให้มีพอใช้ในประเทศ และรับประกันความมั่นคงด้านพลังงาน

แต่ในขณะเดียวกันกระทรวง MOIT ก็วิตกว่าการส่งออกสินค้ารายการเกษตรการสำคัญอื่นๆ รวมทั้งสินค้าอาหารทะเลจะลดลงในปีนี้ อันเนื่องมาจากสภาพภูมิอากาศ ขณะที่การส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูป รองเท้า อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ ก็กำลังเผชิญกับการแข่งขันรุนแรงและตลาดเริ่มแคบลง

คาดว่าการส่งออกอาหารทะเลจะทำรายได้ประมาณ 4,250 ล้านดอลลาร์ (ขยายตัว 12%) ส่งออกข้าวอีก 1,500 ล้านดอลลาร์ (เพิ่ม 3%) ส่วนรายการอื่นๆ เช่น กาแฟ เม็ดมะม่วงหิมะพาน และยางพารา เชื่อว่าจะลดลงเล็กน้อย

ผู้ส่งออกในเวียดนามยังวิตกต่อค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ถ้าหากมาตรการพยุงค่าเงินด่งไม่ให้แข็งขึ้นใช้ไม่ได้ผลอีกในปีนี้ ก็จะส่งผลกระทบถึงรายได้จากการนำเข้าเป็นอย่างมาก

ขณะเดียวกันการลดการนำเข้ายิ่งมีความยุ่งยาก รัฐบาลจะต้องลดพิกัดศุลกากรให้แก่สินค้าอีกหลายรายการ ตามพันธะที่ให้ไว้แก่องค์การการค้าโลก และ ความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน หรือ อาฟต้า (AFTA)

ไม่เพียงแต่เวียดนามกำลังจะขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นเท่านั้น สำนักงานใหญ่สถิติเวียดนาม (General Statistics Office) ยังคาดว่า ปีนี้อัตราเงินเฟ้อยังจะเพิ่มขึ้นสูงกว่าปีที่แล้ว ซึ่งทะยานขึ้นสูงเป็นประวัติการกว่า 12.2%

นายเหวียนดิ่งบิก (Nguyen Dinh Bich) นักเศรษฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยการค้า (Institute of Trade Research) กล่าวว่า เงินเฟ้อปีที่แล้วได้รับแรงกระตุ้นจากราคาวัสดุต่างๆ ที่นำเข้าเพื่อใช้ในการผลิตภายในประเทศ

ตัวเลขของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ ไอเอ็มเอฟระบุว่า ราคาสินค้าเหล่านั้นเพิ่มขึ้น 9.77% เมื่อปีที่แล้ว แต่คาดว่าราคาวัสดุต่างๆ ในปีนี้จะสูงขึ้นแค่ประมาณ 0.321%

อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกยังเป็นปัจจัยลบสำคัญสำหรับเศรษฐกิจในปีนี้ ซึ่งจะผลักดันให้ราคาวัสดุที่นำเข้าสูงขึ้นอย่างไม่คาดคิดก็เป็นได้ นอกจากนั้นเวียดนามยังต้องนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปกับสินค้าปิโตรเลียมต่างๆ ถึง 100% จนกว่าโรงกลั่นน้ำมันแห่งแรกของประเทศจะดำเนินการได้ในปี 2553

อ่านข่าวละเอียดได้ใน "ผู้จัดการรายวัน" ฉบับวันอังคารที่ 15 ม.ค.2551

กำลังโหลดความคิดเห็น